EP.5 ไร้จรรยาบรรณ
โรงพยาบาล ROMI
แผนกศัลยกรรมระบบประสาทและสมอง
ก๊อก ๆ ๆ
"อาจารย์หมอคะ ๆ มีเคสด่วน" เสียงเคาะประตูห้องพักส่วนตัวแพทย์ดังขึ้น พร้อมกับเสียงพยาบาลอีกคนที่วิ่งเข้ามาอย่างแตกตื่น
หมอซีแอลที่นั่งจิบกาแฟอยู่กับอาจารย์หมอ
เขาจึงเป็นฝ่ายรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูแทน
"หมอแอล.." พยาบาลชะงักเล็กน้อย เมื่อคนที่เปิดประตูห้องมาคือ นักศึกษาแพทย์ซีแอล ทายาทอันดับหนึ่งแห่งโรงพยาบาล ROMI
"ตอนนี้คนไข้อยู่ห้องฉุกเฉินใช่ไหมครับ" ซีแอลถามกลับไปทันที
"ใช่ค่ะ ๆ" พยาบาลสาวพยักหน้ารับ
"งั้นรีบไปกันเถอะ แอล" อาจารย์หมอรีบคว้าเสื้อกาวน์ของท่านและเดินมุ่งหน้าตรงไปยังแผนกฉุกเฉินอย่างรีบเร่ง
"ครับ" หมอซีแอลพยักหน้าและเดินขนาบข้างคู่อาจารย์หมอดนัยตรงไปยังห้องฉุกเฉิน
"คนเจ็บเป็นเด็กวัยรุ่น เพศชาย อายุ 17 ปีค่ะ ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ปั๊มหัวใจคืนมาได้ แต่อาการของคนเจ็บยังโคม่าอยู่"
"หมอที่ห้องฉุกเฉินคิดว่า คนเจ็บน่าจะมีเลือดคั่งในสมอง และอวัยวะภายในบาดเจ็บสาหัส" พยาบาลอธิบายไปตามที่หมอเวรแจ้งกับเธอมา
"แล้ว x-ray ทุกอย่างเรียบร้อยรึยัง" อาจารย์หมอฟังทุกคำวินิจฉัยของหมอคนแรกอย่างพยายามทำความเข้าใจ
"สวัสดีครับอาจารย์ ๆ " เหล่าคุณหมอที่อยู่ในห้องเกือบทุกคนหันมายกมือไหว้ อาจารย์หมอดนัยด้วยความเคารพ
"คนไข้มีภาวะสมองกระทบกระเทือน กะโหลกศีรษะแตก กระดูกซี่โครงหักทิ่มปอด" หมออีกคนรีบเดินเข้ามาอธิบายต่อทันที
"งั้นก็ผ่าตัดเปิดกะโหลกและรักษาจุดที่สำคัญของคนไข้ก่อน" อาจารย์หมอเดินตรงเข้ามาดูอาการของคนเจ็บ
"เคสยากมากเลย แต่ก็ดีเหมือนกันแอลจะได้เข้าห้องผ่าตัดจริงและเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันเลย" อาจารย์หมอดนัยหันไปบอกกับนักศึกษาแพทย์อย่างซีแอลด้วยใบหน้าที่กังวลเล็กน้อย
"ดีครับ" หมอซีแอลพยักหน้าตอบกลับไปทันทีด้วยความตั้งใจ
อาจารย์หมอดนัยถือเป็นแพทย์ศัลยกรรมระบบประสาทและสมอง มือหนึ่งของไทยและมือต้น ๆ ในระดับเอเชียเลยก็ว่าได้ และหมอดนัยเองก็คืออาแท้ ๆ ของซีแอลอีกด้วย
"งั้นเตรียมห้องผ่าตัดได้เลย เดี๋ยวเคสนี้อาจารย์ดูเอง" อาจารย์หมอหันไปบอกกับทีมพยาบาล ซึ่งในตอนที่แพทย์และพยาบาลกำลังจะเข็นนำเตียงคนเจ็บเข้าไปในห้องฉุกเฉินนั่นเอง
"ไอ้เจ้าหนูนี่ตัวผอมสูง แต่เตียงหนักมากเลยเนอะ" บุรุษพยาบาลหนึ่งในสองคนบ่นขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเข็นตัดผ่านหน้าของหมอซีแอลไป
"ไปกันแอล คืนนี้เราจะได้ยืนดูอาผ่าตัดแบบเรียลไทม์ไปเลย จะได้ไม่ต้องถามอาแค่จากในตำรา" อาจารย์หมอขยับแว่นหนา ก่อนจะอ่านแฟ้มประวัติคนไข้เท่าที่มีอย่างละเอียด
ขณะที่เตียงเคลื่อนไปถึงหน้าห้องผ่าตัดใหญ่ แต่จู่ ๆ พนักงานของฝ่ายบัญชีก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมกับตะโกนลั่นเลยว่า
"หยุดก่อนค่ะ ๆ ประกันเบิกไม่ผ่านค่ะคุณหมอ" เสียงพูดของเธอทำให้เหล่าแพทย์และพยาบาลหยุดชะงักไปทันที ซึ่งมันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พ่อแม่และปลายฝนเดินเข้ามาถึงหน้าห้องผ่าตัดเช่นกัน
"และเราต้องทำเรื่องส่งตัวเขาไปโรงพยาบาลรัฐบาลข้าง ๆ ค่ะ เนื่องจากเป็นความเข้าใจผิดของกู้ภัยที่ขับมาส่งผิดโรงพยาบาลค่ะ" พนักงานบัญชีเดินมาขวางทางเอาไว้
"ตอนนี้ขั้นโคม่าแล้ว ถ้าภายในคืนนี้ไม่ได้รับการผ่าตัดยังไงก็คงไม่รอด" หมอซีแอลหันไปปรึกษากับอาของเขา ไม่มีหมอคนไหนอยากจะเห็นคนไข้ตายไปต่อหน้าต่อแบบนี้หรอก
"แต่ถ้าคนไข้ไม่มีจ่าย เราก็ได้รับผลเสียเช่นกันนะ" อาจารย์หมอถอนหายใจและมองไปที่คนเจ็บด้วยแววตาที่หนักใจไม่แพ้กัน ซึ่งหมอและพยาบาลทุกคนต่างก็ยืนนิ่งไปกันหมด
มันไม่ใช่พวกเขาไม่อยากจะช่วยเหลือ แต่กฎของโรงพยาบาลอย่างไรก็ควรเป็นกฎ ถ้าช่วยเคสหนึ่ง แน่นอนว่าในอนาคตก็คงมีคนเจ็บป่วยที่ไม่พร้อมเรื่องค่ารักษาแห่กันมาขอพึ่งโรงพยาบาลกันหมดแน่ ๆ
"ตอนนี้แค่ค่าปฐมพยาบาลเบื้องต้น x-ray ค่าหมอ และค่าห้องผ่าตัดเกือบ ๆ หกหมื่นบาทแล้วนะคะ ถ้าญาติคนไข้ไม่มาเซ็นยินยอม...ตามกฎของทางโรงพยาบาลเราต้องยุติการรักษาไว้เพียงเท่านี้ และรีบนำตัวคนเจ็บส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่เขามีสิทธิ์ในการรักษาค่ะ" นักบัญชีเดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารปึกหนา
"เราพยายามติดต่อทางญาติไปแล้ว และแจ้งเรื่องค่ารักษา แต่ทางนั้นตัดสายไปน่ะค่ะ" เธออธิบายต่อเพราะได้พยายามโทรแจ้งญาติตามเบอร์ที่มีแล้ว
"งั้นก็ไปเตรียมรถพยาบาลเลย เดี๋ยวให้หมอพงศ์กับหมอแอลช่วยปฐมพยาบาลคนเจ็บไปส่งที่โน่น" อาจารย์หมอหันไปสั่งการกับบุรุษพยาบาล เขาไม่ลืมที่จะมองไปที่คนเจ็บอีกครั้ง ก่อนจะแข็งใจเดินผ่านไปช่วยเหลือคนไข้คนอื่นแทน
-ทางด้านครอบครัวปลายฝน-
"นี่พวกคุณกำลังจะพาลูกชายของฉันไปไหน" เสียงของหญิงวัยกลางคนวิ่งลงมาจากรถพร้อมกับเกาะขอบเตียงลูกชายของเธอทั้งน้ำตา
"แล้วทำไมยังไม่รักษาเขาอีกล่ะคะ" เธอเงยหน้าถามบุรุษพยาบาลและพยาบาลรอบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ
"ทางเราปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วและกำลังจะดำเนินการพาคนเจ็บส่งต่อไปยังโรงพยาบาลรัฐบาล ตามสิทธิ์ที่ขึ้นโชว์ในระบบน่ะค่ะ" พยาบาลสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาอธิบายอย่างสุภาพ
"ไม่ได้ รักษาเขาเดี๋ยวนี้เลยนะ...เดี๋ยวนี้เลยนะ" แม่ของต้นหนาวชี้หน้าว่าให้พยาบาลอย่างคลุ้มคลั่งด้วยความเป็นห่วงลูก เธอกอดร่างของลูกชายที่เต็มไปด้วยเลือดและร้องไห้อย่างคนเสียสติ
"แม่ ๆ ๆ " ปลายฝนเข้าไปประคองแม่ของเธอที่คล้ายจะหน้ามืดเป็นลมขึ้นมา เมื่อเห็นบาดแผลบนตัวของลูกชายสุดที่รัก
"คนเจ็บ...เจ็บหนักขนาดนี้ ถ้าเป็นอะไรไปกลางทางใครจะรับผิดชอบคะ" ปลายฝนพยายามตั้งสติและพูดแทนแม่ของเธอไปทันที
"ก็ถ้าเธอมีหลักประกันมาวาง ทางโรงพยาบาลก็ยินดีจะรักษาให้ต่อ แต่ตอนนี้ถ้าไม่มีเงินมาวางทางเราก็ยินดีจะพาคนเจ็บไปส่งให้โรงพยาบาลตามสิทธิ์ของคนเจ็บ ทั้งหมดฟรีทางเราไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายอะไร" หมอซีแอลที่ถืออุปกรณ์ทางการแพทย์มาด้วยก็อธิบายถึงเหตุและผลอย่างละเอียด
"แล้วคุณรักษาก่อนไม่ได้เหรอ... นี่พวกคุณไม่มีจรรยาบรรณทางการแพทย์เลยรึยังไง" ปลายฝนกำหมัดแน่นหันหน้าไปถามทางซีแอลด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจเช่นกัน
"ถ้าไม่มีจรรยาบรรณ น้องชายของเธอคงตายไปนานแล้ว"
"ที่นี่คือโรงพยาบาลเอกชน ไม่ใช่โรงทาน" เขาชี้ให้เธอดูป้ายโรงพยาบาลอีกครั้ง
"…" ปลายฝนกัดฟันแน่นเธอรู้ดีว่า ที่นี่มันคือโรงพยาบาลชั้นนำที่แพงมากแค่ไหน แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวด ที่พวกเขาปฏิเสธการรักษาน้องชายของเธออย่างเลือดเย็น
"เราช่วยเขา สุดความสามารถของเราแล้ว" หมอซีแอลพูดใส่หน้าปลายฝนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่ยังคงความสุภาพ
"ถ้าคนที่เจ็บเป็นคนที่หมอรักบ้าง...อยากรู้หมอจะเลือดเย็นได้แบบนี้ไหม"
"หึ... คงไม่มีวันนั้นหรอก"