บทที่1 บุรุษแปลกหน้า.....

1578 คำ
วิลเลี่ยมหงุดหงิด ธรรมดาช่วงนี้เขาต้องกำลังหน้าดำคร่ำเคร่งอยู่การทำงาน อยู่กับกองเอกสารกองใหญ่ๆ เพราะตำแหน่งหน้าที่นายตำรวจกองปราบหลังหาหลักฐานพร้อมก็ต้องมาคัดกรองก่อนจะส่งฟ้อง ชายหนุ่มชอบลุยนอกสถานที่มากกว่า เพราะได้ออกสืบเสาะและค้นหาคนผิด มันตื่นเต้นมากกว่ามานั่งจมอยู่กับตัวอักษร แต่เมื่อมันคือหน้าที่เขาก็ต้องทำ สายตาคมวาวกวาดมองรอบตัว บรรยากาศรอบตัวอบอุ่นเมื่ออย่างเข้าสู่ฤดูร้อนเดือนสิงหาคม ชิคาโกเป็นเมืองไม่เล็กมาก และเจริญเติบโตไม่แพ้รัฐใดใดในอเมริกา การที่เขามาหลบอยู่ที่นี่เพราะมันอยู่ไกลนิวยอร์คและคิดว่าย่าแบตตี้คงไม่ถ่อสังขารมาหาเขาถึงที่ เพราะช่วงนี้ท่านสุขภาพไม่แข็งแรงเหมือนเก่า...ป่วยกระเสาะกระแสะเพราะอายุที่มากขึ้นทุกๆ วัน วิลเลี่ยมมุ่งหน้าตรงไปยังทะเลสาบมิชิแกน หลังหาอาหารกิน เขาหิ้วถุงใส่อาหารและมองหาที่นั่งเงียบๆ เพื่อพักสายตากับหลบเลี่ยงผู้คนจอแจ ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้เหล็กที่ตั้งไว้ชิดริมทะเลสาบ เขาทอดสายตามองคลื่นเล็กๆ บนผิวน้ำ มองริ้วคลื่นที่เป็นระลอกยามเมื่อสายลมโชยพัดเข้าหาฝั่ง มือใหญ่แกะห่อแฮมเบอร์เกอร์ที่ซื้อติดมือมาด้วย อ้าปากกัดขนมปังชุ่มซอสเต็มปาก และเคี้ยวกรวมๆ ก่อนจะกวาดตามองรอบตัว จนกระทั่ง!!...สายตาสะดุดกับเก้าอี้เหล็กอีกตัวห่างจากที่เขานั่งแค่ไม่เกินร้อยเมตร ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งหลับคอพับคออ่อน ลำตัวเอนไปเอนมาก่อนจะทรุดนอนราบไปกับพื้นเก้าอี้ ‘คงเป็นพวกจรจัด’ นั่นคือข้อสันนิษฐานของวิลเลี่ยม ไม่มีคนมีบ้านที่ไหน? จะมานอนในสวนสาธารณะ ให้เป็นเป้าสายตาคนอื่นแน่ๆ ชายหนุ่มสำรวจหญิงสาวโดยรวม ตามสัญชาติญาณนายตำรวจ ถึงจะถูกพักราชการแต่จิตใต้สำนึกของเขายังคงทำหน้าที่เหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน ผมยาวสลวยถูกมัดไว้เป็นหางกระรอกทอดยาวเป็นพวงอยู่ด้านหลังศีรษะทุยได้รูป และผมสีดำสะดุดตานั่นทำให้ชายหนุ่มมองเธอไม่วางตา...เขาชอบผู้หญิงผมยาวสีดำสนิทมาแต่ไหนแต่ไร มันนุ่มสวยและหอมกรุ่น เสื้อผ้าไม่เก่าและไม่ใหม่ กางเกงผ้านุ่มสีซีดๆ และเสื้อยืดตัวใหญ่ยักษ์ถูกทับด้วยเสื้อคลุมตัวใหญ่พอๆ กันอีกชั้น ใบหน้าเกลี้ยงเกลาขาวสะอาด ปลายจมูกโด่งพองามเชิดเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มย้อยชวนจูบชะมัด!! นั่นคือสิ่งที่สายตาเขามองเห็น…แม้จะอยู่ไกลๆ ผู้ชายแก่ๆ แต่งตัวโทรมๆ เดินมาหยุดมองผู้หญิงคนนั้น ‘คงเป็นคนรู้จักกัน’ แต่สายตาของวิลเลี่ยมก็ยังไม่สามารถถอนกลับคืนมาได้ สัญชาติญาณบางอย่างเตือนเขาว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล... เพราะหากรู้จักมักคุ้นกันจริงๆ ผู้ชายคนนั้นน่าจะสะกิดเรียกหล่อนแล้วแต่เขาไม่ ทำ ชายผู้นั่นยืนมองเฉยๆ เหมือนประเมินทีท่า นั่นไง!! เป็นอย่างที่คิด ไอ้หมอนั้นก้มๆ เงยและดูเหมือนจะพยายามค้นหาของมีค่าจากตัวของหล่อน!! “ทำอะไรนะ?” ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนและตวาดไอ้หมอนั่นเสียงดังๆ มันสะดุ้งเฮือก ก่อนจะวิ่งหนีไปหน้าตาเฉย “เธอๆ...ตื่นๆ มานอนอะไรตรงนี้ห่ะ!!” วิลเลี่ยมเขย่าปลุกคนนอนขี้เซา เขาเรียกเธอเสียงดังๆ จะได้ตื่นขึ้นมารับรู้เสียทีว่าเกือบจะโดนขโมยของไปเสียแล้ว “อื้อ...อารายยย คนง่วงจะนอน” หญิงสาวงัวเงียตอบเสียงแหบๆ ยกมือเรียวบางขยี้ตาและบ่นเสียงงึมงำ “นอนก็ไปนอนที่บ้านสิ!! มานอนอะไรตรงนี้เกือบโดนพวกจรจัดขโมยของไป...ไม่รู้หรือไง” ชายหนุ่มส่ายใบหน้า เขาแอบเบ้ปากและดุเสียงเคร่งๆ “อะไรนะ!!” จอมขวัญลุกพรวด เธอผุดลุกขึ้นนั่ง ยกมือขยี้นัยน์ตาก่อนจะตะครุบกระเป๋าสะพายที่บรรจุของสำคัญทั้งหมด มือเรียวบางเปิดกระเป๋ามองดูของข้างในแล้วจึงพ่นลมหายใจพรวดๆ เมื่อทุกชิ้นยังอยู่ครบ ยัยนี่หน้าใสกิ้ก ดวงตาสีดำวาววับ ผิวแก้มใสจนมองเห็นเส้นเลือดฝาดข้างใน ไม่รู้ว่าอายุเท่าไร? แต่สงสัยคงจะเป็นนักศึกษาที่เรียนไปทำงานไปด้วย วิลเลี่ยมคาดคะเนจากสิ่งที่เขามองเห็น นัยน์ตาสีฟ้าอมเทาสำรวจเธอคร่าวๆ ตั้งแต่ใบหน้าหวานจนถึงรูปทรงองเอว รวมๆ แล้วจัดว่ายัยนี่หน้าตาดีไม่หยอก แถมเขายังได้กลิ่นสาวบริสุทธิ์จากร่างกายเธอเสียด้วย เพราะว่าปีศาจหมาป่าที่อาศัยอยู่ในร่างกายเขามันคำรามก้องและพองขนเตรียมกระโจนเข้าฟัดเหยื่อ “ขอบคุณค่ะ...ขอตัวนะ ...จะไปนอนที่ไหนดีหว่า?...ห้องสมุดก็ดันปิดซ่อมเสียได้” เธอพึมพำขอบคุณชายหนุ่มที่หวังดี หางเสียงบ่นอุบอิบ เมื่อง่วงนอนจะตายชัก แต่กลับไม่ได้นอนอย่างที่ตัวเองต้องการ “ทำไมไม่นอนที่บ้านตัวเองล่ะ?” ชายหนุ่มขยับเดินตาม อะไรก็ไม่รู้สั่งให้เขาทำแบบนั้น “นอนได้คงไม่ออกมาเตร่อยู่ข้างนอกหรอกคุณ!!...มันนอนไม่ได้นะสิ!!” จอมขวัญกระแทกเสียงตอบ เธอนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า ยังอดโมโหไอ้คนข้างห้องไม่ได้ “ที่บ้านเธอมีปัญหาเหรอ มีอะไรให้ผมช่วยไหม” ตามวิสัยนายตำรวจ มันอดไม่ได้ที่จะสอดมือเข้าไปยุ่ง แถมหล่อนยังสวยถูกใจ อย่างนี้เขายินดีบริการเต็มความสามารถ เพราะเผลอๆ อาจจะได้ลิ้มรสหวานหอมจากเรือนกายสดสะอาดนี่ก็ได้ เขามั่นใจในเสน่ห์ของตัวเอง... “ถ้าจะช่วย ช่วยไปเตือนไอ้คนข้างห้องให้หน่อยสิ!! คนบ้าอะไรไม่รู้ทำเสียงน่ารังเกียจทั้งวันทั้งคืน จนฉันนอนไม่หลับ ต้องออกมาเตร่อยู่ข้างนอกนี่ล่ะ” เธอพูดไปอย่างนั่นแหละ มันเป็นสิทธิส่วนตัวของเจ้าของห้อง เขามีสิทธิที่จะทำอะไรก็ได้ เมื่อเขาเป็นคนเช่าห้องพักห้องนั้น แต่เป็นเธอเองที่ทนไม่ได้ เสียงบ้าๆ นั่นมันสั่นประสาท และชวนจั๊กจี้ในรูหู... “เขาทำอะไรให้เธอไม่พอใจล่ะ...เมาแล้วโวยวายรึ” นั่นสินะเธอจะมาแพล่มให้คนแปลกหน้ารู้ทำไม ในเมื่อเขาก็คงไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้ เมื่อเขาก็เป็นคนธรรมดาไม่ใช่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่จะมีอำนาจไปจัดการไอ้คนข้างห้องของเธอได้ “ไปล่ะ...คุณช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก เอาเป็นว่าฉันกลับไปนอนที่ห้องก็ได้ ถึงจะน่ารำคาญแต่มันก็ปลอดภัย...ขอบคุณอีกครั้งค่ะ” จอมขวัญตลบฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะและหมุนตัวเดินหนีไปเฉยๆ จอมขวัญแวะซื้ออาหารขยะข้างทาง มันถูกที่สุดสำหรับอาหารหนึ่งมื้อ และหาซื้อได้ง่ายๆ มีเกือบทุกหนแห่งริมถนนทั่วนิวยอร์ค เธอเดินละห้อยละเหี่ยหิ้วถุงพลาสติกที่บรรจุอาหาร ที่ต้องรับประทานเพื่อประทังชีวิต เดินกลับที่พักอย่างกระปรกกระเปลี้ย อเนจอนาถชีวิตตัวเองจัง...เมื่อไรนะ...เมื่อไรเธอจะได้กลับบ้านเกิด กลับไปนอนฟังเสียงกบเสียงเขียดในท้องนา และกินอาหารฝีมือแม่ ได้กอดพ่อและหลับอยู่ใต้หลังคาบ้านตัวเอง...มันมืดมนและยังไม่เห็นช่องทางเลย เพราะหนี้ก้อนโตมันค้ำหัวเธออยู่ จำนวนเงินที่คนร่ำรวยคิดว่ามันจิบจ้อย...แต่สำหรับคนจนๆ แล้วมันมากมายมหาศาล น้ำร้อนๆ ไหลเอ่อแทบทุกครั้ง เมื่อนึกถึงบ้านเกิด... จอมขวัญมาเผชิญโชคที่อเมริกาเกือบครบ1ปี เธอจำเป็นต้องมาเมื่อมีโอกาส เพื่อนข้างบ้านมาทำงานขายแรงงานที่ต่างประเทศ เมื่อเขากลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเธอได้คุยกับเขา จึงเกิดประกายในหัวสมอง เพราะฐานะทางบ้านย่ำแย่เกินจะเยียวยา พ่อเอาที่นาที่ดินผืนสุดท้ายไปจำนอง ส่งให้เธอและน้องเรียนหนังสือ แต่วุฒิปริญญาตรีสมัยนี้ ก็ไม่หางานง่ายๆ มีแต่คนแก่งแย่งแข่งขันกันทำมาหากิน เธอเป็นคนธรรมดาไม่มีเส้นสาย เลยได้ทำงานในตำแหน่งไม่ใหญ่โต เงินเดือนแค่หยิบมือ ขนาดอดออมจนท้องกิ่ว ก็ยังเหลือไม่พอไปไถ่ถอนที่ดินผืนนั้น ดอกทบต้น ต้นทบดอก จนเจ้าหนี้หน้าเลือดร่ำๆ จะยึดที่ดินของพ่อแม่ไป จอมขวัญจึงตัดสินใจเดินทางมากับพี่น้อยมาหากินไกลถึงอีกซีกโลกหนึ่ง ด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม…ที่จะปลดหนี้... เงินก้อนแรกที่เป็นเงินเดือน เธอส่งให้พ่อแม่ทั้งหมด เพื่อเยื้อสมบัติชิ้นนั้นไว้สุดความสามารถ จอมขวัญบวก ลบ คูณหาร เธอทำงานทุกวันเก็บทุกบาททุกสตางค์ส่งให้พ่อแม่ คงประมาณ2 ปีเธอก็จะสามารถไถ่ถอนที่ดินผืนนั้นออกมาจากเจ้าหนี้ได้ และเก็บออมอีกสักปี เป็นทุนรอน ก่อนจะเหินฟ้ากลับบ้านเกิด เมื่อมีเงินเก็บพอประมาณ “พ่อจ๋า แม่จ๋า ไอ้แก้ว คิดถึงทุกคนจัง...” เธอรำพึงเบาๆ เดินคอห้อยกลับเข้าห้องพักที่เช่าไว้นอน “กลับแล้วรึขวัญ...ไปนอนที่ไหนมาล่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม