ตอนที่ 11

1301 คำ
บัดนี้เถียนซูหลินนั่งอยู่ในสวนจวนสกุลหวัง นางพยายามจะใช้หวีที่สาวใช้ในจวนสกุลหวังนำมามอบให้เพื่อที่จะทดลองหวีขนของมัน "นี่...มันไม่ยอมให้ข้าหวี ปกติที่เจ้าหวีขนให้มัน มันยอมเจ้าไหม...ไม่สิ เจ้าเป็นเจ้าของ มันย่อมให้เจ้าหวีอยู่แล้วนี่นา" "เจ้าถามเองตอบเองไม่เหนื่อยหรือไง" เสียงบ่นเบาๆ กับแสดงสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์กับนางสักเท่าไหร่แค่เขาหรือจะคาดคิดว่าคำบ่นพึมพำในลำคอจะทำให้เถียนซูหลินเงยหน้าขึ้นจ้องหน้าอีกฝ่าย จนเขาเกือบจะทำตัวลีบหรืออยากจะหายไปกลางอากาศเสียให้ได้ 'สตรีอะไรเหตุใดถึงดุเช่นนี้' นี่คือความคิดที่จู่ๆก็โพล่งขึ้นมาในสมอง นางควรจะกลัวเขาที่เจอปีศาจเช่นเขาเหมือนบ่าวสตรีคนก่อนๆที่เจอเขาแทบจะโขกศีรษะลาตาย หรือไม่ก็ขอลาออกไป หรือถ้านางไม่กลัวก็ต้องเกรงใจเขาที่เป็นเจ้าของจวนบ้างสิ "ข้าอารมณ์ดีอยู่ เจ้ากำลังหาหายนะเข้าตัวเองสินะ" นางทำหน้าขึงขังจนอีกฝ่ายก้มหน้าไม่กล้าสบสายตานาง จู่ๆ เถียนซูหลินก็หัวเราะออกมาซึ่งยากนักที่จะมีใครเห็น "สมองของเจ้าดูท่าจะผิดปกติ ข้าเป็นเจ้าของจวนแต่เจ้าทำราวกับข้าเป็นแขก" เถียนซูหลินรู้สึกถูกชะตากับชายตรงหน้าอย่างประหลาดแม้ก่อนหน้าจะรู้สึกแปลกๆ ใจเต้นไม่เป็นสับแต่ตอนนี้อาการกลับไม่เช่นนั้นแล้ว ยิ่งเห็นสีหน้าท่าทางไม่พอใจของเขานางก็ยิ่งหลุดอาการจนอีกฝ่ายหน้าดำหน้าแดง "เจ้าขำอะไร?" เขาโกรธนางขึ้นมาแล้วจริงๆ นางขอร้องให้พานางมาที่จวนเพื่อจะเล่นกับสุนัขตัวนี้เพื่อชดเชยที่สุนัขข่วนแขนนางจนขึ้นรอยเลือด เขาก็พามา นางขออุ้ม ขอหวีขนมัน ไม่ว่านางขออะไรเขาก็ยินยอมทุกอย่าง แล้วนางมีสิทธิ์ใดมาหัวเราะเยาะเขากัน ดูถูกเกินไปแล้ว! "เปล่าๆ" นางโบกมือปฏิเสธ ไม่นานใบหน้านางก็เป็นปกติ "ขอบคุณนะที่ให้ข้ามา ครั้งแรกที่ข้ามาจวนผู้อื่น ที่ไม่ใช่..." นางนิ่งไปแต่ดวงตามาหยุดที่หวังโสว่เหรินหลังจากที่หันซ้ายหันขวากระซิบถามอีกฝ่าย "เจ้าอายุเท่าไหร่?" "สิบห้า" "อืม น้อยกว่าข้าปีหนึ่ง แล้ว...ข้าเคยได้ยินว่า...เจ้าไม่กลัวหรอ?" เมื่อหวังโสว่เหรินถูกนางถามคำถามนี้ เขาย่อมรู้ความหมาย นั่นคือร่างกายเขาเป็นแบบนี้อาจทำให้ผู้คนกลัว รังเกียจและอาจถูกจับไปเผาทิ้งทั้งเป็น บ้างก็อาจถูกพวกนักพรตจับฆ่าเพื่อเอาอวัยวะไปทำเครื่องรางของขลังตามที่เคยได้ยินได้ฟังมา เขาส่ายหน้าทั้งที่สีหน้ายังคงแสดงถึงความหวาดกลัวอยู่ใต้ก้นบึ้ง "เพียงข้าไม่ออกไปพบผู้คน ครอบครัวของข้าจะปกป้องข้า" 'ปกป้อง' และ ‘ครอบครัว’ คำนี้ช่างเสียดแทงใจของเถียนซูหลินยิ่ง ตั้งแต่จำความได้ สองคำนี้ในความคิดของตนเองคงจะมีแต่ท่านพ่อของนางสินะ นางกลืนน้ำลายเริ่มยากขึ้น พยายามปัดความคิดออก รอท่านพ่อนางกลับมาก็จะมีคนเอาใจนางแล้ว นางรีบปัดความคิดเมื่อครู่ออกและสนใจสุนัขบนตัก "คุณชายน้อยขอรับ หวังฮูหยินให้นำขนมนี้มาให้แม่นางน้อยผู้นี้ลองชิม" บ่าวผู้หนึ่งเดินมาวางจานน้อยๆที่มีขนมหน้าตาน่ารักอยู่หลายชิ้น พร้อมน้ำชาอย่างดีที่เปลี่ยนมาให้ เมื่อเขาวางขนมกับน้ำชาเรียบร้อยก็เดินจากไป เถียนซูหลินแอบมองตามร่างบ่าวผู้นั้นเห็นเขาเดินไปรายงานกับสตรีนางหนึ่งที่มองมาทางนางในระยะไกลแล้ว "นั่นมารดาเจ้าหรือ?" นางถามเบาๆ เขาพยักหน้า สายตาประหม่าในการตอบคำถามนางแต่ละคำ ด้วยเพราะเขาไม่เคยคุยกับใครได้นานขนาดนี้ ทั้งสีหน้าแววตากอปรกับท่าทางของสตรีตรงหน้าที่แสดงออกกับเขามิได้รู้สึกกลัวตัวตนของเขาแม้แต่น้อย จนเขารู้สึกลึกๆ ว่านั่นคือความรู้สึกที่แท้จริงของนาง นอกจากคนในครอบครัว แม้กระทั่งบ่าวไพร่เขายังไม่กล้าที่จะสนทนาด้วยนัก เพราะเขาตระหนักรู้ว่าใครๆ ก็ต่างคิดว่าเขาคือปีศาจ บ่าวที่อยู่กับเขาล้วนแล้วแต่เป็นลูกๆ ของบ่าวในจวนที่ทำงานอยู่กับมารดาและบิดาเขามานาน พวกเขาจึงยินยอมให้บุตรรับใช้ปีศาจน้อยอย่างเขา "แล้วบ่าวไพร่พวกนั้นเล่า?" นางชี้ไปเหล่าบ่าวไพร่ที่มาคอยรับใช้ สังเกตจะมีแต่ผู้ชายเสียส่วนใหญ่ ส่วนสตรีก็จะอายุมาก ถ้านางยังเข้าใจคงไม่ใช่คนแล้วกระมัง เห็นเขาพยักหน้า นางคิดในใจ 'เชอะ! เจ้าปีศาจน้อย ถ้าไม่เพราะเปาเป่าข้าไม่ยอมสนทนากับเจ้าแน่ ถือเสียว่าเจ้ามีบุญที่ได้ข้ามาเป็นสหายก็แล้วกัน' ในเมื่อนางคิดเช่นนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ต้องคิด "นี่...ดูท่าว่าเจ้าจะไม่เคยมีสหาย ใช่ไหม!" เขามองมาที่ เถียนซูหลิน แม้ไม่ตอบคำอีกทั้งไม่พยักหน้านางก็รู้อยู่แล้ว "เฮอะ! ปีศาจอย่างเจ้า ใครกันจะกล้าคบเป็นสหาย...นอกจากข้า" เขาสะอึกเมื่อถูกสตรีตรงหน้าเชือดเฉือนด้วยคำพูดราวกับนางเป็นเพชรฆาตนำดาบมาเฉือนดวงใจจนแสบไปทั่วทรวง หากนางไม่กล่าวเขาย่อมรู้อยู่แล้ว ทว่าประโยคต่อมายิ่งทำให้สะอึกยิ่งกว่าประโยคแรก 'สหาย...นางจะยอมเป็นสหายกับปีศาจอัปลักษณ์เช่นเขานี่นะ' จบคำพูด เถียนซูหลินไม่สนใจอีกฝ่ายว่าจะทำหน้าอย่างไร นางเพียงหยิบหวีขึ้นมาสางขนสุนัขเหมือนเดิม "เจ้าไม่กล้วข้าหรือ?" เขาทำสีหน้าไม่ถูกเมื่อได้ยินคำพูดของนาง "กลัว? มีอะไรน่ากลัวกัน คนแบบเจ้าข้าเคยเห็นมาแล้ว" "เคยเห็น!" เขาทำหน้าตาตื่นเมื่อได้ยินคำที่นางกล่าว นางพยักหน้า "ที่ไหน? เจ้าเคยเห็นที่ไหน?" "ในฝัน" "ห๊า! ในฝัน เจ้าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ" นางได้ยินคำต่อว่าจากปากหวังโสว่เหริน หวีที่อยู่ในมือลอยมากระแทกที่โต๊ะตรงหน้า ดีที่มันกระดอนไปอีกทางที่ไม่ใช่ใบหน้าเขา "ฝันของข้า เจ้าห้ามดูถูก เจ้ารู้ไหมเพราะอะไร?" เด็กน้อยส่ายหน้าทั้งที่ยังตกใจกลัวอยู่ "เพราะฝันนั้นมีโพธิสัตว์กวนอิมอยู่ด้วย จำไว้ เจ้าจะดูถูกความฝันของใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ข้า เข้าใจไหม?" เสียงตบโต๊ะดัง จนเขาตกใจสะดุ้งรีบตกปากรับคำ "ดีมาก!" พูดจบเถียนซูหลินก็ลุกขึ้น"ข้ากลับก่อน อีกสองสามวันจะมาใหม่" "เจ้าจะมาอีกหรอ?" "แน่นอน เจ้ากับข้าเป็นสหายกันแล้ว แต่หากว่ากันตามจริงข้ามาหาเปาเป่าต่างหากเล่า" "เปาเป่า? ใครคือเปาเป่า?" "ก็นี่ไงเล่า ข้าตั้งชื่อให้มันว่าเปาเป่า และจำไว้หากเจ้าปิดประตูจวนไม่ให้ข้าเข้าล่ะก็ ข้าจะให้คนพังประตูจวนของเจ้าและจะทุบเจ้าให้ตายจำไว้!" นางกล่าวจบก็จับสุนัขวางลงบนโต๊ะ แม้จะอาลัยอาวรณ์แต่เมื่อนางเอ่ยปากแล้วว่าจะมา นางก็จะมาอีกานการณ์ไวรัสโควิด-19 ไม่ดีเท่าไหร่ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ....
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม