บทที่ 2 เคลือบแคลงใจ (2)

1552 คำ
กนกขวัญเดินคอตกกลับมาจนถึงบ้านก็เกือบหกโมงเย็น ขาเรียวเล็กเดินมาหยุดตรงหน้าประตูรั้วไม้สูงเลยศีรษะไปเพียงนิดเดียว ดวงตากลมโตทอแสง มองจดหมายแผ่นเล็กที่เสียบอยู่ระหว่างซี่ไม้ มือบางเอื้อมไปหยิบจดหมายมาถือไว้ในมืออย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนเปิดประตูรั้วเดินเข้าไปในบ้าน หลังจากอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน สิ่งหนึ่งที่เธอยังคงทำทุกวันก่อนนอนตั้งแต่ยายจากไป นั่นคือการมาคุยกับรูปของยายอิ่ม หากแต่ความรู้สึกในวันนี้ช่างหลากหลายอารมณ์เหลือเกิน หนังสือยึดบ้านจากธนาคาร กนกขวัญก้มมองกระดาษในมือ กวาดสายตาเพื่ออ่านทุกตัวอักษรที่ปรากฏในกระดาษ “ธนาคารจะมายึดบ้านของเราแล้วนะยาย ขิมต้องทำยังไงต่อไปจ๊ะ” เสียงหวานสั่นสะท้านด้วยความกลัว ดวงตาดำสนิทมีน้ำใสๆ ไหลลงมาอย่างสุดจะกลั้น มือบางรีบยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาออกลวกๆ ริมฝีปากอวบอิ่มเป็นรูปกระจับฝืนยิ้มน้อยๆ “วันนี้ขิมเจอคุณกวินภพแล้วนะยาย” แม้ใบหน้าหวานจะมีรอยยิ้มประดับอยู่ หากแต่ดวงตาคู่สวยกลับฉายแววสวนทางกับสิ่งที่แสดงออก “ได้คุยกันแค่ไม่กี่ประโยคเองจ้ะ เป็นดาราดังก็อย่างนี้แหละเนาะยาย งานเยอะจนไม่มีเวลาได้พักเลย...เอาไว้คราวหน้าค่อยคุยก็ได้ยังพอมีเวลา ยายไม่ต้องเป็นห่วงขิมนะ ขิมดูแลตัวเองได้” พูดไปก็จุกแน่นอยู่ในอก พยายามบังคับน้ำเสียงให้มั่นคง แต่ดูเหมือนจะยากเย็นเสียเหลือเกินในเวลาที่อ่อนแอแบบนี้ “ขิมคิดถึงยายนะ คิดถึงทุกวันเลย ยายอยู่บนนั้นคงสบายดีใช่ไหมล่ะ หายเงียบไปเลยนะ ไม่มาบอกเลขขิมสักตัว สองตัวหน่อยเหรอยาย ขิมจะได้มีเงินไปไถ่บ้านคืน” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แล้วยกมือปาดน้ำตาหยดสุดท้ายของวันออกจากใบหน้าหวาน “สู้เว้ยไอ้ขิม โลกใบนี้มันจะโหดกันสักแค่ไหนเชียว” กนกขวัญเรียกความเข้มแข็งให้ตัวเอง แล้วก็ต้องถอนหายใจเสียงดัง พ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด ยามเมื่อมองกระดาษในมืออีกครั้ง “ก็คงไม่โหดเกินไปหรอก ถ้าไม่มีไอ้กระดาษเล็กๆ แต่ภาระแสนยิ่งใหญ่ใบนี้ละนะ หัวไอ้ขิมจะระเบิด” พูดจบก็ล้มตัวลงนอนบนฟูกขนาดห้าฟุต ยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ข่มตาให้หลับไม่ลงจริงๆ เพราะปัญหาที่ต้องเผชิญอยู่ตอนนี้ ยายของเธอเอาบ้านหลังนี้ไปจำนองไว้กับธนาคาร หลังจากที่ถูกเจ้าหนี้นอกระบบตามทวงหนี้โหด ซึ่งตามมาขูดรีดเอาทุกวัน ด้วยห่วงความปลอดภัยของเธอที่ยังเด็กมาก จึงเอาบ้านอันเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายไปจำนองไว้กับธนาคารแล้วเอาเงินไปคืนเจ้าหนี้โหด ยายต้องยอมเอาบ้านไปจำนอง เพื่อจ่ายหนี้นอกระบบที่ตัวเองไม่ได้ก่อ แถมยังไม่ได้ใช้เงินสักบาท ส่วนคนที่เอาเงินไปก็ไม่เคยกลับมาเหลียวแล ดูดำดูดีแม่บังเกิดเกล้าและลูกที่ไม่ตั้งใจให้เกิดมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว จะผิดไหมนะ ถ้าเธอจะเกลียดแม่ตัวเอง มารดาผู้ให้กำเนิดที่ไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ เลยสักครั้งตั้งแต่เล็กจนโต มีเพียงรูปถ่ายเก่าๆ ใบเดียวที่พอจะบอกได้ว่าผู้หญิงคนนี้แหละ ‘แม่’ ของเธอ “ไอ้ขิม! ไอ้ขิมโว้ย อยู่ในบ้านไหมวะ” เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายหน้าบ้าน ทำให้คนที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตา รู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของใคร “อยู่!!” เธอร้องตะโกนตอบออกไป ไม่นานเจ้าของเสียงก็เดินถือหม้อเล็กๆ เข้ามาในบ้าน “แม่ให้เอาต้มยำกุ้งตัวโตๆ มาฝาก พอดีน้าฉันทำงานอยู่ชลบุรี แกแวะมาเยี่ยมแม่ เลยเอาอาหารทะเลมาฝากเยอะแยะเลย” ว่าขึ้นพร้อมกับเดินเอาหม้อไปใส่ไว้ในตู้กับข้าวให้อย่างชำนาญเส้นทาง “ขอบใจนะหวาน ฝากขอบคุณป้าด้วยนะ” เธอละสายตาจากหม้อพะแนงเนื้อ แล้วเอ่ยขึ้นขำๆ หากแต่ก็เป็นเรื่องจริง “ลาภปากฉันละ นานๆ จะได้กินกุ้งกับเขาบ้าง” “เออ...ว่าแต่เรื่องที่ไปหาพี่วินเป็นยังไงบ้าง” น้ำหวานพยักหน้ารับ แล้วเดินมานั่งขัดสมาธิหยิบใบตองที่เพื่อนเตรียมทำห่อหมกขึ้นมาพับเป็นกระทงให้ “ก็ได้เจอกันแล้ว แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เชื่อ” กนกขวัญเอ่ยเสียงเศร้า “ก็แน่อยู่หรอก แกเป็นใครก็ไม่รู้ อยู่ๆ เดินไปบอกเปล่าๆ ว่าเป็นน้องสาวต่างแม่เขาน่ะ เป็นฉัน ฉันก็ไม่เชื่อ นี่ถ้าไม่รู้จักแกมาตั้งแต่เกิดนะ ต่อให้อมพระทั้งวัดมาพูด ฉันก็ไม่เชื่อแน่ๆ” “บาปกรรม” “คนอย่างแกรู้จักคำนี้ด้วยเหรอวะ” กนกขวัญเองพยายามต่อปากต่อคำกับเพื่อน แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนจะสู้กลับ ทำให้หลุดขำเสียงดังลั่นบ้าน นี่เป็นหัวเราะแรกเลยตั้งแต่กลับมาจากไปหากวินภพ เมื่อสองวันก่อน น้ำหวานเป็นคนเดียวที่เธอไว้ใจ และวางใจที่จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตให้ฟัง แม้กระทั่งเรื่องที่เพิ่งได้รับรู้มาด้วย “เออ! ดีนะนึกขึ้นได้ก่อน” น้ำหวานตบเข่าฉาดใหญ่ อยู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ กนกขวัญปรายตามองแล้วหลุบมองแกงในหม้อต่อ “แกจำพี่เอกกี้ได้ปะ คนที่ฉันเคยไปช่วยขายน้ำอัดลมที่ห้างเมื่อเดือนก่อน” “จำได้ มั้ง นะ ทำไม” น้ำหวานระงับอารมณ์กับความกวนอวัยวะเบื้องล่างสุดของเพื่อน “ก็เมื่อวานพี่แกโทรมาหาฉัน แกต้องการคนไปช่วยเสิร์ฟน้ำในกองละคร พอดีว่าลูกจ้างประจำของแกลาไปงานศพพ่อกะทันหัน” “แล้วบอกฉันทำไม ฉันต้องขายข้าวแกง ไม่มีเวลาพาแกไปเฝ้าดาราหรอกนะ” เธอว่าออกไปนิ่งๆ ไม่เห็นจะมีอะไรน่าตื่นเต้นตรงไหนเลย “ไม่ใช่โว้ย!” น้ำหวานร้องบอกเสียงดัง “แกฟังฉันให้จบก่อนได้ปะ เดี๋ยวแม่ก็ไม่ช่วยให้ได้เจอพี่หรอก ไอ้นี่” กนกขวัญหูผึ่งทันที จากทีแรกไม่สนใจ ตอนนี้รีบวางทัพพีเดินมานั่งลงเบียดเพื่อนรัก กอดแขนออดอ้อนออเซาะเต็มที่ “เมื่อกี้น้ำหวานเพื่อนรักพูดว่าอะไรนะ ขิมได้ยินว่าอะไรพี่ชาย พี่ชายอะไรสักอย่าง ไหนเพื่อนหวานพูดใหม่อีกทีซิคะ” “ทีนี้ละเร็วเลยนะไอ้ขิม ไอ้นิสัยกวนอวัยวะเบื้องล่างนี้เพลาๆ ลงบ้างเถอะ ฉันกลัวแกไม่แก่ตาย” “ฉันอยู่ให้แกบ่นจนแก่ไปพร้อมกับแกนั่นแหละหวาน แต่แกช่วยพูดประโยคก่อนหน้านั้นใหม่ได้ไหม” น้ำหวานกลอกตาไปมา “พี่เอกกี้แกอยากได้คนไปช่วยเสิร์ฟน้ำในกองละครแทนลูกน้องแก...” “แล้ว” คนตั้งหน้าตั้งตาฟังเอ่ยขึ้น เมื่อเพื่อนเงียบไป “ไอ้กองละครที่ว่าเนี่ย พี่วินเล่นเป็นพระเอก” “ไป!” “ยังไม่ได้ถาม!” กนกขวัญและน้ำหวานหัวเราะออกมาพร้อมกันกับมุกตลกที่เล่นเป็นสีสันเล็กๆ น้อยๆ “วันไหน เวลาไหน แกบอกฉันเลย” เธอต่อประโยคคำถามเองเลย ไม่ปล่อยให้เพื่อนได้มีโอกาสอธิบาย “ไม่ค่อยรีบเลยเนาะ” น้ำหวานพูดเหน็บให้เบาๆ “แน่สิ บ้านฉันกำลังจะถูกยึดภายในสามสิบวันนี้แล้ว” “...” “...” คราวนี้ความเงียบเข้าปกคลุมพื้นที่ น้ำหวานจากที่มีใบหน้ายิ้มแย้มก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งงันไปเลย ก่อนที่จะหาเสียงของตัวเองเจอ “หมายศาลมาแล้วเหรอ” “อืม...มาเมื่อสองวันก่อนแล้วแหละ” ขิมตอบเสียงแผ่ว “แล้วแกมาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทำไมกันเล่า บ้านฉันโดนยึด ถ้าเป็นบ้านแกก็ค่อยว่าไปอย่าง” “ปากแกนี่นะ เฮ้อ...” น้ำหวานส่ายหน้าให้กับคนที่ทำเป็นเข้มแข็งกลบเกลื่อนความอ่อนแอ “โอเค ตามนั้นเลยแม่คนเก่ง” “แกว่าต่อสิ เรื่องที่จะให้ฉันไปทำงานที่กองคุณกวินภพน่ะ” กนกขวัญดึงความสนใจกลับมาที่เรื่องเดิมอีกครั้ง “วันจันทร์ที่จะถึงนี้แหละ อีกสามวัน ออกกองในกรุงเทพ เป็นสวัสดิการคอยเตรียมน้ำ เตรียมอาหารให้นักแสดงและทีมงานในกอง แกทำได้เปล่า” “สบายเลย” เธอตอบสวนทันควัน น้ำหวานพยักหน้ารับ “งั้นเดี๋ยวฉันโทรไปบอกพี่เอกกี้ให้” “ขอบใจแกมากๆ เลยนะหวาน ชาตินี้ทั้งชาติฉันจะไม่ลืมพระคุณแกเลย” “เออ” น้ำหวานตอบเพียงเท่านั้น แล้วก้มหน้าลงมาสนใจพับใบตองที่เตรียมไว้ทำห่อหมกเอาไปขายในตลาดพรุ่งนี้เช้าต่อ กนกขวัญยิ้มแป้น ฉกหอมแก้มเพื่อนสาวจนได้รับค้อนทางสายตาวงใหญ่ส่งให้ เธอหัวเราะชอบใจแล้วกลับไปดูแกงพะแนงที่ทิ้งเอาไว้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม