ในเวลาเดียวกันกัญญายืนมองอยู่บนบ้านเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด จึงรีบวิ่งลงบันไดเพื่อไปช่วยน้ำพริก ทว่าสายตาเหลือบเห็นลูกชายตัวเองกำลังยืนอยู่ตีนบันได จึงเอ่ยบอกก้องด้วยท่าทีตื่นตระหนกกระวนกระวายใจ
เพราะไม่รู้ว่าลูกสะใภ้เธอจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า...
“ก้องไปช่วยน้องแหน่ลูก” (ก้องไปช่วยน้องหน่อยลูก) สิ้นเสียงเอ่ยบอกของคนเป็นแม่ก้องก็มองไปยังน้ำพริกอีกครั้ง ก่อนจะเดินสวนนลินญามุ่งตรงไปยังน้ำพริกโดยไม่คิดที่จะปฏิเสธ...
ทางด้านน้ำพริกขณะนั่งนวดข้อเท้าท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมาไม่ขาดสาย จนเสื้อผ้าหน้าผมเปียกโชกไปทั้งตัว
วินาทีที่นั่งตำหนิตัวเอง ที่ไม่รู้จักระมัดระวังจนทำให้ต้องเจ็บตัวแบบนี้ จู่ ๆ ดวงตาก็มองเห็นเท้าคู่หนึ่งเดินมาหยุดยืนด้านหน้า ใบหน้าสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยเม็ดฝนจึงเงยขึ้นมอง ทำให้สบตากับเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาดวงตาดำขลับมองเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
เห็นเช่นนั้นน้ำพริกก็ดีใจจนแทบร้องไห้เพราะไม่คิดว่าเขาจะมาช่วยเธอ...
ขณะนั่งตื้นตันใจพอเห็นก้องนั่งลงด้านหน้า น้ำพริกก็รีบยื่นแขนเพื่อจะไปโอบกอดรอบคอก้อง เพราะมั่นใจมากว่าอีกคนต้องอุ้มเธอแน่ ๆ
ซึ่งก็เป็นอย่างที่เธอคิดไม่มีผิดเพี้ยน...
เพราะร่างสูงก็จะอุ้มเธอจริง ๆ เพียงแต่พอเห็นท่าทีระริกระรี้กิริยาเกินหญิงที่น้ำพริกแสดงออกมา ร่างสูงจึงพ่นลมหายใจเบา ๆ ก่อนจะจับแขนเรียวเล็กที่ยื่นมาเพื่อจะโอบกอดรอบคอเขาลง แล้วสอดแขนกำยำที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด ใต้ขาขาวเนียนช้อนตัวเธออุ้มขึ้นแทน
การกระทำและท่าทีหวงเนื้อหวงตัวที่เขาแสดงออกมา ทำเอาร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนอดหมั่นไส้ไม่ได้จึงจีบปากจีบคอพูดออกไป
“ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว อย่าให้เห็นหลังแต่งงานจับหนูกดลงเตียงทุกวันนะ” ปากอวบอิ่มพูดด้วยท่าทีมั่น ๆ ขณะแขนเรียวเล็กนั้นรีบเลื่อนขึ้นโอบกอดรอบคออีกคนไว้แน่น เพราะกลัวเขาจะปล่อยเธอลง
“บ่มีหยังเป็นตาพิศวาสปานนั้น” (ไม่มีอะไรน่าพิศวาสขนาดนั้น) ได้ยินเช่นนั้นน้ำพริกก็หน้าเสียไปไม่น้อย แต่ก็พยายามปั้นหน้ายิ้มแล้วพูดต่อ...
“หนูจะรอดู ว่าพี่จะทนได้สักกี่น้ำ” สิ้นเสียงเล็กก้องก็เตรียมจะก้าวเดินไปยังบันไดบ้านทว่า...
“ไอ้ภพ!” ได้ยินน้ำเสียงเกรี้ยวกราดพร้อมกับฟ้าร้องระงมดังจากทางหน้าบ้านเสียก่อน เท้าสองข้างจึงหยุดชะงัก จากที่ไม่ได้สนใจดวงวิญญาณเหล่านั้น แต่พอได้ยินดวงจิตเอ่ยเรียกชื่อตน คิ้วดกดำก็ขมวดมุ่นใบหน้าหล่อหันไปทางหน้าบ้านด้วยสีหน้างุนงง...
ก่อนจะเห็นวิญญาณห้าดวงยืนจ้องมองเขาเขม็งราวกับว่าหากเข้ามาภายในบ้านได้คงฉีกเลือดเนื้อเขาออกไปเป็นชิ้น ๆ
แม้จะรับรู้เช่นนั้นแต่ร่างสูงก็ไม่ได้หวั่นเกรงยังคงยืนมองดวงวิญญาณเหล่านั้นด้วยสายตาเรียบนิ่ง ขณะในหัวนั้นเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ไม่อาจหาคำตอบได้ ก่อนชายที่ยืนอยู่ตรงกลางจะยกมือขึ้นชี้หน้าเขาพร้อมกัดฟันเสียงดังกรอด ด้วยท่าทีโกรธจนตัวสั่นแล้วพูดคำรามออกมาเสียงดังลั่น
“มึงปล่อยเมียกูเดี๋ยวนี้!”
สิ้นเสียงเดือดดาลแทบคลั่งของคฑาวุธก้องภพก็ชะงักกับคำว่า ‘เมีย’ ที่หลุดจากปากดวงจิตนั้น ก่อนจะหลุบตามองน้ำพริกที่ฟุบหน้ายังแผงอกของเขา เหมือนกับว่ายังตกใจเสียงฟ้าร้องเมื่อสักครู่ ขณะตาดำขลับมองใบหน้าสวยของเธอ ในหัวก็ได้แต่สงสัยว่าเธอมีผัวแล้วเหรอ...
ก้องยืนประมวลเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก่อนจะเลือกไม่สนใจอุ้มร่างเล็กเดินมุ่งไปยังบันไดบ้านทันที
“ไอ้ภพ! กูบอกให้มึงปล่อยเมียกู ปล่อย!” แม้จะได้ยินเสียงขึงขังคำรามราวจะขาดใจแต่ร่างสูงก็ไม่คิดจะหยุดฝีเท้า...
นัยน์ตาเข้มดุมองไปข้างหน้าสองเท้าเดินอย่างมาดมั่น ส่วนภายในใจก็ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้วบริกรรมคาถา สวดไล่วิญญาณเหล่านั้นไปให้พ้น ๆ บ้านเขา
‘อิติสุคโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปฐวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง’
เสียงบทสวดที่ดังพึมพำออกจากปากอีกคน ทำเอาดวงจิตอ่อน ๆ ไม่สามารถต้านทานกับบทคาถาที่ร่ำเรียนมาได้ จึงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แม้ก้องจะได้ยินเช่นนั้นแต่เขาก็ไม่ละเว้น ริมฝีปากหนายังคงสวดท่องบทคาถาด้วยจิตที่แน่วแน่...
ทางด้านคฑาวุธยืนมองร่างกำยำด้วยความเจ็บปวด ท่ามกลางเหล่าบริวารของตนที่ฟุบลงกับพื้นกอดตัวเองพร้อมกับร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แววตาแดงก่ำของชายหนุ่มคู่นั้นเต็มไปด้วยไอสังหาร เลือดในตาไหลรินอาบสองข้างแก้มหยดลงพื้นดินด้วยความคับแค้นใจ
ความรู้สึกภายในใจนั้นแตกเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อเห็นชายอื่นอุ้มภรรยาของตนเดินจากไปโดยที่ไม่คิดจะหันกลับมามอง ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความโกรธกรุ่น...
“ใครที่คิดเข้ามายุ่ง กูจะเอามันให้ถึงตาย”
ทางด้านก้องเมื่อเท้าหนักเหยียบลงยังตีนบันไดเสียงร้องโหยหวนก็สงบลงหายไปพอดี เขาจึงหยุดท่องคาถาแล้วอุ้มน้ำพริกเดินขึ้นไปบนบ้านด้วยสภาพเปียกโชกทั้งคู่...
ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่า ร่างเล็กในอ้อมกอดใช้ช่วงเวลานี้ ฉวยโอกาสลูบแผงอกกำยำเปลือยเปล่าของเขาด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้มอยู่...
เมื่อขึ้นมาบนบ้านแล้วก้องก็เตรียมอุ้มน้ำพริกนั่งลงยังโซฟา จังหวะที่กำลังจะผละตัวออกจากเธอก็ได้ยินน้ำเสียงระริกระรี้เอ่ยขึ้นข้างหู
“ขอบคุณนะคะ ว่าที่สามี” ก้องจึงหันไปมองน้ำพริก เห็นเธอขยิบตาให้ด้วยท่าทีกวน ๆ จึงอดคิดไม่ได้ เมื่อครู่น่าจะปล่อยให้เธอนั่งตากฝนแล้วมีผีเฝ้าอยู่หน้าบ้านก็ดี
จากนั้นก็เตรียมขยับตัวออกห่าง แต่ทว่าสายตาดันเหลือบเห็นมือนุ่มนิ่มของอีกคนลูบหน้าอกเขาอยู่ เขาจึงรีบจับมือเธอออกแล้วดันตัวออกห่างทันที พร้อมกับมองเธอด้วยสายตาตำหนิที่แอบลวนลามเขา
แม้อีกคนจะเห็นแต่กลับนั่งลอยหน้าลอยตาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงถอนหายใจแรง ๆ คล้ายเหนื่อยหน่ายใจกับความดื้อรั้นของเธอ ก่อนจะเลือกไม่สนใจเดินเข้าห้องนอนไปทันที...
ส่วนนลินญาและกัญญาเมื่อก้องเดินเข้าห้องไปแล้ว ก็รีบเข้าไปถามไถ่อาการของน้ำพริก...
เมื่อร่างสูงเดินเข้ามาในห้องนอนก็หยิบผ้าขาวม้ามาพันรอบเอวสอบ จัดการถอดกางเกงออกเพื่อลงไปอาบน้ำใหม่อีกครั้ง พอหางตาเห็นหน้าต่างห้องนอนยังเปิดอยู่ก็เดินไปหยุดยืนยังหน้าต่าง
ดวงตาเข้มมองไปยังหน้าบ้านที่เคยมีดวงวิญญาณยืนอยู่ กอดอกมองด้วยความสงสัยว่าดวงจิตเหล่านั้นเป็นใคร
ทำไมถึงรู้จักตน อีกทั้งยังตามน้ำพริกมาถึงบ้าน...
ก้องยืนครุ่นคิดครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้คำตอบ กระทั่งคนเป็นแม่เดินเข้ามาในห้อง จึงละสายตาจากเบื้องหน้าแล้วเดินออกไปข้างนอกเพื่อไปหาอาบน้ำอาบท่า เมื่อเห็นว่าฝนหยุดแล้ว...
ทางด้านน้ำพริกขณะนั่งรอกัญญาเข้าไปเอายาทาแก้ปวดในห้องนอนอยู่ที่โซฟาคนเดียว เนื่องจากแม่เธอไปอาบน้ำ พอเห็นก้องเดินออกมาจากห้องมีเพียงผ้าขาวม้าพันรอบเอวหมิ่น ๆ เธอจึงมองเขาตาค้าง
พร้อมกับพูดขึ้นอย่างเปิดเผย…
“อื้อหือ ดี!” จนคนที่กำลังจะเดินไปยังบันไดนั้นได้ยิน จึงหันมามอง พอเห็นเธอฉีกยิ้มส่งให้ เขาก็รีบหันหน้ากลับไปทางเดิมแทบไม่ทัน...