ตอนที่ 1

3048 คำ
           หญิงชรากำลังจ้องมองชายหนุ่มที่ท่าทางเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง แต่สิ่งที่สัมผัสได้ คือ เรื่องร้ายที่กำลังก่อตัวเหมือนเป็นเงามืดคอยติดตาม ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีมองไปรอบๆ หญิงชรามองตาม แต่ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ            หญิงชราเริ่มขีดเขียนบางสิ่งบางอย่างลงบนกระดาษ ซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่าหญิงคนนี้เป็นใคร            ชายหนุ่มยังคงเดินไปเดินมา จนมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ กับหญิงชราที่ตั้งโต๊ะอยู่คล้ายกับหมอดูที่ดูดวงตามสถานที่ต่างๆ ชายหนุ่มคนนั้นรู้สึกและคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น หากหญิงชราคนนี้นั่งอยู่บริเวณนี้ตลอด บางทีอาจจะช่วยเขาได้บ้าง            “ยายครับ ยายเห็นผู้ชายผิวคล้ำตัวผอมผ่านมาทางนี้บ้างไหมครับ" ชายหนุ่มคนนั้นถามหญิงชรา            “ระวังมันจะซุ่มยิงเอา เจ้าต้องระวังกับดัก” หญิงชราพูด ชายหนุ่ม อดที่จะแปลกใจไม่ได้ที่ได้ยินพูดถึงเรื่องการซุ่มยิง เขาตัดสินใจนั่งที่เก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับหญิงชราที่ยิ้มน้อยๆ จ้องมองคล้ายดั่งว่า เห็นอะไรอยู่ในแววตาของเขา ชายหนุ่มรู้สึกอย่างนั้น            “อันตราย อาวุธและผู้คนมากมายจะเข้ามา” หญิงชราบอก            “ยายดูออกหรือครับว่า ผมเป็นตำรวจ” ชายหนุ่มถาม            “ฉันเห็นสิ่งนั้นในแววตาของเธอ” หญิงชราพูด ชายหนุ่มยิ้มๆ กับสิ่งที่ได้ยินและไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะเขาไม่ค่อยเชื่อการดูหมอเหมือนที่ใครๆ ชอบพูดว่าหมอดูคู่กับหมอเดา            “ยังไม่ต้องเชื่อ ฉันแค่อยากให้เธอระวังตัวให้มากขึ้น ผู้หญิงอาจทำให้เธอลำบาก ผู้หญิงที่เข้ามามีทั้งดีและร้าย” หญิงชราพูดและยื่นไปตรงหน้าของชายหนุ่ม            “ผมไม่ดูหรอกครับ แค่อยากถามอะไรนิดหน่อย”            “แบมือมาขอดูลายมือนิดเดียว แล้วอยากถามเรื่องอะไรฉันจะตอบเธอทุกเรื่องเลย” หญิงชรามองสบตากับชายหนุ่มที่รู้สึกเหมือนกำลังยื่นมือให้กับหญิงชราทั้งๆ ที่ในใจบอกว่าจะไม่ยอมยื่นมือออกไป            “เธออาจจะสูญเสียคนรัก”            “ผมคงต้องสะเดาะเคราะห์สินะครับ” ชายหนุ่มบอก            “เคราะห์ ก็คือ เคราะห์ไม่มีวันหายไปได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด กรรมของใครคนนั้นก็ต้องรับกรรมไป เธอต้องช่วยคนให้มากเข้าไว้ บางทีเคราะห์ที่ว่าอาจเบาบางลงไปได้ ระมัดระวังให้ดีไม่ว่าหน้าที่การงาน หรือหญิงสาวอันเป็นที่รัก ลูกนายตำรวจใหญ่เสียด้วย” ประโยคสุดท้ายทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจ            “ผมถามได้หรือยังครับ” ชายหนุ่มพูด            “ว่ามา”            “ผมจะจับคนร้ายได้ไหม ครั้งนี้เรียกว่าขุดถึงต้นตอเลยครับ”            “ฉันบอกไม่ได้ แต่เธอจะปลอดภัย แต่ก็จะหนักหนาสาหัสนับแต่นี้” คำพูดของหญิงชราทำเอาชายหนุ่มขมวดคิ้ว            “หมวดครับ เราตรวจค้นจนทั่วแล้วครับ แต่ไม่พบ”            “ไวเป็นปลอดเลย ไอ้นี่” ชายหนุ่มรำพึง เขาละสายตาจากหญิงชราไปเพียงครู่เดียว เมื่อหันกลับมาไม่พบเสียแล้ว เขาแปลกใจที่หญิงชราหายตัวไปอย่างรวดเร็ว            “จ่าเห็นหมอดูไหมไม่รู้เดินหนีไปไหนแล้ว” ชายหนุ่มถามคนที่เพิ่งมารายงานเรื่องของผู้ต้องสงสัยที่น่าจะเป็นหนึ่งในแก๊งค์ค้ายารายใหญ่            “หมอดู” ผู้ชายคนที่ถูกเรียกว่าจ่าเกาหัวทันที            “ยายที่นั่งอยู่ตรงนี้ ตอนจ่าเดินเข้ามายังนั่งอยู่เลย” ชายหนุ่มบอก            “ผมไม่เห็นนะครับ หมวด ผมเห็นหมวดนั่งอยู่คนเดียวสักพักแล้ว”            “แต่ผมคุยอยู่กับยายได้สักพักแล้วนะ จ่า”            “ผีหลอกกลางวันหรือเปล่าว๊ะ”            “ผีเผลออะไร จับมือผมมือแกอุ่นจะตายไป” ชายหนุ่มคนนั้นบอก            “หมวดพายุครับ เจ้าหน้าที่ตรวจพื้นที่เรียบร้อย แต่ไม่พบตัวผู้ต้องสงสัยครับ” ชายหนุ่มคนนั้นชื่อ ร้อยตำรวจโทพายุ ซึ่งเรื่องงานคงต้องจัดการสืบหาต่อไป แต่เรื่องของหญิงชราที่เป็นหมอดูยังทำให้รู้สึกคาใจ แต่เขายังคงเชื่อว่าไม่น่าจะใช่ผี แม้จะหายตัวไปอย่างรวดเร็วก็ตาม            “นักข่าวมาไวเหลือเกิน” พายุพูดขึ้น เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ จึงหันไปมอง ดูเห็นหญิงสาวที่เป็นนักข่าวกับช่างภาพที่มองมาจากอีกฟากของถนน            “อีกหน่อยคงมาก่อนพวกเรา ไม่รู้ไปเอาข่าวมาจากไหน” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดคล้ายบ่น            “เอาน่า จ่า เผื่อวันหนึ่งเราอาจจะต้องขอให้เขาช่วยก็ได้”            “ปวดหัวตายแน่ครับ หมวด”            “ไปแยกย้ายกลับไปทำงาน ผมจะเข้าไปเขียนรายงานด้วยตัวเองเลยครับ ขอบคุณมากครับทุกคน” พายุมักบอกขอบคุณคนที่มาทำงานอยู่ในทีมร่วมกับเขาเสมอและไม่ได้คิดถึงเรื่องตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บางคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับบิดาของเขาก็มี พายุมักให้อยู่ทีมสมทบหลังสุด ส่วนทีมแรกที่เป็นเหมือนหน่วยจู่โจมจะเป็นคนหนุ่มที่คล่องแคล้วว่องไว แต่กับคนที่พอมีอายุอยู่บ้างจะคอยช่วยเหลือให้คำแนะนำ การทำงานเป็นทีมของตำรวจถือเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับเขา เพราะหากเผลอไผลทำงานไม่ได้ตามแผนที่วางเอาไว้อาจพลาดพลั้งจนทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตได้            “ขอเวลาสักสองสามนาทีได้ไหมคะ หมวด” เสียงของผู้หญิงที่เป็นนักข่าวดังขึ้น พายุหันไปมองสบตาเพียงครู่เดียว            “ไม่มีข่าวอะไรครับ พวกเรากำลังจะกลับ” พายุบอก            “รู้ค่ะว่าไม่มีข่าว หมวดก็เป็นข่าวให้หน่อยไม่ได้หรือคะ” หญิงสาวคนนั้นบอกกับพายุที่ขมวดคิ้วทันที            “ข่าวว่า มีเรื่องกับนักข่าว อย่างนั้นหรือครับ” พายุพูดขึ้น เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ยิ้มๆ กับสิ่งที่ได้ยิน เพราะปกติร้อยตำรวจโทพายุจะเป็นคนพูดน้อย แต่ที่ได้ยินไปเมื่อสักครู่เหมือนเป็นฝ่ายเปิดการท้ารบก่อน            “ไม่ว่างรบกับหมวด เพราะมาทำข่าว ฝากนามบัตรไว้หน่อยนะคะ เผื่อมีข่าวอะไรเรียกได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยค่ะ” นักข่าวสาวคนนั้นยิ้มให้กับพายุที่ยังคงขมวดคิ้วและมองดูหญิงสาวที่ยื่นนามบัตรมาให้            “จะได้ไหมล่ะ ข่าวน่ะ” คนที่ถือกล้องยืนอยู่ข้างๆ นักข่าวสาวรำพึงออกมาเบาๆ            “ได้ดิ หากหมวดมีน้ำใจรับนามบัตรก็เป็นข่าวได้” นักข่าวสาวพูด            “รับแล้วแยกย้ายกันได้เลยไหม” พายุถาม            “ค่ะ หมวด เพราะอยู่ก็ไม่มีอะไรทำ ก็หมวดปล่อยคนร้ายหนีหาย ไปแบบไร้ร่องรอยแบบนี้” นักข่าวสาวพูด ช่างภาพที่ยืนอยู่ ข้างๆ ทำท่าจะดึงตัวให้ออกห่างจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะยืนกันอยู่หลายคนและกลัวว่าจะต้องมาทำข่าวของนักข่าวสาวเสียเอง            “ขอบคุณครับ ผมรับมาแล้ว แต่ไม่ต้องโทรฯ ก็ได้ ใช่ไหม” พายุถาม            “ยังไงก็ได้ครับหมวด ลาล่ะครับ” ช่างภาพรีบยกมือไหว้และดึงตัวนักข่าวสาวออกไปทันที            “ดึงออกมาทำไมล่ะ พี่เปรม”            “ทำข่าวน่ะลุยได้ แต่จะไปลุยกับตำรวจไม่ได้นะเว๊ย ครั้งหน้าคงได้โดนกันออกมาอยู่ไกลๆ” ช่างภาพที่ชื่อเปรมบอก            “ไม่มีทาง คอยดู”            “ไปกลับกันได้แล้ว เสียวสันหลังมาก” เปรมยังคงดึงตัวของนักข่าวสาวให้รีบเดินตามเขาไป            “ร้อยดาว ถ้าอยู่บนบ่าคงไม่พอต้องติดไปทั้งตัวเลยมั้ง” พายุพูดบ่นทำเอาเจ้าหน้าที่คนอื่นอดยิ้มไม่ได้ เมื่อนึกภาพตาม หากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีดาวที่เป็นยศติดอยู่บนชุดร้อยดวง            “แต่ดวงตาเธอก็สวยเหมือนดวงดาวเลยนะครับ หมวด”            “นั่นแน่ จ่าพฤกษ์” พายุยิ้มๆ มองตามเจ้าหน้าที่คนอื่นที่เริ่มแยกย้ายกันกลับเข้าไปยังกองบัญชาการ              พายุกลับบ้านค่อนข้างดึก เพราะกว่าจะจัดการเรื่องรายงานและถูกเรียกเข้าพบ โดยผู้บังคับบัญชาให้เข้าชี้แจ้งรายละเอียดการ ทำงานที่ทำผิดพลาด แต่ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ทุกคนคิด เพราะพายุวางแผนปล่อยให้คนที่เจ้าหน้าที่ติดตามตัวหนีไปได้ ซึ่งแผนได้ถูกรายงานให้กับผู้บังคับบัญชาได้รับทราบ แม้แต่เจ้าหน้าที่ที่ร่วมทีมก็ไม่ได้ล่วงรู้แผนของพายุ เพราะอยากให้แนบเนียนที่สุด พายุเชื่อว่า ผู้ต้องหาคนนั้นจะเป็นเหยื่อล่อที่ทำให้เขาได้คนที่อยู่เบื้องหลังการค้ายาเสพติดรายใหญ่            “ยังไม่นอน หรือคะ” พายุรับสายและเอ่ยทักทายขึ้นก่อน            “กะเวลาแม่นไหมล่ะ เพราะพาถึงบ้านแล้ว”            “เพิ่งถึงเลย ดึกแล้วทำไมยังไม่นอน” พายุแกล้งพูดดุ            “ดุลูกผู้บังคับบัญชาจะโดนเล่นงานเอานะ”            “โอ๊ย