"เจ้าอย่าพูดเหลวไหล สตรีทุกคนอย่างไรก็ต้องแต่งออก และเจ้าอย่าสร้างเรื่องเดือดร้อนให้มากความนัก เรื่องแต่งเข้าตระกูลนั้น รอให้บิดาเจ้ากลับมาจัดการ เจ้าไปได้แล้วข้าจะไปพักผ่อน" นางกล่าวจบก็ไม่ฟังคำใดๆ ที่ออกจากปากของเถียนซูหลินอีก นางทำเพียงมองมารดาอย่างน้อยใจ ทำไมนางถึงไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจการในตระกูลได้เลย หากจะพูดถึงเรื่องบัญชีมีเพียงเงินในจวนที่ให้นางฝึกปรือ แต่ก็ต้องให้มารดาตรวจสอบอยู่ดี
พี่สะใภ้ใหญ่ที่เงียบมาตลอดก็เดินเข้ามาหา "เจ้าค่อยมาช่วยข้าตรวจสอบบัญชีก็ได้ อย่าน้อยใจท่านแม่เลย นางกล่าวมาเพราะหวังดีไม่อยากให้เจ้าเหนื่อย เจ้าก็รู้ว่าข้ามักผิดพลาดบ่อยๆ ไม่ใช่เพราะเหนื่อยล้าจากตัวหนังสือหรอกหรือ"
"ข้ารู้พี่สะใภ้ และรู้ด้วยว่าท่านกำลังจะปลอบใจข้า แต่อย่างไรมันก็ไม่เหมือนกัน" พี่สะใภ้ใหญ่ไม่คุ้นชินกับน้ำเสียงราบเรียบของเถียนซูหลิน เพราะแต่ไรนางก็มักจะหงุดหงิดและพูดจาแรงๆ ใส่ตน อาจเป็นเพราะเมื่อครู่นางเพิ่งจะถูกตำหนิก็เป็นได้
"รอท่านพ่อกลับมาก่อน เจ้าค่อยปรึกษาท่านอีกครั้งก็ไม่สาย เผื่อเจ้าถนัดสิ่งใดค่อยหาช่องทางดำเนินกิจการของเจ้าเอง"
"ใช่! ขอบคุณพี่สะใภ้ใหญ่ที่ชี้แนะ" นางเอ่ยขึ้นหลังจากที่ใช้เวลาคิดไม่นาน
"หึ! คนอย่างเจ้าน่ะหรือจะทำอะไรได้ ไม่ใช่วันๆ เอาแต่คิดหาหนทางมัดใจคู่หมายเจ้าหรอกหรือ?" เถียนซินฟู่เอ่ยขึ้นเสียไม่ได้
"เชอะ! พี่รอง ข้าแนะนำท่านเอาเวลาดูแลฮูหยินของเจ้าดีกว่านะเจ้าคะ เพราะชีวิตนางและลูกอยู่ที่ข้าว่าจะให้รอดหรือไม่
"เจ้า! อย่าคิดว่าจะทำอะไรได้"
"อย่างน้อยข้าก็เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง หากข้าไม่เห็นแก่ที่ว่านางมีเลือดเนื้อของคนสกุลเถียน อดีตบ่าวทรยศคนนี้ข้าก็ไม่เก็บไว้หรอก แต่พี่รองไม่ต้องกังวลไป หลานข้าต้องมีแม่..." นางยังพูดไม่จบเถียนซินฟู่ก็ประชิดตัว ใช้มือดึงคอเสื้อ ดีที่ยังไม่เกิดเรื่องเกิดราวขึ้นเพราะเถียนฟู่เทียน พี่ใหญ่ที่ฟังสองคนพี่น้องทะเลาะกันจนเคยชินมาห้ามศึกสายเลือดได้ทัน
"หยุดนะ! เจ้าคิดจะทำอะไรนาง นางเป็นสตรีและเป็นน้องสาวเจ้า!"
"นางทำตัวเหมือนสตรีที่ไหนเล่า!"
"เจ้าก็ทำตัวไม่เหมือนบุรุษและยิ่งนางเป็นน้องเจ้า เจ้าควรตักเตือนไม่ใช่เอาแต่หาเรื่องทะเลาะ พี่น้องกันแท้ๆ" เขาพูดพร้อมส่งสายตาให้น้องชายปล่อยมือจากคอเสื้อเถียนซูหลิน
เมื่อเขาปล่อยมือจากคอเสื้ออีกฝ่ายก็เอ่ยอย่างไม่พอใจ "ไม่ใช่มีเรื่องก็ทำตัวเป็นกาฝากอีก" นางไม่โต้ตอบเพียงมองพี่รองของตนเอง เถียนฟู่เทียนเห็นสายตาน้องสาวเกรงว่าเรื่องคงจบยาก จึงมองไปยัง
ฮูหยินของตนเอง นางรู้ความจึงจับแขนน้องสามีให้เดินตามตัวนางออกไป
เมื่อพี่สะใภ้ใหญ่เดินมาส่งเถียนซูหลินที่เรือน นางก็คิดจะลากลับแต่ถูกเถียนซูหลินรั้งตัวเอาไว้เสียก่อนคราแรกนางคิดว่าน้องสามีผู้นี้จะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเรือนใหญ่แต่แท้จริงเถียนซูหลินขอให้นางช่วยเรื่องสัญญาซื้อขายของบ่าว
"เจ้าจะเอาไปทำไม"
"พี่สะใภ้ ข้าพูดโดยไม่ปิดบัง ข้าไม่อยากให้พวกนางอยู่กับข้า จื่อหยวน ไม่สิ! พี่สะใภ้รอง ข้าเคยสงสัยว่าเหตุใดพี่รองถึงรู้เรื่องราวของข้าดียิ่ง ก็เป็นเพราะข้าไว้ใจนางแต่สุดท้ายนางก็หักหลังข้า"
"เรื่องมันผ่านไปนานแล้วนะซูหลิน ใครๆ ก็ต่างทำเพื่อคนที่ตนรัก"
"แม้กระทั่งทรยศหักหลังข้า ข้าไม่มีความแค้นใดกับนางแล้ว เพียงแค่ไม่ต้องการให้อาม่านกับจิวลู่อยู่รับใช้ข้า"
"เอาเถอะ ข้าจะจัดการให้"
"ขอบคุณพี่สะใภ้ใหญ่" นางอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้แต่นางตัดสินใจไม่พูดดีกว่าจึงหันหลังเดินเข้าเรือนของตนไป
สองวันต่อมาอาม่านและจิวลู่อยู่ในเรือนของเถียนซูหลิน นางทั้งสองไม่รู้ว่าพวกตนจะแสดงสีหน้าอย่างไร เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่านายสาวรั้งให้พวกนางทั้งสองอยู่ก่อน แต่พวกนางรออยู่นานก็ไม่เห็นทีท่าว่าผู้เป็นนายจะเปิดปากอะไร ทำเพียงแต่สนใจงานตรงหน้า จิวลู่ที่ดูจะเป็นคนใจร้อนเหมือนกับนายสาวจึงเอ่ยถามขึ้นมา
"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูมีเรื่องใดจะใช้พวกบ่าวไหมเจ้าคะ" เถียนซูหลินได้ยินคำถาม ก็วางมือกับงานที่ตนกำลังทำอยู่อย่างตั้งใจ
"เจ้ารีบหรือมีงานที่ต้องทำเช่นนั้นหรือ?"
"เอ่อ...ไม่มีเจ้าค่ะ" เสียงเรียบทำให้จิวลู่ตอบเสียงตะกุกตะกัก
"ไม่มีก็ดีแล้ว ข้าจะได้ไม่ต้องเข้าไปก้าวก่ายกับเวลาของพวกเจ้ามากนัก เอานี่...ของพวกเจ้า รับไปเสีย" นางล้วงกระดาษสองแผ่นออกจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้สาวใช้ทั้งสอง พวกนางรับมาและมีสีหน้าตะลึง เพียงแต่ความตกตะลึงของทั้งสองแตกต่างกันแต่ยังไม่มีใครกล้าเอ่ยความในใจ
"คุณหนู!" อาม่านอดที่จะเอ่ยออกมาไม่ได้เพราะเหตุผลที่นางยังต้องการรับใช้เถียนซูหลินอยู่
"เห็นแล้วก็ไปได้แล้ว" จิวลู่ที่หมายจะก้าวเท้าจากไปเพราะนางอายุน้อยและถูกขายมาอยู่ในเรือนนี้ได้ไม่นานนัก อีกทั้งความคิดของนางมักจะวนเวียนอยู่กับการหาหนทางที่จะออกจากเรือนนี้นานแล้ว เพียงแต่นางยังหาโอกาสไม่ได้ แต่เมื่อโอกาสมาถึงนางจึงรีบคว้าไว้