ภายในโรงเตี๊ยมที่แออัดไปด้วยผู้คน โรงเตี๊ยมแห่งนี้ ถือว่ามีชื่อเสียงพอสมควรในเมืองหลวง หลังจากที่นางได้ลองสั่งอาหารขึ้นชื่อของโรงเตี๊ยมมาสองถึงสามอย่างแล้ว นางก็สามารถคาดเดาทิศทางโรงเตี๊ยมของนางในอนาคตได้แทบจะทันที อาหารของที่นี่ถึงแม้ว่าจะรสชาติดีอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับอาหารที่นางได้สอนสาวใช้ทั้งสองไปแล้วนั้น ถือว่ายังห่างชั้นกันอีกไกลนัก
เหมยลี่อินจึงใช้เวลาที่เหลือในการสำรวจความเคลื่อนไหวต่างๆ ในเมืองหลวง สำหรับข่าวที่เป็นที่โจษจันในเมืองหลวงขณะนี้ คงไม่พ้นเรื่องของชินอ๋องหยางหรงเหลียน เขามีฉายาเป็นแม่ทัพไร้พ่ายไร้ใจ มีความโหดเหี้ยมอำมหิตและเป็นถึงแม่ทัพที่คุมทัพมากกว่าสามแสนในกำมือ ชินอ๋องหยางหรงเหลียนเป็นพระอนุชาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และยังเป็นพระเชษฐาของจวิ้นอ๋องหยางจิวฮุ่ยอีกด้วย
ข่าวว่าหลังจากที่เขาได้ช่วยพระชายาเอกเหมยลี่อินของจวิ้นอ๋องหยางจิวฮุ่ยจนประสบอุบัติเหตุ ทำให้เส้นเอ็นขาด ไม่สามารถเดินเหินได้อีกต่อไป ไม่ว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะหาหมอที่เลื่องชื่อ และมีความสามารถมากเพียงใดมารักษา ต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้
ซึ่งข่าวนี้ถือว่าเป็นข่าวไหม่ สำหรับเหมยลี่อินเลยก็ว่าได้ เหตุใดนางถึงไม่เคย รับรู้ถึงเหตุการณ์นี้มาก่อน หรือจะเป็นตอนที่เขาช่วยนางจากพวกกบฎในครั้งนั้นเช่นนั้นหรือ
ครั้งนั้นจวิ้นอ๋องได้นำพระชายาเอกทั้งสองคน ไปร่วมงานล่าสัตว์กับพระองค์ด้วย ในตอนนั้นความสัมพันธ์ของจวิ้นอ๋องและนาง ถือว่าไม่ได้แย่ถึงเพียงนี้ แต่ด้วยเหตุการณ์ในครั้งนั้น ในระหว่างพวกกบฏได้ลอบเข้ามาก่อการกบฏ ในขณะที่ฮ่องเต้ทรงออกล่าสัตว์ เป็นผลให้ชายาเอกทั้งสองของจวิ้นอ๋องตกอยู่ในอันตราย แต่จวิ้นอ๋องเลือกช่วยชายาเอกหยุนฟางเซียน ซึ่งเป็นองค์หญิงต่างแคว้น แทนที่จะช่วยเหมยลี่อินที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีคนรักของเขา ซึ่งเหมยลี่อินได้รับความช่วยเหลือจากชินอ๋องหยางหรงเหลียน ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเชษฐาของเขา เรื่องราวในตอนนั้นเป็นผลให้ เหมยลี่อินเข้าใจถึงสถานะของตนเองในใจของจวิ้นอ๋องเป็นอย่างดี
เหมยลี่อินคนเก่าไม่เคยสนใจเรื่องราวความเป็นไปของผู้อื่นเลย นางสนใจแต่เรื่องราวของตนเอง โดยไม่ได้รับรู้เลยว่าหลังจากที่ชินอ๋องหยางหรงเหลียน ได้ช่วยเหลือนางแล้ว ทำให้เส้นเอ็นของเขาฉีกขาดจากอุบัติเหตุเป็นผลให้ไม่สามารถเดินได้อีก
"เจ้าลองคิดดูสิว่าชินอ๋องจะอยู่อย่างไร ผู้ที่เคยเป็นดั่งพยัคฆ์ร้ายของแคว้น กลับต้องมาเป็นชายพิการที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนด้วยตนเองได้ ข้าให้นึกเห็นใจชินอ๋องยิ่งนัก"
"นั่นนะสิ ไม่ว่าจะหาหมอที่เก่งขนาดไหน ก็ไม่สามารถรักษาชินอ๋องได้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเรื่องนี้ฮ่องเต้ถึงกับทรงพิโรธเป็นอย่างมาก หากไม่มีชินอ๋องสักคนแล้วละก็ ข้าเชื่อว่าแคว้นน้อยใหญ่ที่ต่างเกรงกลัวอำนาจของชินอ๋อง คงได้ตั้งตนออกห่างในครั้งนี้เป็นแน่"
"ช่างโชคร้ายเสียจริง"
เมื่อเหมยลี่อินได้ฟังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นางก็ให้รู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ในตอนนั้นหากนางไม่ดื้อดึง จะตามสวามีของนางไปให้ได้ ชินอ๋องก็คงไม่ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ จนเป็นเหตุให้มีสภาพเช่นนี้เป็นแน่
"คงถึงเวลาต้องไปเยี่ยมผู้มีพระคุณ สักครั้งแล้ว"
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงพับเก็บการขายแบบร่างอาวุธของนางเสียก่อน และหาวิธีเข้าไปยังตำหนักชินอ๋อง เพื่อไปตรวจดูอาการของเขา โดยอาศัยความรู้ที่นางมี เผื่อว่าจะสามารถช่วยเขาได้ สำหรับการผ่าตัดต่อเส้นเอ็นนั้น สำหรับนางแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากอันใด เพียงแต่นางยังขาดอุปกรณ์บางชนิดเพียงเท่านั้น หากนางจะสามารถช่วยให้เขากลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง นางก็ไม่คิดที่จะรั้งรอเลยแม้แต่น้อย
เมื่อรอจนถึงตอนกลางคืน เหมยลี่อินจึงได้ลอบเข้าไปในตำหนักของชินอ๋องหยางหรงเหลียน โดยที่ไม่มีผู้ใดได้ทันสังเกต โดยใช้ความสามารถในการพรางตัวที่ได้ฝึกมาจากโลกเก่า ถึงแม้ว่าจะไม่มีวรยุทธ แต่เรื่องของการพรางตัวนั้นก็ถือว่า เป็นผู้ที่จับตัวยากผู้หนึ่งเลยก็ว่าได้ เมื่อนางค้นหาตำหนักที่ประทับของชินอ๋องอยู่นาน ก็พบว่าเขาได้อาศัยอยู่ในตำหนักที่มีเวรยามคุ้มกันอย่างแน่นหนา แม้แต่แมลงวันสักตัวก็ยังผ่านไปได้ยาก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับนางเลยสักนิด เมื่อนางสบโอกาสจึงได้ลอบเข้าไปในห้องที่ชินอ๋องประทับอยู่ ภาพที่นางเห็นเบื้องหน้า คือบุรุษที่มีใบหน้าซูบผอม กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงเพียงลำพัง ซึ่งนั่นได้สร้างความแปลกใจให้กับเหมยลี่อินเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่เข้ามาในตำหนักแห่งนี้ พูดได้เลยว่านางยังไม่พบสตรีแม้แต่เพียงผู้เดียว ส่วนมากจะเป็นบุรุษ และชายชราเสียมากกว่า ช่างเป็นเรื่องแปลก สำหรับเหมยลี่อินเป็นอย่างมากเพราะนางไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับชินอ๋องมากนัก ถึงแม้นว่าบุรุษผู้นี้จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพระเชษฐาของสวามีของนางก็ตาม
เหมยลี่อินค่อยๆ เดินเข้าไปยังเตียงที่บุรุษผู้นั้นนอนอยู่ ก่อนที่นางจะสัมผัสถึงตัวเขา ข้อมือของนางก็ได้ถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน โดยบุรุษผู้ที่นอนอยู่บนเตียงนั้น
"เจ้าคือผู้ใดกันใครส่งเจ้ามา"
ชินอ๋องจ้องมองไปที่สตรีตรงหน้าของตน ซึ่งในตอนนี้เหมยลี่อิน ไม่ได้ปกปิดใบหน้าของนางแม้แต่น้อย ทำให้ชินอ๋องสามารถจดจำนางได้แทบจะในทันที
"เป็นเจ้า! เจ้าเข้ามาได้เช่นไร โดยที่องครักษ์ของเปิ่นหวางมิสามารถจับความเคลื่อนไหวของเจ้าได้"
"เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก หม่อมฉันเพียงต้องการจะมาตรวจพระอาการของพระองค์เพียงเท่านั้น"
"เจ้ากำลังกล่าวเรื่องไร้สาระอันใด แม้แต่หมอที่ได้ขึ้นชื่อว่าเก่งที่สุดของแคว้น ยังไม่สามารถรักษาอาการของเปิ่นหวางได้ แล้วสตรีในห้องหอเช่นเจ้า มีความสามารถนั้นด้วยหรือ"
ชินอ๋องอดที่จะกล่าว ดูถูกสตรีตรงหน้าไม่ได้ นางเอาความมั่นใจจากที่ใดกัน มาบอกว่าจะมาตรวจดูอาการของเขา
"แล้วพระองค์คิดว่า ความสามารถของหม่อมฉัน มีมากขนาดไหนกัน แม้แต่ทหารองครักษ์ที่เฝ้ายามอยู่ด้านนอก ยังไม่สามารถจับความเคลื่อนไหวของหม่อมฉันได้ แล้วเรื่องตรวจดูพระอาการของพระองค์หากไม่ลองดู จะรู้ได้เช่นไรว่าหม่อมฉันทำได้หรือไม่ได้"
"นี่ก็ต้นยามจื่อแล้ว (ประมาณห้าทุ่ม) หม่อมฉันไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น พระองค์อย่าทรงทำให้หม่อมฉันเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย"