คุณก็รู้นิสัยพี่ชายคุณ

1049 คำ
“แต่งนิยาย ร้อนแรงทั้งๆที่ตัวเองไม่เคยมีประสบการณ์เนี่ยนะ” “ค่ะ” “พระเจ้า ยูมิ” “อืม ก็วันๆฉันใช้ชีวิตอยู่แต่หน้าคอม ตั้งแต่เรียนปี1 แล้วฉันก็ต้องดูแลค่าใช้จ่ายในชีวิตตัวเอง ไม่มีเวลาไปหาแฟนเลยค่ะ” “งั้นหรอ เล่าเรื่องเธอให้ฟังหน่อยสิ” เขาจูงมือฉันมานั่งที่โซฟาแล้วล้มตัวลงนอนหนุนตัก คนๆนี้ทำอะไรแบบนี้เป็นด้วยแฮะ “คริสเตียน คุณเคยได้ยินคำว่า ความโรแมนติกของการอยู่คนเดียวมั้ยคะ” “หืม ผมไม่ใช่คนโรแมนติก เลยไม่ค่อยเข้าใจ” เปลี่ยนมาแทนตัวเองว่าผมแล้วแฮะ “มันหมายถึงการใช้ชีวิตบนความโรแมนติกทั้งๆที่ไม่ต้องมีแฟน ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง การอ่าน การกิน การเที่ยว ถ้าเรามองให้มันโรแมนติกแล้วอินกับมัน มันก็จะโรแมนติกเองค่ะ” “ครับ” เขาทำหน้าอยากฟังต่อ “แล้วฉันก็เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความโรแมนติกให้กับผู้คน โดยการเขียนเรื่องราวค่ะ” “อ๋อ งี้นี่เอง” “ฉันใช้เวลาสร้างความโรแมนติกขึ้นมา แต่งมงายกับมันมากไปหน่อยโดยลืมคำนึงถึงวิถีชีวิตจริงๆของตัวเอง ดีที่รู้ตัวเองตอนอายุ 22 ถ้าแก่กว่านี้ฉันคงขึ้นคานตายหน้าคอมพิวเตอร์ค่ะ” “คิกๆ” เขาขำออกมาอย่างน่ารัก “แต่ชีวิตฉันก็ใช่ว่าจะมีตัวเลือกมาก ที่ฉันมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะอาชีพฉันค่ะ ฉันรักอาชีพนี้ ฉันรักแฟนคลับที่คอยสนับสนุนฉันมาโดยตลอด ที่มีที่ซุกหัวนอน ที่มีรถขับ ที่มีกินมีใช้ ก็เพราะคนพวกนั้นค่ะ” “ฉันอยากรู้ว่า ความรู้สึกของตัวละครจริงๆที่เล่นบทสวาทเป็นยังไง ความรู้สึกที่ถูกลูบไล้ กอดจูบ ไปจนถึงเฆี่ยนตี” “มิน่าล่ะ ตาเธอถึงเป็นประกายตอนที่รู้ว่าฉันกำลังจะเล่นบทโหดกับเธอ แถมเธอยังกัดปากซี๊ดดส์” “อืม” “งั้นหรอกหรอ งั้นวันนั้นก็เป็นใครก็ได้สินะ” “ใช่ค่ะ แต่ฉันก็ดีใจนะคะที่เป็นคุณ” ฉันยิ้มให้เขา แต่เขาทำหน้าแปลกๆ หน้าแบบที่ฉันไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน (Talk คริสเตียน) ผมได้แต่อึ้งกับความน่าเหลือเชื่อที่เธอเล่ามา เธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาจริงๆ พวกผมที่รวยมาตั้งแต่เกิด เทียบไม่ได้กับผู้หญิงคนนี้ เธอน่ารัก สดใส แนวคิดดี คลังความรู้เต็มสมอง รู้จักกาลเทศะ รู้จักการแต่งตัว รู้ว่าอันไหนควรหรือไม่ควร อันไหนไหวหรือไม่ไหว ใช้ชีวิตแสนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ผมเริ่มชื่นชมเธอ ในใจผมก็เกิดรู้สึกแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วก็คำพูดที่เธอบอกว่า ดีใจที่วันนั้นเป็นผม นั่นมันทำให้ผมใจเต้น หรือว่าผมกำลัง… เสียงเคาะประตูดึงผมออกจากภวังค์ ใครมากันละป่านนี้ เธอลุกออกไปเปิดประตู แล้วผมก็ได้ยินเสียงคนคุยกันแว่วๆ “ขอบคุณมากค่ะ ไม่เห็นต้องลำบากเลย ฉันโทรสั่งเอาก็ได้” “ก็เธอชอบนั่งจึ๋งหน้าคอมไม่ยอมลุกนี่ ถ้าไม่เอามาให้แบบนี้เธอจะกินมั้ยละ ต้องรักษาสุขภาพด้วยนะ” “ฮ่าๆๆ จ้าๆ” “ไม่ได้ห้ามรับปากเฉยๆ ฉันเข้าไปเทให้ดีกว่า ไม่งั้นเธอคงจะทิ้งไว้จนหนอนขึ้น” “อะ เอ่อ” เสียงยูมิลำบากใจ แต่ประการสำคัญเลยคือเสียงไอ้เดวิด ไอ้หมอนี่จะไม่เลิกยุ่งกับเธอจริงๆหรอวะ แล้วมันก็เดินเข้ามาอาดๆ ยังกับห้องของมันเอง “ไอ้คริส มาอยู่นี่ได้ไง” มันตกใจหน้าซีดที่เห็นผม “แอบตามมึงมาไง อย่างมึงไม่มีทางออกไปไหนถ้าไม่มีธุระสำคัญ กูก็เลยเดาออกว่ามาหายัยนี่” “ไอ้เวรนี่ มึงทำถึงขนาดนี้เลยหรอวะ” “แล้วมึงจะทำไม” “อะ เอ่อ ทั้งสองคนใจเย็นก่อนแล้วมานั่งกินน้ำเต้าหู้ด้วยกันเถอะค่ะ” ยูมิ พยายามสงบศึก แต่ใจผมแม่งกระวนกระวายชิบ ไม่รู้ทำไมเวลาเห็นหน้าไอ้เดฟ แล้วมีความรู้สึกว่ามันจะมาแย่งเธอไปเลย แล้วนิสัยปากเสียเป็นเดิมทุนของผมมันก็ใช่ว่าจะแก้ได้ง่ายๆ “กินด้วยกันงั้นหรอ ทำไมต้องกินกับมัน เธอก็เหมือนกันยูมิ จะให้พวกเราแดกเธอกันทั้งคู่เลยรึไง ทำไมเอากับฉันมันไม่พอให้เธอเก็บข้อมูลถึงกับต้องไปเอากับไอ่เดฟอีกหรอ อยู่กันตั้งแต่กลางวัน ได้กันไปกี่น้ำแล้วล่ะ” “ไอ้คริสไอ้ปากเสีย” มันกำลังจะเดินเข้ามาหาผมแต่ยูมิดึงแขนมันไว้ แล้วพูดหน้าตายว่า “ก็หลายน้ำอยู่นะคะ แซบซี๊ดส์มากๆเลย ลีลาของเดฟ” เธอทำหน้ากวนตีนใส่ผม “นี่เธอ ยูมิ อย่ามากวนโมโห” “อ้าว กวนโมโหยังไงอีก คุณเป็นคนพูดเองนะ” … “คุณก็รู้นิสัยพี่ชายคุณ คริสเตียน รู้แก่ใจแท้ๆว่าเดฟไม่ใช่คนแบบนั้น แล้วคุณยังจะมาพูดแบบนี้อีก” “คิกๆ” พี่ชายผมขำออกมา เหมือนไอ้เดวิดจะชอบยัยนี่มากสิ แล้วผมล่ะ ความรู้สึกของผม ผมไม่เคยชอบใคร ผมไม่รู้ว่าการชอบใครสักคนมันเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆต่อนนี้ ผมรู้สึกหวงเธอ ไม่อยากให้ใครได้เธอไป “เออ รู้แล้ว” ผมตอบไปแค่นั้น “งั้นคุณทั้งสองคนกลับกันไปก่อนนะคะ คืนนี้ฉันมีงานต้องทำค่ะ” “ไม่เอาอ่ะ ยูมิ ผมจะค้างที่นี่” ผมงอแงเธอ “ไม่ได้ค่ะ คุณจะกวนเวลาทำงานของฉัน คริสเตียนฉันไม่ได้ บอร์น ทู บี เหมือนพวกคุณนะคะ ฉันต้องเลี้ยงปากท้องของตัวเอง เพราะงั้นแยกย้ายค่ะ” แล้วผมก็ต้องยอม เอาเถอะ คืนนี้หาแดกที่อื่นก็ได้ว่ะ ผมคิดในใจ แล้วออกมาจากที่นั่น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม