EP.17 : ปมที่ถูกผูก

3229 คำ
“วิวสวยจัง สมกับเป็นห้องสวีทของโรงแรมดัง” ฉันพูดพร้อมเปิดม่านชมวิว “ดีใจถ้าเธอชอบ” “จะว่าไปมันไม่เกินกำลังของเด็ก ม.ปลายแบบพวกเราไปหน่อยรึ พวกบ้านรวยนี่น่าเหลือเชื่อจริงๆ” "แค่อยากให้ประทับในน่ะ นี่ของขวัญ สำหรับคริสต์มาสและเดตแรกของพวกเรา" ฉันรับถุงของขวัญที่ข้างในถูกห่อด้วยกระดาษสุดหรูจากแบรนดังยี่ห้อหนึ่งมาเปิดดู “แกะเลยได้มั้ย” “เอาสิ” “หืม สวยจัง ผีเสื้องั้นหรอ” ฉันหยิบสร้อยข้อมืออันเล็กออกมาจากกล่องของขวัญ สร้อยข้อมือทองคำขาวจากยี่ห้อดังแบรนหนึ่ง สร้อยข้อมือถูกประดับประดาไปด้วย ผีเสื้อเล็กใหญ่จำนวนมาก มองดูแล้วสวยมากๆเลยล่ะ “อืม เห็นแล้วนึกถึงเธอน่ะ ผีเสื้อที่ทั้งอิสระและสวยงาม ผีเสื้อที่ทุกคนมักจะวิ่งตามเพื่อไขว่คว้า” เขาพูดพร้อมกับสวมมันให้ฉัน “ผีเสื้อ ที่บินไปไหนไม่ได้ไกล และอ่อนแอ มีอายุและสวยงามได้เพียงไม่นาน ฉันมองเห็นคนละแบบกับนายเลย ฉันไม่อยากเป็นผีเสื้อเลย น่าเบื่อจะตายสุดท้ายก็อายุไม่ยืนแถมยังโดนเอาไปสตาฟติดผนังห้องอีก คิกๆ” “ถ้าเลือกได้ฉันจะเป็นปลาวาฬ แล้วฉันจะเดินทางเที่ยวรอบโลก สำรวจโลกใต้ทะเลแสนสวย คิกๆ” “ ฮ่าๆ เธอเนี่ยน้า จริงๆคิดหนักมากเลยล่ะ ว่าจะให้อะไรเธอดี อะไรที่จะทำให้คนแบบเธอดีใจ” ดูแววตาเขาเศร้าๆนะวันนี้ “ฉันคนที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งของพวกนี้ ดูแล้วอาจน่าเบื่อสำหรับพวกผู้ชายสินะ” “ไม่น่าเบื่อเลย กลับน่าสนใจมากขึ้นไปอีกต่างหาก คนที่ไม่มองแค่คุณค่าของสิ่งของแต่มองทุกสิ่งรอบตัวมีค่าทั้งหมด” “อะไรกัน ตกหลุมรักอีกแล้วสิ” ฉันยิ้มให้เขา “อืม ตกหลุมซ้ำไปซ้ำมา หาทางออกไม่เจอเลยล่ะ” พูดจบเขาก็ไม่รอช้า แทนคุณที่หน้าแดงก่ำ เขาบรรจงจูบมาอย่างแผ่วเบาหลังพูดจบ มือของเขาค่อยๆสัมผัสมาที่ไหล่ของฉันอย่างอ่อนโยน เขาค่อยๆถอดเสื้อคลุมออก และรุกไล่ลงมาที่ใบหู คอ ลงต่ำมาเรื่อยๆ เดรสสายเดี่ยวสีแดงที่ถอดออกง่ายอยู่แล้ว เขาปลดสายเดรสเส้นจิ๋วของฉันลงมากองที่แขน เผยให้เห็นเสื้อชั้นใน ทั้งๆที่เขาเคยทำจนฉันสุขสมแล้ว แต่ทำไมวันนี้ฉันถึงยังรู้สึกประหม่าได้ขนาดนี้นะ ทั้งๆที่เตรียมใจมาขนาดนี้แล้วแท้ๆ ฉันชะงักนิดหน่อย แล้วเขาก็ชะงักตาม “เธอแน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าจะทำแบบนี้” “อืม นายจะเปลี่ยนใจหรอ” ฉันแอบตกใจนิดหน่อยที่เขาถามขึ้นมาแบบนี้ “ฉันจะเปลี่ยนใจได้ไง ก็ฉันต้องการเธอมาตลอด” “แล้วมีปัญหาอะไรล่ะ” ฉันถามเขาออกไป “ฉันแค่อยากรู้ใจจริงของเธอ ไม่ใช่เธอที่กำลังห่วงฉันหรือทำเพื่อฉัน ฉันอยากรู้ว่าเธอรักใคร เพราะถ้าขืนเราล้ำเส้นไปมากกว่านี้เราจะถอยกลับไม่ได้แล้วนะ" "นี่คือใจจริงที่เธอต้องการทำ หรือแค่ต้องการทำเพื่อฉัน” เกิดอะไรขึ้นกับคนๆนี้ เขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่ล่ะ ฉันได้แต่ตั้งคำถามในใจ “จะมาพูดถึงเรื่องล้ำเส้นอะไรตอนนี้ล่ะ พวกเราก็ล้ำเส้นกันมาตั้งขนาดนี้แล้วไม่ใช่หรอ” ฉันพูดแบบเริ่มโมโห “แล้วใจเธอล่ะ เซเลน่า” “แล้วนายจะมาห่วงทำไมเรื่องนั้นล่ะ แค่นายต้องการฉันไม่ใช่หรอ ก็แค่ทำเหมือนที่ทำกับคนอื่น” ฉันเริ่มขึ้นเสียง “หึ เตรียมใจมาดีจังนะ แต่ฉันไม่ต้องการแบบนี้” เขาลุกออกไปจากเตียง “เหอะทำเป็นพูดดี คนที่ต้องการมากที่สุดคือนายไม่ใช่หรอ ที่จองห้องใว้ก็เพราะแบบนี้ไม่ใช่หรอ” “นั่นก็เพราะว่าฉันอยากให้เธอต้องการมันด้วยเหมือนกันไงล่ะ ถ้าจะมาทำกันแบบขอไปที แบบนั้นฉันไม่เอาด้วยหรอก” ผู้ชายที่นอนกับผู้หญิงแบบขอไปทีมาตลอดต้องมาเป็นฝ่ายพูดแบบนี้เองสินะ กรรมตามสนองหรือป่าวนะ เขาคิดในใจ เด็กสาวใส่เสื้อผ้าแล้วหยิบถุงของขวัญที่ข้างในมีผ้าพันคออยู่ เขวี้ยงใส่เขา “นี่ของขวัญ” แล้วเธอก็เดินออกจากห้องไป -ใจจริงของฉันงั้นหรอ- เด็กสาวพึมพัมแล้วเดินจากมา “เฮ้ออออ ทำให้โกรธอีกแล้วสิ” เด็กหนุ่มล้มตัวลงนอนบนเตียงหรู สิ่งที่ทำให้ผมปั่นป่วนและคิดมากอยู่ตอนนี้ ก็คือใจจริงของผู้หญิงคนนั้นที่เดาไม่ออกเลยว่าคิดอะไรอยู่ บางครั้งการที่เธอเป็นแบบนั้นก็ทำให้ผมตื่นเต้นนะ แต่อีกทางหนึ่งก็ทำให้ผมหนักใจเหมือนกัน เธอกำลังแค่สงสารผม หรือแค่ต้องการทำเพราะอยากลองตามประสาวัยรุ่น หรือแค่กำลังรู้สึกว่าต้อองรับผิดชอบ ผมไม่รู้อะไรเลยแล้วก็ระแวงไปหมด ความรู้สึกของเธอกับเจ้าฮารุและเจ้าสตีฟล่ะ ถ้าไม่เครียร์กันการมาทำแบบนี้เหมือนกับผมกำลังเห็นแก่ตัวอยู่คนเดียวเลย โอ๊ย แต่หุ่นยัยนั่นก็ยั่วชะมัด กลิ่นก็หอมจัง รู้สึกเสียดายนิดๆแฮะที่ปล่อยไป โอ้ยนี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย ต้องไม่ล้ำเส้นก่อนคบกันสิ ท่องไว้นะแทนคุณ ท่องไว้ เขานั่งสงบจิตสงบใจสักพัก แล้วก็ออกจากโรงแรมไป วันต่อมา วันคริสต์มาส พวกเราก็ได้มารวมตัวที่บ้านฉันตามนัด คนสุดท้ายมาแล้วสินะ ฉันคิดในใจพร้อมเปิดประตูบ้าน เด็กหนุ่มมาพร้อมกับ ถือตุ๊กตาปลาวาฬตัวใหญ่เท่าฉันได้เลยในมือเขา “ขอรบกวนด้วยนะครับ” เขาทำหน้านิ่ง “ทะ แทนคุณ” “อ่ะ นี่ของเธอ” เขายื่นตุ๊กตาให้ฉัน หมอนี่ดันจำเรื่องที่ฉันบอกว่าอยากเป็นปลาวาฬได้อีกนะ “ขะ ขอบใจมาก แต่เมื่อวานพึ่งได้ของขวัญมาเอง” เขาเดินเข้าบ้านไปแบบไม่พูดอะไร ยังโกรธอยู่หรือป่าวนะ ฉันได้แต่คิดในใจ แล้วพวกเราก็สนุกสนานเพลิดเพลินกับปาร์ตี้ ฉันที่ออกมานั่งรับลมอยู่ที่ระเบียง “เป็นไงบ้างเซลลี่ เดตกับเจ้าแทนไปได้สวยมั้ย” น้ำเสียงแสนอบอุ่นของผู้ชายที่มีนิสัยเย็นชากับทุกคนเอ่ยถามฉัน “ฮารุ” ฉันเริ่มหลบตาเขา เขายิ้มให้ฉันอีกแล้ว ยิ้มแบบอ่อนโยนที่มีเพียงฉันที่มักจะได้เห็นมัน “เป็นอะไรไป สีหน้ารู้สึกผิดนั่นมันอะไรกัน เจ้าแทนไม่ได้ทำร้ายจิตใจเธอใช่มั้ย” “เปล่าฮารุ ฉันแค่…” เขาตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ ฉันคงต้องพูดกับเขาแล้วล่ะ “บอกตามตรงนะ ถ้าถามฉันตอนนี้ว่าฉันรักใคร ฉันตอบไม่ได้จริงๆฮารุ ถ้าฉันตกลงคบกับแทนคุณ ฉันกลัวน่ะฮารุ" "กลัวว่ารอยยิ้มของนายจะหายไป กลัวว่านายจะไม่ยิ้มให้ฉันอีกต่อไป กลัวว่าพวกเราจะห่างกันไป แค่คิดฉันก็เหมือนจะใจสลาย” น้ำตาเริ่มคลออยู่บนดวงตาของฉัน “คำว่าเห็นแก่ตัวยังน้อยไปสำหรับคนอย่างฉันใช่มั้ย ฉันมันแย่กว่านั้นเยอะ” ฉันพูดกับเขา “แล้วฉันคนที่กำลังดีใจที่เธอเป็นแบบนี้เพราะฉัน ก็เป็นคนไม่ดีเหมือนกันสินะ” ฮารุพูดอย่างอ่อนโยน “ค่อยๆคิดเถอะ ใช้เวลาคิด” “อืม ขอบใจนะ” เขาเดินออกไป ⇒ มาที่ระเบียงหน่อยสิ มีเรื่องอยากคุย ฉันไลน์หาแทนคุณ “เซลลี่ เรื่องเมื่อวาน” “อืม เรื่องเมื่อวานฉันขอโทษนายจริงๆนะแทน ฉันคิดน้อยไป ฉันลืมคิดถึงความรู้สึกของพวกเราต่อจากนี้ จริงๆแล้วฉันรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบที่ทำให้นายต้องมาเป็นแบบนี้จริงๆนั่นแหละ งี่เง่ามั้ยล่ะ” “แค่ความรู้สึกผิดสินะ” เขาทำหน้าผิดหวัง “ใช่ นั่นก็ประเด็นหนึ่ง อยากลองก็อีกประเด็น คิดว่าถ้าเป็นนายคงไม่เป็นไรก็อีกประเด็น ถึงนายจะเป็นคนแรกก็น่าจะโอเค ฉันคิดแบบนั้นตลอด ขอโทษนะ นายอุตส่าห์เปลี่ยนเพื่อฉัน แต่ฉันกลับบอกให้นายทำเรื่องแบบนั้นแบบขอไปที” นัยน์ตาสีดำจ้องมองมาที่ฉัน “เสียดายมากเลยล่ะ” “หืม???” “ตอนนั้น ฉันเสียดายมากเลย ที่ปล่อยให้เธอกลับไป” เขาพูดด้วยหน้าตาจริงจัง “พูดแบบนี้เดี๋ยวฉันก็เผลออ้อนนายอีกสิ” ฉันยิ้มให้เขา “ฉันยอมให้เธออ้อน ตลอดชีวิตเลยดีมั้ย” “คิกๆ คำพูดตกเหยื่อที่ใช้บ่อยๆสินะ” “ป่าวสักหน่อย ฮ่าๆ” ร้านกาแฟ แถวย่านชานเมือง ฉันนั่งรอตามนัดของผู้ชายคนหนึ่ง ฉันเป็นประเภทชอบมาก่อนเวลานัดสินะ นัดใครทีไรต้องมานั่งรอก่อนตลอด จนติดเป็นนิสัยไปแล้ว “อ๊ะ รุ่นพี่ ทางนี้ค่ะ” ฉันยกมือโบกทักทายรุ่นพี่ที่ฉันนัดไว้ เขาเดินมานั่งที่โต๊ะ “สวัสดีปีใหม่นะเซลลี่” “สวัสดีปีใหม่ค่ะรุ่นพี่” เด็กหนุ่มท่าทางหล่อเหลา โทนเสียงทุ้มต่ำฟังแล้วไม่มีเบื่อ ใบหน้านิ่งเฉยและนัยน์ตาสีดำสุดเย็นชา สวมทับด้วยแว่นตาอีกชั้นหนึ่ง นี่อยู่นอกโรงเรียน ยังต้องพลางตัวอีกรึ ฉันแอบสงสัย “ว่าแต่ว่า นี่กะจะใช้งานกันตั้งแต่ต้นปีเลยหรอคะ รุ่นพี่ก็เกินไปมั้ยคะ พรุ่งนี้ก็เจอกันที่โรงเรียนอยู่แล้ว ยังจะเรียกมานอกรอบอีก” “ฮ่าๆๆ ได้ยินเสียงบ่นแบบนี้สมเป็นเธอหน่อย พอดีว่าพี่อยากเจอเธอ ก็เลยหาข้ออ้างน่ะ” เขายิ้มให้ฉันเหมือนเคย “จ้าๆ อยากเจอฉันแล้วใช้งานฉันให้เต็มที่ สมกับที่หยุดยาวไปใช่มั้ย” “เปล่า อยากเจอจริงๆ” “หืม???” “อืม เรื่องที่ว่าคือ พ่ออยากให้พี่มาคุยกับเธอ เรื่องเซนต์สัญญาเป็นโปรดิ้วเพลงของค่ายพี่น่ะ” “หา???” “อืม ตามนั้นแหละ พี่รู้ว่าคนแบบเธอเข้าใจ แต่ก็แกล้ง หา??? ไปแบบนั้นใช่มั้ย” หมอนี่ชักจะรู้นิสัยฉันมากเกินไปแล้วมั้ย “อืม” ฉันตอบพลางคาบหลอดกาแฟอยู่ อย่างเบื่อหน่าย เขายื่นสัญญามาให้ฉัน โห เอาจริงหรือเนี่ย ฉันเป็นแค่นักเรียน ม.ปลายเองนะ จะให้ทำงานแบบมืออาชีพเลยหรอ ฉันคิดในใจ แต่โอกาสแบบนี้ก็ไม่ได้มีบ่อยๆสินะ “ไม่ต้องรีบตอบหรอก แค่มาเสนอใว้ก่อนน่ะ กลัวค่ายอื่นสืบจนรู้จักเธอแล้วมาเสนอก่อน พ่อฉันเขาว่างั้น" “เป็นพ่อที่มองการณ์ไกลดีแฮะ สมกับเป็นเจ้าของค่าย” ฉันพูดออกไปแบบนิ่งๆ “ถ้าอยากทำงานนี้จริงจังก็อยากให้คิดถึงค่ายของฉันก่อนน่ะ” เขายิ้มให้ฉันหนึ่งที พระเจ้าออร่าเปล่งประกายจัง “พอดี ฉันพึ่งรับปากพี่ชายฉัน ว่าจะไปถ่ายแบบกับเขาหน่ะค่ะ แล้วฉันก็คงจะวุ่นอยู่ตรงนั้นสักพักเลย ฉันว่าจะบอกรุ่นพี่อยู่ ว่าฉันอาจได้แต่งเพลงนี้ให้เป็นเพลงสุดท้ายแล้ว” ฉันพูดจบก็หยิบสมุดให้เขา 1 เล่ม ฉันแอบแต่งตั้งแต่ก่อนปีใหม่ ทั้งๆที่ตั้งใจจะมาทำหลังปีใหม่แท้ๆ “อย่าลืมโอนเงินเข้าให้ด้วยนะคะ” “จ้า จ้า ยัยคนขี้งก” …. ฉันไม่ได้ตอบโต้ ได้แต่นั่งเอื่อนเฉื่อยอย่างเบื่อหน่าย “อะไรกัน จะไปเป็นนางแบบแล้วหรอ” “ป่าวค่ะ แค่อยากลองน่ะ” “แต่อย่างเธอต้องทำได้แน่นอนอยู่แล้ว” “ฉันก็ไม่ค่อยมั่นใจหรอกค่ะ” ฉันพูดพลางคาบหลอดกาแฟอยู่ “ลดความเหลาะแหละ แล้วเพิ่มความอยากเข้าไปในชีวิตสิ” “โห นี่กล้าว่าฉันเหลาะแหละเลยหรอคะ ใจร้ายชะมัดฮ่าๆๆ” “เซลลี่ บางทีคนที่เกิดมามีพร้อมทั้งพรสวรรค์และรูปร่างหน้าตาแบบเธอ อาจเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านี้ แต่เธอรู้มั้ยว่าคนหลายคนกำลังพยายามกันสุดๆเพื่อให้มีแบบเธอ” “คนที่ไม่สวยหุ่นไม่ดีก็ต้องพยายาม ทั้งศัลกรรมหรือทั้งลดน้ำหนัก” “คนที่ไม่มีพรสวรรค์เท่าเธอ ก็ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้เก่งได้เหมือนคนอื่น” ….. “แต่เธอที่มีพร้อมทุกอย่าง อาจจะไม่ได้มองเห็นตรงนั้น เพระฉะนั้น อย่างที่พี่บอก เพิ่มความอยากเข้าไปในชีวิตของตัวเองซะ ลดการทำเพื่อคนอื่นลงด้วย เธอน่ะถ้าเป็นเรื่องคนรอบตัวขึ้นมาเธอจะเต็มที่หมด แต่พอเรื่องของตัวเอง เธอกลับบอกอะไรก็ได้ หรือยังไงก็ได้” “รักตัวเองและทำเพื่อตัวเองให้มากกว่านี้ด้วย ถามใจตัวเองให้แน่ชัดว่าต้องการแบบนี้จริงมั้ย” “ทำเพราะอยากทำ ไม่ใช่ทำ เพราะคนอื่นอยากให้ทำ” ….. “พูดยาวจังคะวันนี้” ฉันก็ยังคาบหลอดกาแฟอยู่ แต่ทำไมรู้สึกดีขึ้นที่ได้ฟังเขานะ “ฮ่าๆ เห็นเธอแล้วขัดหูขัดตาน่ะ” “รุ่นพี่ไม่รู้หรอกค่ะ ว่าฉันมันเห็นแก่ตัวแค่ไหน ที่ฉันพยายามเพื่อทุกคนก็เพื่อให้ฉันรู้สึกผิดน้อยลงเท่านั้น นั่นก็แค่การทำเพื่อตัวฉันเองทั้งนั้นแหละค่ะ สุดท้ายฉันก็แค่มนุษย์ที่เห็นแก่ตัวที่สุด ไม่ได้ดีเลิศเหมือนที่รุ่นพี่บอกหรอกค่ะ” ….. “งั้นเป็นฉันไม่ได้หรอเซลลี่” “หือ???” “ให้ฉันคอยดูแลเธอได้มั้ย คบกับฉันได้มั้ย” สีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเด็กสาวเปลี่ยนไปทันที ปากที่คาบหลอดกาแฟแบบเบื่อหน่ายสั่นระริก หลอดกาแฟร่วงหล่นสู่โต๊ะ แน่นอนว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาสารภาพรักกับเธอ แต่เป็นคนใกล้ตัวที่ต้องทำงานด้วยกันแบบนี้ รู้สึกหวิวๆใจอีกแล้ว การเริ่มต้นความรักมันสวยงามนะ แต่มันจะจบลงยังไงฉันคิดไม่ตกจริงๆ “ละ ล้อเล่นหรือป่าวคะรุ่นพี่” ฉันแกล้งถามเพื่อเพิ่มความมั่นใจในสิ่งที่เขาบอกมา “เสียมารยาทนะถามแบบนั้น” เขาทำหน้าดุนิดหน่อย “ขะ ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้เลยจริงๆ” “อืม ก็คนแบบเธอแหละน้า” ….. “งั้นเธอมีคนในใจแล้วงั้นหรอ” ….. “ตอบไม่ได้ใช่หรือเปล่า” ….. “จนกว่าจะตอบได้ว่ามีใครในใจหรือเปล่า พี่ก็ยังยืนยันคำเดิมนะ” เขาพูดแล้วเดินออกไป ทิ้งฉันให้นั่งครุ่นคิดอยู่ตรงนั้นคนเดียว ฉันนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างร้านกาแฟแบบไร้แก่นสาร จิตใจของฉันล่องลอยจับต้นชนปลายไม่ถูก ความคิดชวนสับสนและคำถามมากมายกำลังผุดขึ้นมา มีทั้งคำตามที่ตอบได้และไม่ได้ เหมือนปมเชือกที่ถูกผูกขึ้นมาทีละน้อยจนมันยุ่งเหยิงไปหมด ถ้าจะแก้ปัญหาหมดนี่คงต้องใช้เวลาล่ะนะ ฉันบอกตัวเองแล้วยิ้มพลางลุกขึ้นยืน กรุงโรมยังไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียวเลย เอาเป็นว่าฉันก็ค่อยๆคลายทีละปมแล้วกันเนาะ อาจจะใช้เวลาหน่อย แต่ก็ต้องค่อยๆเริ่มก่อน ฮารุบอกว่าจะรอฉันนี่หน่า แล้วเจ้าแทนก็… เจ้าแทนไม่เคยบอกว่าจะรอฉันสักคำเลยนี่ เอ๊ะ หรือฉันจะคิดมากไป หมอนั่นชอบฉันจะตาย แล้วถ้าหมอนั่นจะไปชอบคนอื่นได้มั้ยนะ?? ถ้าเขาเบื่อที่จะต้องรอฉันแล้วล่ะ? ฉันอดคิดมากไม่ได้ และคงต้องรีบตัดสินใจกับเรื่องนี้แล้ว พอคิดได้แบบนั้น สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มต้นเรื่องที่ทำให้ฉันต้องวุ่นวายใจแบบนี้ เขากำลังเดินอยู่อีกฝั่งของถนน หลังจากคริสต์มาสเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยหมอนี่มาเดินทำไมแถวนี้นะ ฉันแอบสงสัยแล้วกำลังจะลุกขึ้นไป เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เขาโบกมือทักทายให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้าไปเขาอย่างสนิทสนม ทันทีที่ถึงตัวเขา ผู้หญิงคนนั้นก็เกาะแขนเขาแล้วเดินเข้าไปในสถานที่หนึ่ง เป็นที่ๆฉันรู้จักดี เพราะเขาเคยพาฉันมาทานข้าว โรงแรมหรูงั้นหรอ กับผู้หญิงสาวสวย หรือว่าหมอนี่กำลังจะทำเรื่องแบบนั้น ฉันคิดในใจ หัวใจของฉันเหมือนถูกบีบรัดแน่นเข้ามาเรื่อยๆจนแทบหายใจไม่ออก เหมือนมีอะไรมากดทับฉันเอาใว้ ไม่จริงใช่มั้ย ไหนหมอนั่นบอกจะเปลี่ยนไม่ไปมั่วกับผู้หญิงไปเรื่อยแล้วไง ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจ สมองโล่งและหัวใจที่เจ็บปวด ไม่สิ ฉันอาจจะคิดไปเองก็ได้ ฉันต้องคิดไปเองแน่ๆ ก่อนอื่นต้องพิสูจน์ก่อน ฉันรีบลนลานกดโทรหาเขา ⇒ ฮัลโหล เซลลี่หรอ มีอะไร น้ำเสียงราบเรียบแฝงไปด้วยความเย็นชานิดหน่อย ⇒ อืมแทน ตอนนี้นายอยู่ไหนหรอ ⇒ อยู่บ้านน่ะ พอดีแม่ให้ฉันช่วยดูงานเอกสารหน่อย ⇒ งะ งั้นหรอ ⇒ เธอมีอะไรหรือเปล่า ⇒ เปล่าๆ แค่นี้ก่อน ฉันกดวางสายไป โกหกฉันงั้นหรอ อา∼ เจ็บใจจัง ทั้งเจ็บใจทั้งเจ็บปวด อยู่ดีๆน้ำตาฉันก็ไหลลงมา มีเหตุผลอะไรต้องโกหกฉันงั้นหรอ ไม่ว่ายังไงฉันก็คิดไม่ตก มากับผู้หญิงที่โรงแรม แถมยังโกหกฉัน คงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้วมั้ง แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังอีกรอบ เจ้าแทนโทรกลับมา ⇒ เซลลี่ น้ำเสียงเธอดูแปลกๆ มีอะไรหรือป่าว ⇒ กี่ครั้งแล้ว ฉันแผดเสียงแหบแห้งถามเขา …. เขาเงียบ ⇒ มากับผู้หญิงคนนั้นกี่ครั้งแล้ว เขาชะงักเล็กน้อย เหมือนจะตกใจที่ฉันรู้และกำลังมองเขาอยู่ ⇒ ไม่ต้องโกหกฉันแล้ว ตอบมาตามตรง ⇒ 2-3 ครั้งแล้ว ตั้งแต่ไม่เจอเธอวันคริสต์มาส แต่ฉันอธิบายได้นะ ⇒ งั้นหรอ เข้าโรงแรมกับผู้หญิงคนอื่นทั้งๆที่บอกว่าชอบฉัน แล้วจะมาอธิบายอะไรอีก หรือจะบอกว่าเป็นความผิดของฉันอีกงั้นหรอ ….. เขาเงียบ ⇒ นั่นสินะอาจจะผิดที่ฉันอีกแล้วก็ได้ ทุกอย่างมันเริ่มต้นที่ฉัน และมันก็น่าจะต้องเป็นฉันที่ทำให้มันจบ ⇒ เซลลี่ ฉันขอโทษ ขอโทษก็เท่ากับยอมรับแล้วสินะว่าทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ ฉันคิดในใจ ติ๊ด ฉันกดตัดสายไปแล้วเดินออกมาจากร้านกาแฟ เดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ฉันทั้งเดินทั้งนั่ง ทั้งวิ่งแล้วร้องไห้ สลับกันอยู่แบบนั้น จนถึงเย็น พอเริ่มตั้งสติได้ ฉันก็ควรคิดว่าน่าจะต้องทำอะไรสักอย่างสักที จริงๆฉันก็ไม่ควรไปคาดหวังกับหมอนั่นแต่แรกอยู่แล้วสินะ แล้วฉันเองก็ไม่ได้ดีพอที่จะไปคาดหวังอะไรกับเขา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม