ปัจจุบัน
ฉันยืนทำข้าวต้มอยู่ในครัวตอนเช้า ซึ่งแน่นอนว่าเพทายไม่ได้กลับมาที่ห้อง ฉันสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ปลดกระดุมลงมาสามเม็ดเพราะกะว่าทำอาหารตรงนี้เสร็จก็จะไปอาบน้ำและหาสมัครงานต่อ
หมับ
“อ้ะ อืมม... พะ เพท!”
“รู้ได้ไงว่าเป็นฉัน?”
“ก็อยู่กันสองคน ถ้าไม่ใช่แก ก็คงเป็นหมาน่ะสิ” ร่างกายแกร่งโอบกอดเอวฉันและซบหน้าลงกับลำคอ ริมฝีปากร้อนระดมจูบไปทั่วจนฉันหนีบลำคอตัวเองและหันไปเผชิญหน้ากับเพทายที่กำลังยืนถอดเสื้ออยู่ แน่นอนว่ารอยแดงเต็มลำคอกับที่อกแกร่งทำให้ฉันถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด
“บอกแล้วใช่ปะว่าอย่าให้ผู้หญิงพวกนั้นทำรอย!”
“มันเพลินดี ปลุกอารมณ์ไปด้วยไง เดี๋ยวนี้เป็นอะไรไม่รู้ แข็งช้า...” สีหน้าเพทายไม่ได้รู้สึกกลัวฉันสักนิดแต่กลับเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำมาดื่ม จนฉันไม่พอใจอย่างมากเดินไปดึงไหล่หนาให้หันมามองฉันอีกครั้ง
“เคยบอกแล้ว ทำไมถึงไม่ฟังกันบ้าง รอยบ้าๆ นั่น ฉันบอกแล้วไงว่าฉันทำได้แค่คนเดียว!”
“โอ๊ย อะไรกันนักหนาวะ! ก็แค่รอย จะโมโหเพื่อ?”
“โมโหดิวะ แกไม่เคยฟังที่ฉันขอเลย ฉันขอให้แกเลิกยุ่งกับหญิงพวกนั้นแกก็ไม่เอา... ทีฉันขอแกเรื่องนี้แกบอกว่าให้ได้ แล้วนี่มันอะไร?!” ฉันตวาดเพทายที่หัวเสียมาก เขาเขวี้ยงขวดน้ำลงพื้นอย่างแรงจนบุบ ก่อนจะเท้าเอวมองฉันด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก
“เพื่อน?”
“อะไร?”
“แกก็แค่เพื่อน... เพื่อนที่นอนเอากัน ไม่ใช่เมีย เข้าใจ?” เพทายจิ้มนิ้วมาที่หน้าผากของฉัน ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้องไป ปล่อยให้ฉันยืนหลับตาลงกับสิ่งที่พบเจอตลอดสี่ปีที่ผ่านมา ฉันเคยขอให้เขาหยุดเรื่องไปเที่ยวกับผู้หญิงอื่น ซึ่งแน่นอนว่าเพทายให้ฉันไม่ได้ ดังนั้นฉันเลยขอให้เขาบอกผู้หญิงทุกคนว่าห้ามทำรอย และใช่มันไม่เคยมีสักวันที่ฉันจะไม่เห็นรอยบ้าๆ นั่นบนอกและลำคอของเขา ฉันกำหมัดแน่นและเดินเข้าห้องไปเห็นเพทายกำลังแก้ผ้าอยู่ หมอนั่นหันมามองฉันด้วยสีหน้าขุ่นมัว
“แกคือของฉัน คือของฉันนะเพท!”
“ฉันไม่ใช่ของใคร และแกก็เลิกงี่เง่าได้แล้วแม็ก... อย่าลืมนะว่าเราอยู่ในสถานะไหน?”
“สถานะไหน? เหอะ ก็สถานะที่นอนเอาท้องชนกันแทบทุกคืนไง แบบนี้จะให้สถานะไหน!”
“เพื่อน”
“เพท...”
“เพื่อนก็คือเพื่อน ต่อให้นอนเอากันท่าไหน แกก็คือเพื่อนสำหรับฉันอยู่ดี ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” ฉันมองเพทายที่เดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนฉันก็เจ็บสิ เจ็บเหมือนเดิมไง ทะเลาะกันทุกครั้ง หมอนี่ก็จะย้ำทุกครั้งว่าฉันอยู่ในสถานะไหน แล้วไงล่ะ? จะต้องทนเห็นคนที่ตัวเองรักไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นโดยที่ไม่มีสิทธิ์ห้าม ไม่มีสิทธิ์หวงด้วยซ้ำ...
Rrr
เสียงมือถือของฉันดังขึ้น เรียกสติให้ฉันเดินไปหยิบมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดหน้าจอกว้างที่ขึ้นเบอร์แปลกๆ ฉันมึนงงไม่นานก็กดรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
(“สวัสดีค่ะ คุณมริศรา แสงโชครับสายหรือเปล่าคะ”)
“ใช่ค่ะ พูดสายอยู่”
(“ดิฉันโทรมาจากบริษัทชนะศึก โมเดลลิ่ง สตูดิโอนะคะ ที่คุณมริศราได้สมัครงานในตำแหน่งช่างภาพประจำกองตอนนี้อยากจะนัดสัมภาษณ์คุณมริศราไม่ทราบว่าสะดวกไหมคะ?”)
“สะดวกค่ะ วันนี้ฉันว่างทั้งวันเลย”
(“ค่ะ งั้นคุณเข้ามาที่บริษัทตอนสิบโมงตรงนะคะ ดิฉันนัดกับหุ้นส่วนบริษัทไว้แล้ว...”) ฉันรีบรับปากทันทีเพราะงานที่ไปสมัครไว้โทรเข้ามาแล้ว ฉันวางสายไปและตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่ดูดีที่สุด เออ... แต่มันมีแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดากับกางเกงรัดรูปแค่นั้น ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ไปสมัครเป็นช่างภาพนี่นาไม่ใช่เลขา ไม่ต้องสวยก็ได้ ใบหน้าของฉันยิ้มออกมาเพราะสิ่งที่ต้องการมากที่สุดคืองาน ฉันอยากทำงานและมีเงินเก็บ ตอนนี้บอกตามตรงว่าใช้เงินกระเป๋าเดียวกับเพทายอยู่น่ะสิ พ่อกับแม่ฉันก็แยกทางกันไปมีครอบครัวใหม่ ไม่มีใครสนใจฉันสักคนหรอก ช่างเหอะ ตอนนี้ต้องเตรียมตัวก่อนดีกว่า
“จะไปไหน?”
“ที่บริษัทติดต่อมาให้ไปสัมภาษณ์งานแล้วเพท” ร่างสูงที่ออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่เปียกปอน รู้ไหมว่าตอนนี้ฉันลืมเรื่องที่ทะเลาะกันไปเลย กระโดดกอดคอเพทายและหอมแก้มเขาอย่างยิ้มแย้ม ซึ่งเขาเองก็ยิ้มให้กับฉัน โอบเอวฉันแน่นและก้มลงจูบที่ริมฝีปากของฉัน
“ขอให้ได้ ขอให้โดน”
“ขอให้ได้พอ แต่ถ้าขอให้โดน... อยากโดนแกมากกว่า” ฉันยิ้มกว้างและไล่นิ้วมือไปตามแผงอก ถึงแม้จะเห็นรอยแดงที่ร่างกายของเขาแต่ทว่าทะเลาะกันไปก็เหมือนเดิมนี่นา ตอนนี้ฉันกำลังอารมณ์ดีนะ เพทายยิ้มมุมปากก่อนจะผลักฉันให้นอนลงกับเตียงและปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตฉันออก เผยให้เห็นทรวงอกที่เด่นชัดอยู่ตรงหน้าเขา
“คืนนี้อยากโดนจัดว่างั้น?”
“ตอนนี้ให้พรก่อนได้ปะ ถ้าได้งานแล้ว คืนนี้อยู่ฉลองกับฉันนะเพท”
“อืม โอเค งั้นให้พรด้วยการกินนมแกก็แล้วกันนะ” เพทายซบใบหน้าลงกับทรวงอกของฉัน สีหน้าของฉันบิดเบี้ยวไปมาที่เขากำลังบีบเค้นและดูดกลืนทรวงอกของฉัน ความรู้สึกที่เขาทำให้มันมากมายซะจนฉันไปไหนไม่ได้เลย ฉันชอบสัมผัสของเพทาย ฉันชอบทุกอย่างที่เป็นเขา ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามแต่...
“อืมมม... เพทพอแล้ว”
“กินนมแกทีไร มันอยากซุกนมแกทุกวันๆ เลยวะ กลิ่นแม่งก็หอม”
“เหอะ เดี๋ยวไปเจอหญิงนมใหญ่กว่าฉัน แกก็ลืมเหมือนเมื่อคืน...” ฉันผลักใบหน้าหล่อให้ออกไปก่อนจะถอดเสื้อผ้าออกและหยิบผ้าขนหนูมานุ่งกระโจมอก
“จริงสิ เมื่อคืนรู้จักชื่อไอ้รุ่นพี่ขนอะไรนั่นได้ไง?”
“พี่เขาชื่อขุนทัพ เรียกให้ถูกด้วย” เพทายเบ้ปากและนอนลงเปิดทีวีดูอย่างไม่สนใจอะไรที่เรียกพี่ขุนทัพแบบนั้น
“ไม่สน ชื่ออะไรก็ช่าง แต่แกรู้จักมันด้วย ฉันงง?”
“ก็พี่เขาเรียนคณะเดียวกันกับเรา เป็นรุ่นพี่ด้วยจะไม่ให้รู้จักได้ไง” ฉันยักไหล่และมองเพทายที่แลบลิ้นให้กับฉัน พอนึกถึงพี่ขุนทัพขึ้นมา ก็พาให้ฉันยิ้มออกมาไม่หุบ... การได้เจอกับเขาคงจะเป็นสิ่งดีๆ ล่ะมั้งเนอะ
เพทายขับรถมาส่งฉันที่หน้าบริษัท และบอกว่ากลับให้โทรบอกวันนี้เขาจะฉลองที่ฉันได้งาน ขอให้ได้อย่างที่หวังด้วยเถิดนะ ฉันเดินเข้ามาในบริษัทที่เป็นที่สุดท้ายที่ฉันสมัครไว้ และไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นบริษัทแรกที่เรียกฉันไปสัมภาษณ์งาน ฉันนั่งรออยู่ที่หน้าห้อง มีคนมารอสัมภาษณ์หลายคน ช่างภาพและนางแบบ ลืมบอกไปว่าโมเดลลิ่งแห่งนี้เปิดรับสมัครช่างภาพและนางแบบ ฉันเคยได้ยินว่าบริษัทแห่งนี้ดังมากด้วยเพราะมีแต่แบรนด์ชั้นนำอยากจะร่วมงาน
“เชิญคุณมริศราเลยค่ะ” เลขาสาวส่งยิ้มให้กับฉัน แต่ทว่าก็หวั่นเหมือนกันนะคนที่มาสมัครในตำแหน่งเดียวกับฉัน ล้วนแล้วแต่เคยผ่านการทำงานระดับถ่ายแบบให้นางแบบ-นายแบบดังๆ หลายคน และฉันล่ะเพิ่งจะจบมาแค่ปีกว่าๆ ผลงานก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไร แต่ที่ต้องออกเพราะบริษัทพวกนั้นเจ๊งไปน่ะสิ