แย่แน่เลยเรา” พายุหัวเราะและหญิงสาวที่โทรฯ เข้ามาก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเช่นกัน ผู้หญิงคนนั้นชื่อ อริน เป็นลูกสาวของนายพลที่เป็นผู้บังคับบัญชาของพายุ            “ระวังไว้ด้วยล่ะ พาอยากให้รินไปหาไหม” อรินถาม            “ดึกแล้ว รินนอนเถอะ พรุ่งนี้ผมได้พักค่อยมาพรุ่งนี้เช้าดีกว่า”            “ถามจริง พ่อยอมให้พักด้วย” อรินถามเสียงหลง            “นินทาพ่อ พาจะไปอาบน้ำแล้ว รินเข้านอนได้แล้วล่ะ ดึกแล้วนะ”            “ค่ะ ฝันดีนะคะ ผู้หมวดรูปหล่อ”            “ฝันดีค่ะ ลูกสาวคนสวยของท่านนายพล” พายุยิ้มๆ หลังจากส่งจูบผ่านโทรศัพท์ก่อนที่จะวางสาย            เรื่องราวของอรินถูกพูดให้ได้ยินอยู่เสมอว่า พายุเลือกคบหาด้วย เพราะหน้าที่การงานจะได้ก้าวหน้า แต่เขาก็แสดงให้คนอื่นเห็นว่าไม่ได้เป็นอย่างที่หลายคนพูดกัน เพราะเขาไม่ได้เสียหาอะไร แต่คนที่จะเสียหายก็คือบิดาของอริน ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของเขา            พายุได้ทำงานใหญ่และอันตรายหลายต่อหลายครั้ง เพราะมีความ สามารถเรื่องการวางแผนที่รัดกุม เพื่อที่จะได้ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดต้องบาด เจ็บจากการออกไปทำหน้าที่ ซึ่งถือเป็นเรื่องหลักที่จัดอยู่ในระดับต้นๆ หากเลือกได้ พายุเลือกชีวิตของคนทำงานร่วมทีมมากกว่าผลงาน            “จะว่าไป อรินมาก็น่าจะดี คิดถึงเหมือนกัน” พายุยิ้มๆ กับสิ่งที่กำลังคิด ซึ่งกระเจิดกระเจิงไปตามประสาหนุ่มๆ              เสียงอะไรบางอย่างดังอยู่ด้านนอกเหมือนมีเสียงคนเหยียบกิ่งไม้หักทำให้พายุรีบไปหยิบอาวุธและค่อยๆ แง้มผ้าม่าน เมื่อมีการเคลื่อนไหวภายในบ้านทำให้คนที่มาแอบซุ่มอยู่ไหวตัว จึงปีนข้ามรั้วหนีออกไปทันที            พายุไม่ได้เมินเฉย แต่ระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้นระหว่างออกตรวจดูรอบๆ บ้าน หลังจากเห็นมีคนปีนข้ามรั้วออกจากบ้านของเขา พายุถอนใจออกมาเบาๆ หลังจากไม่พบสิ่งผิดปกติ เมื่อกลับเข้ามาในบ้าน พายุยังคงตรวจตราดูทุกซอกทุกมุมเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเขาแปลกใจที่จู่ๆ ก็นึกถึงหญิงชราที่ได้พบกันเมื่อตอนกลางวัน ซึ่งบอกกับเขาว่าจะเกิดอันตราย แต่ด้วยหน้าที่การงาน ชีวิตก็เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลา พายุอดแปลกใจไม่ได้ที่จู่ๆ ก็นึกถึงหมอดูคนนั้นที่หายตัวไปอย่างรวดเร็ว พายุนึกถึงหญิงชราที่ใช้มืออันเหี่ยวย่นและนุ่มนิ่มทาบทับลงบนมือของเขาทำให้เขาเริ่มสังเกตที่มือข้างซ้าย ซึ่งเหมือนมีภาพบางอย่างปรากฏให้เห็นลางๆ พายุพยายามเพ่งมองและเดินไปยังบริเวณที่มีแสงไฟส่องสว่างทันที แสงนั้นส่องสว่างไปที่มือของเขาทำให้เกิดประกายเจิดจ้าอยู่ครู่หนึ่ง พายุยังคงเพ่งมองที่มือของเขาเพื่อจะได้เห็นว่าแสงสว่างจ้าที่เกิดขึ้น คือ อะไรกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเพ่งอย่างไรก็ไม่เห็นอะไรเลย บางทีการเดินจากที่มีแสงน้อยมายังบริเวณที่มีแสงไฟส่องสว่างมากอาจทำให้สายตาเกิดพร่ามัว จนเห็นแฉกของแสงสว่างเกิดขึ้นที่กลางฝ่ามือก็เป็นได้และด้วยความเป็นคนที่ช่างคิด เขาจึงเดินไปยังบริเวณที่ค่อนข้างมืดและมองดูที่ฝ่ามือของเขาอีกครั้ง ภาพที่เห็นทำเอาถึงกับตกตะลึง เมื่อเห็นว่าเหมือนมีวัตดุคล้ายดวงดาวอยู่บ่นฝ่ามือและส่องแสงให้เห็นคล้ายกับเมื่อสักครู่ที่ทำให้เขาสงสัย            “เรื่องบ้าอะไรกันว๊ะ”            “เนื้อคู่ อยู่ไม่ไกล” นั่นคือคำพูดของหมอดูหญิงชราที่เขาไม่ได้สนใจอะไรนัก แต่เสียงพูดเหมือนมาก้องกังวานให้ได้ยินอยู่ใกล้ๆ บรรยากาศโดย รอบค่อยๆ มืดลงจนมิดสนิทเสียจนเห็นเพียงแค่แสงของดวงดาวที่อยู่กลางฝ่ามือของเขา            “ดวงดาว” พายุรำพึงออกมาเบาๆ และแสงสว่างๆ ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาแทนที่ความมืดมิด พายุค่อยๆ ลืมตาขึ้น ถึงได้รู้ว่า สิ่งที่ได้พบเจอเป็นเพียงความฝัน ซึ่งเป็นความฝันที่น่าแปลกใจสำหรับตัวเขา ถึงขนาดคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องจริง จึงแบมือและมองดูที่ฝ่ามือของตัวเอง ก่อนจะเผลอยิ้มออกมากับความบ้าบอของตัวเองที่คิดไปว่า ที่ฝ่ามือของเขามีดวงดาวทาบทับอยู่เหมือนในฝัน            “หลับไปตอนไหนว๊ะ เช้าแล้วน้ำท่าก็ไม่ได้อาบ” พายุยิ้มๆ เปิดม่านและมองออกไปนอกหน้าต่าง ซึ่งเห็นรถยนต์ขับผ่านไป เพราะช่วงเช้าผู้คนส่วนใหญ่จะออกไปทำงานหรือส่งลูกหลานไปโรงเรียน ส่วนตัวเขานั้นเป็นวันพักผ่อน ซึ่งนานพอดูที่ไม่ได้หยุดพักกับใครเขาเลย แม้แต่อรินยังไปพูดบ่นกับบิดาว่าอยากให้พายุได้หยุดพักบ้าง            พายุยิ้มๆ เมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ที่เข้ามาจอดภายใน เพราะไม่ได้คิดว่าอรินจะมาเช้าขนาดนี้                        อรินอมยิ้มๆ แกล้งทำเป็นปิดหน้าปิดตา เมื่อเห็นพายุสวมเพียงแค่กางเกงขาสั้นตัวเดียวเท่านั้น พายุยืนยิ้มจ้องมองความน่ารักของคนรัก            “อยากเป็นอาหารเช้าของรินสินะ” อรินพูดขึ้น            “พร้อมเสริฟตลอดเวลาเลยครับผม” พายุหัวเราะเล็กๆ            “ถามจริง งั้นขอจูบเป็นการชิมก่อน”            “ยังไม่ได้อาบน้ำแปรงฟันเลยตั้งแต่เมื่อคืน” พายุยิ้มอายๆ            “เค้าอาบน้ำให้นะงั้น” อรินยิ้มดูกรุ้มกริ่ม            “ใจดีที่สุดในโลกเลย แฟนพายุเนี่ย” พายุอุ้มอรินทันทีและพากันไปอาบน้ำ            พายุคบหาดูใจกับอรินมานานพอสมควร เรียกได้ว่า หากฝ่ายชายเอ่ยปากขอแต่งงาน อรินคงยอมตกลงในทันที            “ตัวหอมแล้วจ้ะ” พายุพูดขึ้น หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย อรินไม่ได้ไปอาบด้วยมานอนเล่นรออยู่ที่เตียงนอนที่มีผ้าปูสีฟ้าอ่อน พายุไม่ชอบสีขาวนักเพราะดูสกปรกง่าย            “ไหนขอพิสูจน์หน่อย” อรินจุมพิตอย่างอ่อนหวานและดูดดื่ม            “ถ้าตื่นมาแล้วเจอรินทุกวันก็ดีสิ” พายุบอก อรินจุมพิตอีกครั้งเพราะรู้สึกอยากใกล้ชิดกับคนที่มีรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ โดยเฉพาะเจ้าแววตาที่จ้องมองดูแล้วช่างเย้ายวนให้เข้าแนบชิด            พายุหลงใหลความเร่าร้อนของอรินที่มักชอบหยอกเย้าให้เคลิ้มไหวก่อนจะถาโถมเข้าหา เรือนร่างของอรินมีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ชวนให้หลงใหลเรียกได้ว่า พายุไม่อยากนึกถึงเรื่องอะไรเลย เมื่อได้อยู่แนบชิดกับเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของอรินที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงได้เสมอ            อรินมีเม็ดเหงื่อผุดที่ตามเรือนร่างเปลือยเปล่า หลังจากได้ผ่านห้วงเวลาแห่งความสุขที่ต่างได้มอบให้แก่กันและกัน อรินรู้สึกอยากกลืนกินชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์เสียเหลือเกิน            “อยากจะกลืนกินหมวดพายุทั้งตัวเลยล่ะ” อรินพูดแหย่พายุ            “ถวายให้ทั้งตัวทั้งหัวใจเลย ครับผม” พายุทำท่าคล้ายทำความเคารพผู้บังคับบัญชา ก่อนจะก้มไปจุมพิตที่หน้าอกเปลือยเปล่า ของอรินที่ขยับมานอนทาบทับบนตัวของเขาอีกครั้ง            “ขยันขันแข็งแบบนี้ดีมากค่ะ ผู้หมวด” อรินหัวเราะ            “ถามอะไรหน่อยสิ” พายุพูดขึ้นและจ้องมองหญิงสาวที่ใบหน้าอยู่ใกล้ๆ และยังนอนทับอยู่บนตัวเขา            “มีอะไร หน้าตาดูจริงจังเชียว”            “เมื่อคืนผมฝัน”            “ฝันอะไร ดีหรือร้าย” อรินถาม            พายุบอกเล่าเรื่องความฝันของเขา ซึ่งเห็นดวงดาวปรากฎอยู่บนฝ่ามือ อรินขมวดคิ้วตั้งใจฟังแล้วยิ้มๆ กับท่าทางของผู้หมวดที่ดูจริงจังมาก            “จะได้ดาวบนบ่าเพิ่มมั้งคะ หมวดพายุ แต่ดวงดาวอาจเป็นลูกสาวก็ได้นะ” อรินพูด โดยไม่ได้คิดอะไร แต่พายุขยับตัวและลุกขึ้นนั่ง โดยดึงตัวอรินมากอดเอาไว้            “ท้องหรือเปล่า เราจริงจังนะ ริน” พายุถาม            “ไม่รู้สิ ไม่มีอาการอะไรนะ ถ้าท้องจะขอแต่งงานไหมล่ะ”            “รินบอกจะคุมด้วยการกินยา เราควรไปตรวจไหม ฝันแล้วตื่นขึ้น มาเขาว่าจะเป็นจริงนะ” พายุถาม อรินหัวเราะและยิ้มๆ กับท่า ทางตื่นเต้นของพายุ            “หมวดอยากเป็นผู้กองหรือเปล่าคะ ถึงได้เห็นดาวอยู่ในมือ”            “มีลูกกันนะ อย่าคุมเลย” พายุพูดอ้อนและเริ่มรุกเร้าอรินคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง อรินยิ้มน้อยๆ และแอบยิ้มอย่างมีเลศนัย เพราะตัว เธอนั้นก็อยากมีลูกเช่นกัน            “ถ้าอย่างนั้นคงต้องขยันทำการบ้านให้มากขึ้นนะคะ หมวดพายุ”            “ผมจะปฏิบัติตามบัญชาของคุณผู้หญิงเลย ครับผม” สองหนุ่มสาวหัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนกลับเข้าสู่ห้วงเวลาแห่งความเร่าร้อนอีกครั้ง

เริ่มอ่านเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมได้ที่นี่

ดาวโหลดโดยการสแกนรหัส QR เพื่ออ่านเรื่องราวมากมายฟรี และหนังสือที่ได้รับการอัปเดตทุกวัน

อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม