01.30 น. รถยนต์คันหรูสีดำมันปลาบจอดอยู่ที่ลานจอดรถของคอนโดมิเนียมของเธอ คนที่ทำให้เขากลายเป็นแค่เครื่องมือแก้แค้นพี่สาวและแฟนเก่าของเธอ เขานั่งมองตึกนั่นอยู่นาน ก่อนดูเวลาในขณะนี้แล้วก็ต้องถอนหายใจแรงๆออกมา มันดึกขนาดนี้คงไม่ดีแน่ถ้าเขาจะขึ้นไปปลุกเธอขึ้นมาคุยกันให้รู้เรื่อง หรือจะขึ้นไปโมเมนอนกอดเธออีก และช่วงนี้ก็คงต้องเป็นแบบนี้อีกพักใหญ่ เพราะกระแสของเขากับมินตรากำลังมาแรงมาก จนผู้ใหญ่สั่งเร่งกองถ่ายละครเรื่องใหม่ให้รีบถ่ายทำและปิดกล้องให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้รีบออนแอร์ในตอนที่กระแสยังดังเปรี้ยงอย่างนี้
เขาถอนหายใจแรงๆอีกครั้ง แล้วรีบขับรถกลับคอนโดของตนเองเพื่อไปนอนพักผ่อนทันที เพราะทำงานหนักมาทั้งวัน ตอนนี้ก็เหนื่อยล้าเต็มที แถมพรุ่งนี้ยังต้องออกจากห้องเพื่อไปกองถ่ายแต่เช้าอีก ช่วงนี้ก็คงไม่ได้กลับไปนอนบ้านอีกพักใหญ่เหมือนกัน
ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่เขาทำงานหนักหน่วงทุกวัน บ้านช่องไม่ได้กลับ ไหนจะเร่งถ่ายละคร ไหนจะอีเว้นท์ ไหนจะงานโฆษณาและถ่ายแบบ กระแสคู่จิ้นเขากับมินนี่ทำให้งานที่จากเดิมเยอะอยู่แล้ว กลายเป็นเยอะมากขึ้นจนทำงานไม่ได้มีวันหยุดเลยมาเดือนนึงเต็มๆแล้ว
ตั้งแต่วันที่เขาไปจอดรถมองคอนโดของอัณณาในกลางดึกคืนนั้น เขาก็ไม่ได้ไปที่นั่นอีก ได้เจอเธอตามงานอีเว้นท์บ้าง แต่ก็ทำได้แค่มองหน้า ไม่ได้พูดคุยหรือซักถามเรื่องที่ทำให้เขาขุ่นเคืองใจ
และวันนี้เขาก็เร่งถ่ายละครอีกตามเคย เพื่อที่บ่ายเมื่อหมดคิวของเขาแล้ว จะได้รีบไปเยี่ยมหลานฝาแฝดที่เพิ่งคลอด อยากจะเห็นหน้าหลานจะแย่แล้ว
แล้วเวลาที่เขารอคอยก็มาถึง เขาขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง แล้วรีบเดินเร็วๆเข้าไปข้างใน แต่ทันทีที่เขาเดินเข้ามาถึงประตูทางเข้า สายตาก็ไปปะทะเข้ากับร่างบางที่แสนคุ้นเคยกำลังยืนโงนเงน มือท้าวกำแพงอยู่ จึงรีบวิ่งเข้าไปประคอง
"อัณณา คุณเป็นอะไร"
เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วเบิกตากว้างอย่างตกใจ เขาก็ไม่เข้าใจว่าจะตกใจทำไมที่คนที่มาช่วยประคองเธอไว้เป็นเขา ชั่วพริบตา เธอก็หมดสติทิ้งตัวจนเขาต้องรีบอุ้มเธอเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที
ในห้องวีไอพีของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง โรงพยาบาลเดียวกันกับที่พี่สะใภ้คนสวยของเขามาคลอดลูกแฝด และในตอนนี้เขาควรได้อยู่ดูหน้าหลานแฝดที่เพิ่งคลอด ถ้าไม่ต้องพาผู้หญิงที่เป็นลมต่อหน้าต่อตาคนนี้มาเข้ามาในโรงพยาบาลเสียก่อน และต้องอยู่เฝ้าจนเธอฟื้น
ที่จริงถ้าเป็นคนอื่น เขาไม่จำเป็นจะต้องอยู่เฝ้าก็ได้ แค่มีน้ำใจพามาส่งโรงพยาบาลก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่บังเอิญผู้หญิงคนนี้ดันเป็นคนที่เขามี One Night Stand ด้วยเมื่อสองเดือนก่อน จะให้เขาใจร้ายใจดำกับเธอก็คงไม่ได้
“คุณเป็นญาติคนไข้หรือเปล่าคะ”
หมอสาวเดินถือแฟ้มผลการตรวจเข้ามาในห้องเพื่อรายงานผลการตรวจให้กับญาติของคนไข้ที่เป็นลมหมดสติ นอนให้น้ำเกลือนิ่งๆมาร่วมชั่วโมงแล้ว
“เอ่อ ผมเป็นเพื่อนอัณณาครับ บังเอิญเจอกันที่หน้าโรงพยาบาลแล้วเห็นเธอเป็นลมพอดี เธอเป็นอะไรหรือครับหมอ”
หมอสาวชั่งใจอยู่พักหนึ่ง แต่ด้วยคนตรงหน้าเป็นดาราดัง ไม่มีความจำเป็นต้องมาห่วงคนที่ไม่ใช่เพื่อนหรือญาติขนาดนี้ แต่นี่ถึงขนาดอยู่เฝ้าไข้ ก็คงจะเป็นเพื่อนกันจริงๆนั่นแหละนะ เธอเลยตัดสินใจบอกข้อมูลของคนไข้ที่ควรจะเป็นความลับออกไปให้กับเขาได้รับรู้
“คุณอัณณา ตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้วค่ะ ก่อนหน้าที่คุณจะเจอเธอ เธอก็เพิ่งเข้ามาตรวจร่างกายและฟังผลไปแล้ว ยังไงเดี๋ยวหมดจัดยาบำรุงครรภ์กับแก้แพ้ท้องให้เธอเพิ่มนะคะ ท่าทางเธอจะแพ้ท้องหนักมาก เห็นว่าอาเจียน ทานอาหารไม่ได้จนน้ำหนักลด”
“เอ่อ ครับ”
พูดจบ หมอสาวก็เดินออกไป ทิ้งไว้เพียงเขาที่ยืนอึ้งอยู่กลางห้อง เขาหันกลับมามองคนตัวบางที่นอนหน้าซีดเซียวอยู่บนเตียง แล้วคิดย้อนกลับไปเมื่อสองเดือนที่แล้วที่เขามีอะไรกับเธอ นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต ที่เขาไม่ได้ป้องกัน ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ปลอดภัย แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงทำแบบนั้น แล้วในคืนนั้น เขากับเธอก็มีอะไรกันหลายครั้งจนเช้า จนถึงตอนนี้ การกระทำอันสิ้นคิดของเขา มันส่งผลกลับมาแล้ว
ดาราหนุ่มทรุดตัวลงนั่งที่โซฟามุมห้องอย่างหมดเรี่ยวแรง เขามั่นใจว่าเด็กในท้องของเธอเป็นลูกของเขาแน่นอน ก็เธอที่นอนอยู่บนเตียงนี่โดนเขาเปิดซิงเป็นคนแรก และท่าทางอย่างเธอคงไม่กล้าไปนอนกับใครอีก ถึงว่า ตอนที่เธอเจอเขาเมื่อสักครู่ ถึงตกใจจนหมดสติไปเลย เพราะเธอมีเรื่องปิดบังเขาอยู่นี่เอง
ปุณณัตถ์ถอนหายใจยาว คิดไม่ตกว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี ขืนไปปรึกษาคนที่บ้านคงได้เป็นเรื่องแน่ ก็คงต้องรอเธอตื่นขึ้นมาเสียก่อนสินะ ค่อยตกลงกันให้รู้เรื่อง
เขามองขวดน้ำเกลือของเธอที่ยังมีอยู่ค่อนขวด จึงตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมหลานแฝดก่อน แล้วจะรีบกลับมาหาเธออีกครั้ง
แต่ทันทีที่เข้ามาถึงในห้องได้ก็ต้องตกใจ เพราะนอกจากคนในครอบครัวเขาแล้ว ในห้องนี้ยังมีมินตราและผู้จัดการส่วนตัวของเธอที่นำกระเช้ามาเยี่ยมพี่สะใภ้และหลานของเขา
"มินนี่ มาได้ยังไง"
"มินนี่มาเยี่ยมคุณณิชาสิคะ พี่โปรดใจร้ายจัง ไม่เห็นบอกมินนี่เลยว่าหลานพี่คลอดแล้ว มินนี่จะได้มาพร้อมพี่โปรดเลย"
ใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเขาทำให้พี่ชายทั้งสามรู้ดีเลยว่า เขากำลังเขี่ยนางเอกคู่ขวัญทิ้งแล้ว
"นั่นสิเจ้าโปรด แทนที่จะพาน้องมาด้วยเลย จะได้มาทำความรู้จักพ่อกับแม่ ถึงจะแอบคบกันเงียบๆยังไง พ่อกับแม่และครอบครัวก็บอกให้รู้ได้นะ แกนี่ไม่ได้เรื่องเลย"
มารดาของเขาเอ่ยต่อว่าเขาอย่างไม่จริงจังนัก เพราะรู้ดีว่าดาราอย่างเขาคงค่อนข้างหวงความเป็นส่วนตัว
ปุณณัตถ์มองสบตากับมินตรา ไม่รู้ว่าเธอมาให้ข้อมูลอะไรพ่อกับแม่ของเขา เหมือนที่เธอชอบให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงกับนักข่าว จนมีข่าวคบกันนอกจอของเขากับเธอออกมาจากต่อเนื่อง ทั้งๆที่เขาก็เพียรพยายามปฏิเสธไปหลายที จนผู้ใหญ่สั่งเบรกให้ปล่อยเลยตามเลย เพราะยิ่งมีข่าวคบกันนอกจอ งานต่างๆยิ่งเข้ามาหาคนทั้งคู่จนดังไม่หยุดฉุดไม่อยู่แล้ว
"มันไม่ใช่อย่างนั้นครับแม่ เราสองคนไม่ได้คบกันแบบนั้น มันเป็นคำสั่งผู้ใหญ่ไม่ให้ผมแก้ข่าว เรียกกระแส เรียกงานครับ"
"พี่โปรด.."
มินตราตีหน้าเศร้า ดวงตาที่ตกแต่งมาอย่างสวยงามมีน้ำตามาเอ่อคลอจนน่าสงสาร ตีบทเป็นสาวใสที่บูชาความรัก มอบตัวและหัวใจให้กับผู้ชายที่รักไป แต่เขากลับไม่เห็นค่า จนดาราหนุ่มต้องโดนมารดาตำหนิอีกครั้ง
"แกพูดอะไรเจ้าโปรด เป็นผู้ชายหัดมีความรับผิดชอบบ้าง ไม่แก้ข่าวก็ไม่ต้องแก้ ก็คบกันจริงๆ รับผิดชอบกันไปจริงๆเลยแล้วกัน"
"แม่ครับ ผมไม่.."
"อย่าขัดใจแม่ ถ้าไม่งั้นแม่จะจัดงานแต่งให้แกภายในเดือนนี้เลย คราวนี้กระแสจิ้นแกดังหนักกว่าเดิมแน่ เอาไหม"
"ไม่นะแม่ ผมไม่ยอม"
"ในเมื่อแกก็ไม่ได้มีใคร มินนี่ก็รักและยอมแกขนาดนี้ แกก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อความรู้สึกน้องเขาด้วย อย่ามาทำตัวมักง่าย แม่ไม่ชอบ"
ปุณณัตถ์ก้มหน้านิ่ง ไม่ได้พูดหรือแย้งอะไรออกมาอีก คิ้วขมวดเป็นปมด้วยความเครียด แค่เรื่องที่อัณณาท้อง ชีวิตของเขามันยังยุ่งวุ่นวายไม่พออีกใช่ไหม
"คุณ เรื่องของเด็กๆ เราไม่ควรสอดมือเข้าไปยุ่ง ในเมื่อเขาสองคนตกลงแล้วที่จะคบกันแบบไหน ก็ปล่อยให้เป็นไปตามนั้น อย่าบังคับลูก"
"คุณเป็นผู้ชาย ก็เข้าข้างผู้ชายด้วยกันสิ เรื่องแบบนี้ก็มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่เสียหาย"
แทบจะไม่กี่ครั้งในชีวิต ที่ปราบ บิดาของพวกเขาจะเอ่ยขัดภรรยาสุดที่รัก นั่นคงเป็นเพราะเขาเห็นความจริงอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ ซึ่งตอนนี้ภรรยาของเขากำลังหูอื้อด้วยความโกรธ เลยยังคงมองข้ามไป
"มินนี่ขอโทษนะคะ ที่การมาของมินนี่ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน มินนี่เสียใจจริงๆค่ะ"
เธอยกมือไหว้บิดามารดาของเขาอย่างนอบน้อม พร้อมยกมือกรีดไล้น้ำตาออกจากแก้มนวล แถมผู้จัดการส่วนตัวยังเข้ามาประคองกันอย่างประคบประหงมเหมือนกับเธอนี่เป็นเจ้าหญิงผู้แสนบอบบาง ที่กำลังโดนอสูรร้ายอย่างเขารังแกก็ไม่ปาน
"พี่อะตอม พามินนี่กลับไปก่อนเถอะครับ"
ปุณณัตถ์เอ่ยกับผู้จัดการส่วนตัวของเธอ เพื่อให้รีบๆพาผู้หญิงที่ควรได้รับตุ๊กตาทองในฐานะนักแสดงนำหญิงที่สุดในปีนี้ออกไปจากห้องพักของพี่สะใภ้เขาเสียที
"มินนี่ กลับก่อนเถอะ คนเขาไม่รัก ก็ไม่ต้องเสียใจไปหรอกนะ"
ผู้จัดการส่วนตัวสาวสอง เพิ่มความดราม่าให้กับนักแสดงในสังกัดที่ถือว่าเป็นลูกรักที่สุดของตนเองทันที แผนการมาเปิดตัวเพื่อเรียกคะแนนสงสารกับพ่อแม่เขานี่ อะตอมคนนี้ก็เป็นคนช่วยคิด
"งั้นมินนี่ลาก่อนนะคะ"
เธอยกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อม ก่อนยกมือกรีดไล้น้ำตาอีกครั้ง
"แม่ยังยืนยันคำเดิม ว่าโปรดต้องคบกับมินนี่จริงๆ และต้องรับผิดชอบน้องจริงๆ"
บ้าไปแล้ว ถ้าเขาทำอย่างนั้น แล้วคนที่อุ้มท้องลูกเขา ที่ยังนอนไม่ได้สติให้น้ำเกลืออยู่ตอนนี้จะทำยังไง เรื่องอะไรก็ยังไม่ได้จัดการสักอย่าง ยุ่งวุ่นวายไปหมด
มินตราส่งยิ้มเศร้าๆให้กับแม่ของเขาเป็นการขอบคุณ แล้วทำทีเป็นเดินอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงออกจากห้องไป
สามหนุ่มมองหน้ากันอย่างเข้าใจในสิ่งที่ทุกคนคิด เรื่องนี้คงเป็นอีกเรื่องที่อาจจะจบแบบศพไม่สวย ไม่รู้ว่าทางมินตรา หรือน้องชายเขา ก็ต้องรอดูต่อไป
รินรดา หรือยาหยี สะใภ้คนโต เอื้อมมือไปจับกับอริสาแล้วกำมือกันแน่นอย่างรู้กัน ถึงแม้ปุณณัตถ์จะเจ้าชู้เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย แต่มันก็อยู่บนพื้นฐานความพอใจและข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรือ แต่ตอนนี้ที่อีกฝ่ายกลับมีความรู้สึกขึ้นมาจริงๆในความสัมพันธ์นี้ กลับมาเรียกร้องขอความรับผิดชอบ มันไม่ยุติธรรมกับเขาเลยสักนิด
"เอา เจ้าโปรด มาดูหลานไม่ใช่หรอ นั่นไง อยู่ข้างเตียงแม่เขานั่นไง หลับปุ๋ยเลยนะหลานชายแก"
พี่ชายคนโตเอ่ยทำลายบรรยากาศอึมครึมที่นางเอกสาวมาทำไว้
"ครับ"
ปุณณัตถ์เดินไปยังเตียงเด็กคู่ข้างๆเตียงคุณแม่ยังสาวทันที ภาพเด็กผู้ชายใบหน้าขาวอมชมพูกลมป้อม ปากนิดจมูกหน่อยในผ้าห่อตัวสีขาวสะอาด ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน มุมปากหยักยกยิ้ม สายตาอ่อนละมุนขึ้นจนคนรอบข้างสังเกตเห็น
ใจแกร่งอุ่นวาบไปทั้งดวง เมื่อนึกถึงลูกของเขาที่อยู่ในท้องของเธอคนนั้น ไม่รู้ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย คลอดออกมาแล้วจะน่ารักเหมือนลูกๆของพี่ชายไหม แต่ถึงยังไง ชีวิตน้อยๆที่กำลังจะเกิดมา ก็ต้องน่ารักที่สุดสำหรับเขาอยู่แล้ว
เขายื่นนิ้วแกร่งไปเขี่ยแก้มกลมๆของเด็กทั้งสองเบาๆ แล้วมองหน้ากลมป้อมทั้งคู่สลับกันไปมา
"หน้าเหมือนกันขนาดนี้เลยหรอเนี่ย คนไหนน่านฟ้า คนไหนเหนือเมฆล่ะครับ จะแยกกันออกหรอ"
เขาเงยหน้าขึ้นถามพี่ชายคนที่สามที่เป็นพ่อของเด็กแฝดที่แสนน่ารักนี้
"ตอนนี้มีป้ายชื่อที่แขน เดี๋ยวกลับบ้านคงต้องใส่ด้ายหรืออะไรที่ข้อมือคนนึง จนกว่าจะหาจุดแตกต่างของทั้งคู่ได้นั่นแหละ"
เขาอยู่พูดคุยกับพี่ชายและพี่สะใภ้ทั้งสามอีกครู่หนึ่งก็ขอตัวกลับ อ้างว่ามีคุยงานกับผู้ใหญ่ต่อ แล้วรีบเข้ามาหาแม่ของลูกในห้องพักคนไข้แบบวีไอพีทันที