EP.11 : เธอมันขี้โกงชะมัด

2290 คำ
(Talk) ฮารุกะ “ฮารุ ฮารุ ฮารุคะ รอฉันหน่อยค่ะ” เด็กสาวผมดำลอน ส่งเสียงเรียกตามผมมาขณะผมกำลังจะเดินไปโรงอาหาร ผมที่หงุดหงิดมากในตอนนี้ และไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดคุยแบบปกติกับใครหน้าไหนได้เลย ผมรู้ตัวดีว่าการกระทำแบบนี้มันไม่ดี แต่ถ้าไม่ขีดเส้นให้ชัดๆ คนคนนี้จะไม่เข้าใจสถานการณ์ ของผมแน่ๆ ผมจึงเอ่ยออกไปนิ่งๆ “คุณลี มินอาครับ ถึงเราจะอยู่บ้านเดียวกันเพราะความจำเป็น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะสนิทกันขนาดที่คุณจะมาเรียกชื่อเล่นผมได้ตามใจชอบนะครับ ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ อยากให้คุณวางตัวให้เหมาะสมด้วย ทั้งกับผมและพี่ชายผม” “แล้วยังไงต่อหรอคะ คุณฮารุกะจะกลับไปหา คนที่พูดจาทำร้ายจิตใจคุณแบบนั้นนะหรอคะ” “มันไม่เกี่ยวกับคุณเลยครับ” อึก…… เด็กสาวสะอึก จะเพราะอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีสุดๆ เพราะฉะนั้นผมไม่จำเป็นต้องใส่ใจความรู้สึกของคนที่ไม่ได้สำคัญกับชีวิตของผม จะใครก็ช่างเถอะ ผมคิดแค่นั้นจริงๆ พลันสายตาก็มองไปเห็นโต๊ะกินข้าวประจำของพวกเรา ที่ไม่ได้มีเธอนั่งอยู่ ผมจะแอบดีใจนิดๆ ได้มั้ย ว่าเธอกังวลเรื่องของผมจนไม่มากินข้าว ผมจึงไปถามยัยแพรกับสตีฟว่าทำไมมากันแค่ 2 คน “เซลลี่บอกว่าไดเอทน่ะ” ชมพูแพรตอบนิ่งๆ “นี่ฮารุ ฉันว่ามีอะไรก็คุยกันให้เคลียร์ดีกว่ามั้ย เป็นแบบนี้แล้วพวกเราไม่สบายใจเลย” สเตฟานทำหน้าหงอย ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป พร้อมกับเดินไปซื้อขนมปังไส้ถั่วแดงที่ยัยนั่นชอบ กะว่าจะเอาให้หลังคุยกันจบ จริงอยู่ว่าผมโกรธเธอได้ไม่นานหรอกผมก็รู้ตัวเองดี แต่ผมก็อยากทำให้เธอรู้บ้างว่าผมไม่ชอบให้เธอพูดกับผมแบบนั้น ผมกำลังก้าวเท้าเข้าไปในประตูห้องเรียน เพื่อที่จะเข้าไปดูเธอด้วยความเป็นห่วง เพราะยัยแพรบอกว่าเธอไม่ยอมออกมากินข้าว ทันทีที่ผมเห็นเธอ อยู่กับเจ้าแทน ผมได้แต่เก็บขนมปังไส้ถั่วแดงที่ซื้อมา ซ่อนเอาไว้ นี่ผมกำลังน้อยใจเธออยู่นะ แต่ผมเป็นห่วงเธอมากกว่า ถึงได้ซื้อติดมือมาหรอก ทันทีที่ผมเห็นเธอกำลังยิ้มให้เจ้าแทน ผมแค่ทนดูต่อไม่ได้เลยตั้งใจจะเดินหนีออกมา