หลังจากตักข้าวเรียบร้อยร่างสูงก็เดินไปข้างนอกหยุดยังเตียงไม้สักที่มีร่างเล็กนั่งกินข้าวอยู่ จากนั้นก็ตักกับข้าวราดบนจานเพื่อไปนั่งกินตรงอื่น
ฝั่งน้ำพริกขณะนั่งมองก้องตักกับข้าวราดบนจานที่มีข้าวอยู่นิดเดียว ก็ได้แต่สงสัยทำไมเขาถึงกินข้าวน้อยจัง จึงจะถามให้หายข้องใจ ทว่าขณะปากเรียวเล็กกำลังจะขยับถาม ก็เป็นจังหวะที่อีกคนตักกับข้าวเสร็จพอดีเขาจึงเดินออกไปก่อน
น้ำพริกจึงได้แต่นั่งมองก้องลากเก้าอี้พลาสติกสีแดง ไปนั่งกินข้าวคนเดียวเงียบ ๆ ซึ่งไม่ไกลจากเธอมากนัก
การกระทำของเขาทำเอาร่างเล็กถึงกับพูดไม่ออก แต่ก็เลือกไม่สนใจก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อจะได้รีบขึ้นบ้าน...
ทางด้านก้องขณะนั่งกินข้าวก็คอยเหลือบมองน้ำพริกเป็นพัก ๆ กระทั่งเธอกินอิ่ม ก็ยกสำรับเข้าไปเก็บในครัวเขาจึงลุกเดินตามเข้าไป...
เมื่อร่างเล็กเดินเข้ามาในครัวเธอก็เอากับข้าวไปเก็บไว้ในตู้กับข้าวให้เรียบร้อย แล้วถือจานที่เพิ่งใช้เสร็จไปแช่ไว้ในอ่างล้างจาน จากนั้นก็เตรียมจะเดินออกไปข้างนอกทว่า...
“อ๊ะ! ตกใจหมดเลย” เมื่อหันมาข้างหลังเห็นก้องยืนอยู่ ก็ทำเอาตกใจไม่น้อยเพราะอีกคนมาไม่ให้สุ้มให้เสียง ก่อนจะได้ยินเขาเอ่ยถาม...
“กินเสร็จแล้วทำไมไม่ล้าง?”
“ต้องล้างตอนนี้เลยเหรอ?” เพราะเห็นว่าอาบน้ำแล้วจึงไม่อยากล้างก็เลยจะแช่ไว้ก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยตื่นมาล้างแทน
“ไม่ล้างตอนนี้แล้วจะล้างตอนไหน หรือรอให้คนอื่นมาล้างให้”
“เปล่าสักหน่อย” ช่วงนี้เธอต้องสงบปากสงบคำลงหน่อย เพราะต้องอาศัยบ้านของเขาอยู่ อีกทั้งยังต้องให้เขาช่วยเหลือด้วย จึงเลือกไม่เถียงกลับไปเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะยอมทำตามที่อีกคนบอกอย่างว่าง่าย
ทางด้านก้องเมื่อเห็นน้ำพริกหันไปล้างจานตนก็ขยับเดินเข้าไปใกล้ เพื่อจะวางจานที่ใช้เสร็จลงในอ่างให้น้ำพริกล้าง ซึ่งเป็นจังหวะที่ร่างเล็กกำลังจะหันหน้ามาบอกให้เขารอพอดี
ทำให้ไม่ทันระวังปลายจมูกโด่งโค้งมนสัมผัสลงยังแก้มสากของเขา...
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำเอาหัวใจดวงน้อยของเธอเต้นสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ ท่าทีดูลนลานไปหมด ซึ่งต่างจากอีกคนที่เอาแต่ยืนนิ่ง จากนั้นก็ขยับตัวห่างออกจากเธอเล็กน้อย แล้วเหลือบมองปากอวบอิ่มที่ขยับพูดแก้ตัวด้วยสีหน้าจริงจัง
“หนูไม่ได้ตั้งใจจะหอมแก้มพี่นะ แค่จะหันไปบอกเฉย ๆ แต่ไม่คิดว่าพี่จะขยับมาใกล้”
“ก็จะเอาจานไปวางไว้ ไม่ให้ขยับเข้าไปใกล้ จะให้โยนหรือไง”
“งั้นเราก็เสมอกันไม่มีใครถูกใครผิด”
“พูดไร้สาระ” พูดจบใบหน้าหล่อเหลาก็ส่ายหน้าเบา ๆ แล้วเตรียมจะเดินออกไปข้างนอกทว่า...
“เดี๋ยว! รอหนูด้วย” ตาดำขลับเห็นจานใบสุดท้ายที่เธอถืออยู่ ในหัวก็ได้แต่คิดถ้าหากยืนรอเธอก็คงไม่ทำให้เมื่อยขาหรอก คิดได้เช่นนั้นก็เลือกไม่ตอบอะไรกลับไป
แต่คำตอบก็คือยืนรอ ตามที่เธอเอ่ยขอนั่นแหละ...
ทางด้านน้ำพริกเมื่อเห็นก้องไม่ตอบ จึงหันหน้ากลับไปมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังอีกครั้ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“นะ ๆ พี่รอหนูหน่อยนะ” อีกทั้งยังทำตาปริบ ๆ เพื่อให้เขาเห็นใจ พออีกคนเห็นก็อยากดีดหน้าผากมนของเธอด้วยความมันเขี้ยว ก่อนจะกอดอกพูดกลับไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ฟ้าว ๆ ล้าง คาแต่เว้าอยู่นั่นล่ะ” (รีบ ๆ ล้าง มัวแต่พูดอยู่นั่นแหละ)
“โอเค หนูจะฟ้าว ๆ ล้าง แต่พี่รอหนูด้วยนะ”
“อือ” เมื่อได้ยินคำตอบของอีกคนน้ำพริกก็รีบหันกลับไปล้างจานให้เสร็จสรรพ แต่เพราะความรีบทำให้เธอไม่ทันระวังจนเกือบทำให้...
“อุ๊ย! จานเกือบหลุดมือ” ก้องที่ยืนมองอยู่พอเห็นน้ำพริกหันมายิ้มหน้าเจื่อน แล้วล้างจานต่อ เขาก็ได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ แล้วคิดในใจ
ผู้หญิงแบบนี้เหรอที่แม่เขาอยากให้แต่งงานด้วย งานบ้านก็ไม่ได้ งานเรือนก็ยิ่งแล้ว...
ร่างสูงยืนกอดอกมองว่าที่ภรรยาของตนยืนล้างจานอย่างไม่วางตา พอร่างเล็กคว่ำจานใบสุดท้ายเรียบร้อยก็เดินออกไปข้างนอกทันที น้ำพริกจึงรีบเดินตามเขาออกไปติด ๆ
เมื่อเดินออกมานอกห้องครัวตาคู่สวยก็มองไปยังห้องน้ำที่ประตูเปิดกว้างแต่กลับไม่เห็นลำไย จึงคิดว่าเธอคงขึ้นไปรอบนบ้านแล้ว จึงเดินตามก้องไปยังบันได แต่เพราะไม่อยากให้ปากมันว่างจึงหาเรื่องพูดคุยกับเขาไปเรื่อย
“คืนนี้พี่นอนไหนเหรอ?”
“ทำไม?”
“เผื่อหนูจะย่องไปนอนด้วย” เธอไม่ได้พูดเล่นแต่คิดจริงต่างหาก แม้ลำไยจะมานอนเป็นเพื่อนด้วย แต่ก็ไม่อุ่นใจเท่ากับมีเขาอยู่ข้าง ๆ
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องรู้หรอก”
“อย่าเล่นตัวไปเลย ยังไงหลังแต่งงานเราก็ต้องนอนด้วยกันอยู่แล้ว ซ้อมนอนก่อนแต่งก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” ก้องได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นอกจากรีบเดินขึ้นบ้านโดยเร็ว พอเห็นลำไยขึ้นมาบนบ้านแล้ว ชายหนุ่มก็เข้าไปยังห้องนอนของตัวเอง แล้วล็อกกลอนให้แน่นหนาทันที...
ทางด้านน้ำพริกเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่กลอกตามองบนพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ และได้แต่คิดในใจว่าเขาจะกลัวอะไรเธอนักหนา ก่อนจะเลือกไม่สนใจแล้วชวนลำไยเข้าไปในห้องนอน...
หลังจากเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มากแล้ว น้ำพริกก็นั่งสวดมนต์และทำสมาธิเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่เธอเคยไปผูกเวรผูกกรรมไว้ เมื่ออุ่นกายสบายใจแล้วใบหน้าสวยก็มองไปทางลำไยที่นอนกรนหลับไปตั้งแต่ตอนไหนแล้วไม่รู้ ก่อนจะทิ้งศีรษะลงยังหมอน ขณะมือเล็กนั้นจับตะกรุดที่อีกคนให้ไว้แน่น
เพราะยังคงหวาดกลัวทุกครั้งที่หลับตา หากเป็นไปได้อยากตื่นแบบนี้ทั้งวันทั้งคืนเลยแต่มันก็เป็นไปไม่ได้...
ตาคู่สวยค่อย ๆ หลับลงช้า ๆ ขณะหัวใจนั้นพลันเต้นถี่ยิบ เพราะไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เธอหลับไปอีกไหม แต่สุดท้ายก็ไม่อาจฝืนความรู้สึกได้จึงหลับไปในที่สุด...
ทางด้านก้องเมื่อเข้ามาในห้องก็นั่งสวดมนต์ระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือให้ท่านปกปักรักษาคุ้มครองคนที่อยู่ภายใต้ชายคาเรือนแห่งนี้ ให้แคล้วคลาดและปลอดภัย หลังจากนั่งทำสมาธิเช่นเดียวกับอีกคนเสร็จเรียบร้อย มือหนาก็คว้าเสื่อหนึ่งผืนกับหมอนหนึ่งใบเดินออกมานอกห้องนอน
ตาดำขลับมองไปยังห้องนอนของอีกคนที่ปิดสนิท จากนั้นก็จัดการปูเสื่อนอนขวางกั้นทางขึ้นลงบ้านมันเลย เพราะกลัวอีกคนจะเดินละเมอออกไปไหนอีก
ถ้าหากเขานอนตรงนี้ เกิดอะไรขึ้นเธอก็ต้องผ่านตัวเขาไปก่อน...
ช่วงเช้ามืดของวัน ทางด้านกัญญาเมื่อสามีของเธอมาเฝ้ายายของก้องแทน ก็ขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้านเพื่อไปทำกับข้าวให้ลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้กิน เพราะรู้ดีว่าน้ำพริกนั้นทำไม่เป็น แต่ก็ไม่ได้ถือสาอะไรเนื่องจากของแบบนี้มันสอนกันได้
รถมอเตอร์ไซค์ออโตแล่นอยู่บนถนนคันเดียวโดด ๆ รอบข้างไม่มีรถของชาวบ้านสัญจรในช่วงเวลานี้เลยสักคัน อีกทั้งบรรยากาศค่อนข้างเงียบสงัด แต่ด้วยเป็นคนพื้นที่ เกิดและโตที่นี่มาตั้งแต่เด็ก กัญญาจึงไม่ได้หวาดกลัวอะไร
หญิงวัยกลางคนยังคงขับรถไปเรื่อย ๆ กระทั่งใกล้ถึงบ้านที่ยกให้ลูกชาย สายตาก็เหลือบเห็นกลุ่มก้อนสีดำลอยอยู่หน้าบ้านและอยู่ทางด้านหลังเธอ รับรู้เช่นนั้นก็ทำเอาใจเต้นสั่นระรัวหวาดกลัวจนสติแทบแตกกระเจิง แต่ก็พยายามทำใจให้นิ่งแล้วเลื่อนฝ่ามือจับยังสร้อยตะกรุดที่ลูกชายให้ติดตัวไว้
ก่อนจะรีบบิดรถมอเตอร์ไซค์เลี้ยวเข้าไปภายในบ้านไม้ทันที...
พอจอดรถเรียบร้อยขณะกำลังจะเดินผ่านบันไดบ้าน เพื่อไปยังห้องครัวที่อยู่ใต้ถุนบ้าน สายตาก็สะดุดเห็นลูกชายที่เพิ่งตื่นกำลังเก็บเสื่อกับหมอนอยู่หน้าบันไดบ้านบนชั้นสอง คิ้วสองข้างจึงขมวดมุ่นไม่เข้าใจทำไมลูกชายถึงมานอนตรงนี้ จึงถามออกไปให้หายสงสัย...
“ฮ้อนปานนั้นเลยติลูก คือมานอนอยู่หม่องนี้” (ร้อนขนาดนั้นเลยเหรอลูก ทำไมถึงมานอนอยู่ตรงนี้) ร่างสูงไม่ได้เอ่ยตอบเพียงแต่พยักหน้ากลับไปเบา ๆ แล้วเดินถือเสื่อกับหมอนไปเก็บในห้องนอน กัญญาจึงเดินไปยังครัวเพื่อก่อไฟหุงข้าวและทำกับข้าว...
ทางด้านก้องพอเก็บเสื่อกับหมอนเรียบร้อย ก็คว้าผ้าขาวม้าเดินออกไปนอกห้อง เพื่อลงไปหาอาบน้ำและล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อย ขณะที่ขายาว ๆ กำลังก้าวเดินออกมาจากห้องนอนก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นน้ำพริกเดินมาพอดี
จึงมองหน้าเธอครู่หนึ่งขณะในหัวนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย ว่าทำไมวันนี้เธอถึงตื่นเช้าจัง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามให้หายข้องใจ เลือกเตรียมจะเดินไปยังบันไดแทน ทว่าคนตัวเล็กเดินมาดักข้างหน้าเสียก่อน พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างส่งให้เขา แล้วพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“มอนิ่งค่ะ ว่าที่สามี” เห็นเช่นนั้นก้องก็มองเธอนิ่ง ๆ พร้อมกับพ่นลมหายใจเบา ๆ แล้วเลือกไม่สนใจเดินไปทางบันไดแล้วมุ่งตรงไปยังห้องน้ำทันที
ทางด้านน้ำพริกจึงรีบเดินตามเขาลงไป เพื่อหวังจะไปนั่งแปรงฟันกับว่าที่สามีของเธอ ทว่ายังเดินไม่ถึงไหนก็เห็นอีกคนถือแปรงสีฟันและยาสีฟัน เดินออกจากห้องน้ำแล้วไปนั่งแปรงฟันข้างโอ่งหน้าเรือนรับรอง...
รับรู้เช่นนั้นก็ได้แต่มองเขาด้วยสายตาเง้างอด ที่อีกคนเมินเฉยต่อเธอมาก แต่พอได้ยินเสียงตำพริกดังมาจากในครัว จึงหันไปมองเห็นกัญญากำลังทำกับข้าวอยู่ จึงเลือกไม่สนใจอีกคนแล้วรีบไปล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อย เสร็จแล้วจะได้ไปช่วยแม่ว่าที่สามีของเธอทำกับข้าว
เพราะวันนี้ที่เธอตื่นแต่เช้าเพราะตั้งใจจะมาใส่บาตร...