แต่เสียงเรียกที่คุ้นเคยกำลังเรียกชื่อผมอยู่ “ฮารุ ฮารุ นี่ อยู่คุยกันก่อนได้มั้ย” เธอเรียกผมพร้อมกับลุกขึ้นมาคว้ามือผมไว้ ใจผมอยากจะคว้าเธอมากอดเวลานั้นเลย แต่ไม่ได้หรอกผมต้องสั่งสอนเธอซะบ้าง ผมคิดในใจ “งั้นฉันไปก่อนนะ ค่อยๆ คุยกันล่ะ” เจ้าแทนคุณตบบ่าผมพร้อมเดินออกไปจากห้อง ผมหันมามองสีหน้ารู้สึกผิดของเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า น้ำตากำลังคลออยู่บนดวงตาสีเขียวมรกต เป็นสีหน้าที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นบ่อยนัก แต่ผมยังไม่ใจอ่อนหรอก เธอบีบมือผมแน่นแล้วพูดขึ้นมาอีก “ฮารุ ฉันขอโทษจริงๆ นะที่พูดกับนายแบบนั้น ฉันรู้ดีว่าทำให้นายเจ็บปวดมากสินะ ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ยกโทษให้ฉันได้มั้ย” …… ผมยังเงียบแล้วมองดูเธออยู่ว่าเธอกำลังจะพูดอะไรต่อ สายตาผมที่มองเธอตอนนี้คงจะเย็นชามาก เพราะผมตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น “นี่นายจะไม่พูดอะไรสักคำเลยหรอ” เด็กสาวหน้าหงอย น้ำตายังคงคลออยู่ อีกนิดผมต้องใจอ่อนแน่ ผมจึงรีบชิงพูดก่อนว่า “แล้วเธอจะสนใจทำไมว่าฉันจะพูดอะไรจะคิดอะไร ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเธออยู่แล้ว” ผมพูดไปตามอารมณ์ของผม น้ำตาที่แค่คลออยู่ในดวงตาคู่นั่น มันกลับไหลลงมาตามแรงดึงดูดของโลก ขี้โกงชะมัด ทำไมยัยนี่ต้องทำให้ใจผมหวั่นไหวตลอด เข้ามาทำให้วุ่นวายแล้วหายไป เหมือนผีเสื้อที่บินไปมา ยากที่จะไขว่คว้า แต่ก็ไม่หยุดไขว่คว้าสักที ////ผมมีแต่ต้องยอมรับว่าผมเองต่างหากที่ไม่ยอมหนีไปจากความรู้สึกนี้เอง//// “นายสำคัญสำหรับฉันเสมอนะ ที่ฉันพูดไปเมื่อเช้า ว่านายไม่ได้สำคัญกับฉันนั่นฉันโกหก ฉันเสียใจ ฉันเอาอารมณ์โมโหของฉันเป็นหลัก ไม่ได้คิดถึงใจของนายเลย ฉันแค่โกหกเพื่อจะเอาชนะยัย ลีมินอา นั่น” “ฉันขอโทษจริงๆ นะฮารุ แต่ฉันไม่ชอบให้พวกเราเป็นแบบนี้เลย แค่นายเมินฉันแค่ครึ่งวันเอง หัวใจของฉันมันกลับก็รู้สึกว่านานมาก มันนานจริงๆ นานขนาดที่ฉันรู้สึกว่าว่า ถั่วเขียวจะกลายเป็นถั่วงอกได้เลยนะ” จังหวะนั้นผมเก็บอาการไม่อยู่แล้วจริงๆ ยัยนี่เล่นมุกได้หน้าตาเฉยในสถานการณ์แบบนี้เนี่ยนะ ผมขำออกมาโดยไม่รู้ตัว “คิกๆๆ นี่เซเลน่า นี่เธอเล่นมุกจริงๆ หรอ ในสถานการณ์แบบนี้นะ” ผมที่ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้เธอ แบบร่างกายมันขยับไปเอง “โอ๊ะ ยิ้มแล้ว หายโกรธฉันเถอะนะ ดีกันนะ" เธอยกนิ้วก้อยขึ้นมาให้ผม แค่นั้นผมก็หายโกรธเธอแล้วหรอ ผมนี่ใจง่ายชะมัด ผมยกนิ้วขึ้นไปเกี่ยวกับเธอแบบเสียไม่ได้ “เธอนี่มันขี้โกงชะมัด เซลลี่” “ฉันรู้ดีว่าฉันขี้โกง ขอโทษนะ แล้วก็ขอบคุณมากที่ยอมให้ฉันมาโดยตลอด” “สัญญาได้มั้ยว่าจะไม่พูดแบบนั้นอีก ฉันเจ็บปวดมากนะ” ผมทำหน้าหงอยไป 1 ที “อืม เข้าใจแล้วสัญญา” เธอทำหน้ารู้สึกผิดมากๆ ผมอยากแกล้งเธอต่ออีกหน่อย ความรู้สึกอยู่เหนือเธอตอนนี้ ทำให้ผมรู้สึกมีออร่าของพระราชาที่กำลังกดขี่ทาสอยู่ ผมก็เลยแกล้งถามเธอออกไป “แล้วสรุปว่าเธอหึงฉันหรือเปล่า” เธอนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วตอบออกมาแบบไร้เดียงสา “ถ้าการที่ฉันหงุดหงิด ที่ยัยนั่นทำเป็นสะดุดหกล้มให้นายช่วยพยุง กับเรียกนายว่าฮารุ นั่นแปลว่าฉันหึง งั้นฉันก็คงจะหึงจริงๆ แหละมั้ง แต่ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดีนี่หน่า เพราะการหึงมันต้องใช้กับคนที่เป็นแฟนกันหรือเปล่า ถ้าเพื่อนกันแบบเราอาจจะมีคำเรียกอื่นๆ มั้ยล่ะ ฉันก็ไม่แน่ใจน่ะ” “จะว่าไงดีล่ะ ถ้ามีคนมาทำแบบนั้นกับยัยแพร หรือสตีฟ หรือเจ้าแทน ฉันก็อาจจะหึงอีกก็ได้นะ” “ฮ่าๆๆ เธอเนี่ยน้า” แต่เอาเถอะ แบบนี้มันก็ไม่ได้แย่ ผมที่สำคัญกับเธอเสมอ ตรงนี้มันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ ขออยู่แบบนี้ไปอีกสักพักละกัน สัปดาห์งานชมรม พวกเรานัดกันที่หอประชุม เพื่อมาดูเจ้าแทนกับชมพูแพรขึ้นแสดง ตำแหน่งการนั่งเก้าอี้ ฉัน ⇒ ฮารุ ⇒ สเตฟาน ⇒ ยัยลีมินอา ยัยนี่ขอตามมาโดยใช้ข้ออ้างว่า ไม่มีเพื่อนพามาดูงานเลย นู้นไปอ้อน กับ อ.นัตสึเมะ พี่แกเลยมาขอให้พวกฉันพามาด้วย อ.นัตสึเมะนี่ก็ใสซื่อเกินไปมั้ย ระวังโดนยัยนี่จับกินเอาหรอก แล้วทำไมฉันต้องหงุดหงิดด้วยเนี่ย “โอ๊ะ มาแล้วเจ้าแทน” ชมรมบาสสินะ สเตฟานตื่นเต้น “หืมใส่ชุดแบบนั้นแล้วหล่อใช้ได้เลยนะเจ้านั่น พอฉันบอกว่าให้ไว้ผมแบบนั้นตอนเปิดเทอมแล้วสาวจะกรี๊ด เจ้าหมอนี่ก็ไว้ตามเลย แหม เจ้าแทนกลัวสาวไม่กรี๊ด คิกๆ” “ไม่ใช่เพราะกลัวสาวไม่กรี๊ดหรอกมั้ง” ฮารุพูดมานิ่งๆ สไตร์ฮารุเช่นเคย “หืม งั้นหรอ แล้วเพราะอะไรถึงทำงั้นล่ะ” ฉันถามไปแบบสงสัย “ก็ถ้าเธอบอกให้เจ้าแทน หรือเราคนใดคนหนึ่งให้ไว้ผมยาวลากดินไปเลย ทุกคนก็คงจะทำตามที่เธอพูดเหมือนกันไง” นี่ก็ยกตัวอย่างซะเห็นภาพ “คิกๆ ก็จริง” ฉันพูดไปแบบไม่คิดอะไร แต่สายตาที่ยัยลีมินอามองมา รู้สึกได้ถึงความไม่ประสงค์ดี ฉันไม่ได้เก็บมาใส่ใจ จนยัยแพรขึ้นแสดง ทั้งหอประชุมเงียบกริบ เพื่อรอการเปิดการแสดงของชมรมดนตรี พวกนักดนตรีของชมรมก็ขั้นเทพกันทั้งนั้น ถึงพวกเราจะไปขอใช้ชมรมเขาบ่อย แต่เราก็ไม่ได้เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการเหมือนยัยแพรกับพี่ชิน อาาา พูดถึงพี่ชิน อยู่บนเวที ช่างเปล่งประกาย เจิดจรัด หล่อมาก ฉันเผลอใจเต้นหน้าแดง จนฮารุมากระซิบข้างหู “อะไรกัน ยังคิดถึงเรื่องของหมอนั่นอยู่หรอ” นายดูออกเก่งจังฮารุ คอยสังเกตฉันเสมอเลยสินะ “หืม ป่าว แค่คิดว่าพี่เขาเท่ห์ดี แต่ไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้วแหละ เหมือนจะตัดใจได้แบบสมบูรณ์แบบแล้วน่ะ” “งั้นหรอ” ฮารุยิ้มอ่อนโยน ทันทีที่การแสดงจบลง เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปทั่วหอประชุม ยัยแพรร้องเพลงเพราะมากจริงๆ พรสวรรค์ของแม่ดอกไฮเดรนเยีย ที่แสนเย็นชาสินะ ดูเหมือนช่วงนี้แพรก็จะเปลี่ยนไปทีละน้อย เข้ากับคนอื่นได้มากขึ้นด้วย ฉันภูมิใจในตัวเธอนะยัยแพร ฉันยิ้มออกมาแบบภูมิใจ “งั้นเดี๋ยวฉันไปหายัยแพรหลังเวทีก่อนนะเจ้าแทนก็น่าจะอยู่ด้วย พวกนายอยู่ดูต่อก็ได้ อยู่เป็นเพื่อนลีมินอา” “ฉันจะไปด้วย” ฮารุพูดนิ่งๆ “ฉันก็จะไปกับเธอ” สตีฟงอแง “ไม่เอาน่าพวกนายจะให้ ลีมินอา นั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวได้ไง” ฉันกระซิบข้างหูเขา 2 คน “ฉันไม่ได้สนใจอยู่แล้ว” ฮารุพูดได้นิ่งมาก แต่สตีฟยังลังเลนิดๆ ด้วยนิสัยเฟรนด์ลี่ของเขา ฉันคิดว่าเขาน่าจะยอมอยู่เป็นเพื่อนเธอ “ไม่เอาอ่ะ ฉันจะไปกับพวกเธอด้วย พวกเรานัดกันแล้วไม่ใช่หรอว่าจะเดินเที่ยวชมรมต่างๆ ด้วยกันน่ะ” อ้าวผิดคาด แบบนี้ยัยลีมินอาน่าสงสารนิดๆ แฮะฉันที่กำลังจะเอ่ยปากชวนไปพร้อมกัน “เอ่อ งั้น ลี…..” “ไม่เป็นไรค่ะ พวกคุณไปกันก่อนเลยค่ะ ฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้สักพัก ดูชมรมอื่นๆ ขึ้นแสดงหน่อยค่ะ” “งะ งั้นหรอ…” ฉันตอบไปแบบอึกอัก รู้สึกถึงแรงอาฆาตและสายตาที่ยัยนั่นมองมาที่ฉัน “แพร แทน ทำได้ดีมากเลยนะ พวกนายสองคน อ๊ะ พี่ชินด้วยนะคะ” ฉันยื่นดอกกุหลาบ 3 ดอกให้พวกเขา ก่อนเดินเข้ามาหลังเวที ฉันแวะซื้อดอกไม่ที่ร้านข้างทางที่เขาเปิดบูทขาดของอยู่ แล้วยื่นให้พวกเขาทั้ง 3 คน “โอ๊ะ เซลลี่ แงงง มาแล้วหรอที่รัก” ยัยแพรโดดมากอดฉัน เราสองคนกอดกันกลม “ขอบใจมากนะเซลลี่” พี่ชินยิ้มอ่อนโยน “ขะ ขอบใจมาก ไม่เห็นต้องซื้อมาเลย ของแบบนี้” แทนคุณขอบคุณแบบเขินๆ 0//0 “โอ๊ะถ้าไม่เอา เอามาให้ฉันมา” สเตฟานพูดแหย่พลางมือจะแย่งดอกกุหลาบไป “จะบ้าหรอไม่ได้” แทนคุณกอดดอกกุหลาบไว้ปานว่าเป็นลูก “เซลลี่ ไปช่วยฉันเปลี่ยนชุดหน่อยสิ” ได้ทีอ้อนใหญ่เลยนะยัยแพร “จ้าๆ” ฉันเดินตามแรงจูงของยัยแพรเข้าไปในห้องแต่งตัวหญิง “นี่พวกนายอย่าบอกนะว่ายังไม่คืบหน้ากันไปไหนเลย” ชินกรถามด้วยใบหน้าอ่อนโยน “อะไรกันเล่า ไม่เกี่ยวกับพี่สักหน่อย” แทนคุณรีบออกตัว “ไม่เกี่ยวได้ไง ถ้าเซลลี่ยังไม่มีแฟน พี่ก็ยังมีสิทธิ์นะ” ชินกรแหย่ไปอีกที “ไม่เกี่ยวๆๆๆ พี่ชินตกรอบไปแล้วนะ” สเตฟานงอแง “ฮ่าๆๆ ไม่ใช่มีแค่พี่สักหน่อย คิดว่ายัยนั่นจะไม่มีคนอื่นสนใจอยู่รึไง” “เรื่องนั้นพวกผมรู้ดีครับ แต่ตอนนี้ที่รู้ดีกว่าคือ พวกผมสำคัญกับยัยนั่นมากกว่าคนอื่นแน่นอน” ฮารุกะ นิ่งๆ แต่เชือดเฉือน “คร้าบ คร้าบ มั่นใจในความสัมพันธ์แบบนั้นก็ดี แต่เกรงใจกันแบบนี้ไม่มีทางยืนยาวได้หรอก สักวันยัยนั่นก็ต้องเลือกใครสักคน แล้วพวกนายที่เหลือจะทำยังไง” เด็กหนุ่มสามคนนิ่งเงียบ “เสร็จแล้ว ป่ะพวกนาย พวกเรานัดเดินเที่ยวกันนี่ ชดเชยงานโรงเรียนคราวก่อน ที่ไม่ได้ไปไหนเลย” ฉันเอ่ยชวนพวกเพื่อนๆ เพื่อนสามคนยิ้มให้ฉันแบบอ่อนโยน แอบสงสัยเหมือนกันว่าคุยอะไรกับพี่ชิน แต่ชั่งเถอะ “พี่ชินจะไปกับพวกฉันมั้ยคะ” “อ่า ไม่ดีกว่าครับพี่มีนัดกับพวกเพื่อนๆ” “โอเคค่ะ” ฉันยิ้มให้พี่ชินอย่างเป็นธรรมชาติ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม