ปี 2023 ห้องวีไอพี ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในกรุงปักกิ่ง
จางลี่ซินเด็กสาวที่เกิดมาขาพิการ พ่อแม่เมื่อเห็นสภาพของลูกตัวน้อยผิดปกติ จึงตัดสินใจทิ้งเธออย่างไม่ลังเล ดีหน่อยที่เธอได้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ารับไปชุบเลี้ยง ทว่าเคราะห์กรรมของเด็กน้อยยังไม่หมด เธอยังเป็นโรคร้ายที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีชีวิตได้อีกนานแค่ไหนและจะจากไปเมื่อไร แต่จางลี่ซินกลับได้รับบางอย่างมาทดแทน นั่นคือความเป็นอัจฉริยะที่แม้แต่คนที่ใช้ชีวิตมาครึ่งชีวิตก็ยากจะมี
ใช่แล้ว ! เธออ่านออกเขียนได้ตั้งแต่สามขวบ และรู้หลักการหลาย ๆ อย่างยิ่งกว่าผู้ใหญ่ ความเป็นอัจฉริยะของเธอมีเศรษฐีใจบุญคนหนึ่งเห็นเข้า และรับเลี้ยงเธอเป็นลูกบุญธรรม เพื่อให้ได้เล่าเรียนอย่างที่ลี่ซินต้องการ
สามีภรรยาคู่นี้แม้จะมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐีทว่ากลับไม่มีลูก จึงรับลี่ซินไปเลี้ยง จนลี่ซินอายุสิบขวบก็สอบเข้าในระดับมหาวิทยาลัย และสามารถคิดค้นระบบเกมขึ้นได้ด้วยตัวเอง
ไม่นานพ่อแม่บุญธรรมก็มีลูก แต่ทั้งสองก็ไม่ทอดทิ้งลี่ซิน ไม่ใช่เพราะเธออัจฉริยะ แต่เพราะทั้งสองรักลี่ซินไม่ต่างจากลูกตนเอง
เมื่อรู้ว่าลี่ซินเป็นโรคร้าย จึงใช้เงินเกือบทั้งหมดที่มีรักษาลูกบุญธรรมคนนี้ แต่โรคร้ายก็คือโรคร้าย รักษาอย่างไรก็ไม่มีทางหายขาด ทำได้เพียงประวิงเวลาการจากไปของลี่ซินเท่านั้น
ลี่ซินคืออัจฉริยะของยุค เธอได้ร่วมงานกับบริษัทเกมยักษ์ใหญ่ชื่อดัง และสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับครอบครัว แต่เงินส่วนหนึ่งเธอแบ่งไปให้บ้านเด็กกำพร้า เพราะไม่ต้องการให้น้อง ๆ ที่มีโชคชะตาเช่นเธอต้องอดอยากอีกต่อไป
“ซินซิน พักบ้างนะลูก แค่นี้พ่อกับแม่ก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ลูกมอบให้ไปทำอะไรแล้ว พ่อเป็นห่วงสุขภาพของซินซินนะ” นายท่านจางกล่าวด้วยน้ำเสียงอาทร เขาอยากให้ลูกคนนี้พักบ้าง เก้าปีมานี้ซินซินของเขาทำงานหนักมาก ทั้ง ๆ ที่ร่างกายไม่เอื้ออำนวย
“ซินซินยังไหวค่ะพ่อ เวลาของซินซินใกล้จะหมดแล้ว ลูกอยากให้พ่อกับแม่รวมถึงน้องทั้งสองสบาย ระบบเกมที่ลูกเขียน ต่อให้ไม่มีลูกแล้ว สิ่งเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ให้กับทุกคนได้ตลอดไป”
เวลานี้เธอขอใช้ช่วงเวลาสุดท้ายเขียนระบบเกมขึ้นมาอีกสองระบบ เพื่อเป็นทุนรอนให้กับครอบครัว หลังจากที่เธอหมดลมหายใจแล้ว
แม้ว่าที่ผ่านมาเธอจะอาภัพ ไม่รู้ว่าใครคือพ่อแม่ที่แท้จริง แต่เธอกลับโชคดีที่มีพ่อแม่บุญธรรมรับเลี้ยง ทั้ง ๆ ที่เธอพิการและป่วยโรคที่รักษาอย่างไรก็ไม่หาย แต่พ่อแม่กลับยอมเสียเงินมากมายเพื่อยื้อชีวิตเธอไว้
เวลาที่เหลืออยู่ ขอให้เธอได้ตอบแทนกับบุญคุณครั้งนี้ด้วยเถอะนะ
“แต่ลูก...”
“ซินซินยังไหวค่ะพ่อ อาหมิงกับอาเฉินก็จะเป็นอัจฉริยะคนต่อไปต่อจากซินซิน แม้ว่าลูกจะเขียนระบบเกมเพิ่มขึ้นมาด้วยเวลาเร่งรีบ แต่ลูกเชื่อว่าน้องทั้งสองจะสามารถพัฒนาเกมพวกนี้ได้อีกไกล น้องทั้งสองซินซินฝึกมากับมือนะคะ”
“พ่อรู้แล้วว่าลูกเป็นอัจฉริยะตัวแม่ ส่วนน้องทั้งสองก็ลูกสอนมากับมือ แต่เวลานี้พ่ออยากให้ลูกพักผ่อนอีกสักหน่อย ตื่นมาค่อยทำต่อพ่อก็ไม่ห้าม อย่าลืมว่าเวลานี้ลูกอยู่โรงพยาบาลนะ” นายท่านจางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกังวล เวลานี้ร่างกายของลูกสาวคนโตวัยสิบเก้าปีไม่สู้ดีแล้ว เขาไม่ต้องการให้ลี่ซินหักโหมเกินไป คนเป็นพ่อแม่ขอแค่ลูกมีชีวิตต่อได้อีกหนึ่งวันก็พอใจแล้ว
“ค่ะพ่อ งานใกล้เสร็จแล้ว ลูกสัญญาว่าจะพักผ่อน จะไม่ทำงานอะไรอีก” ลี่ซินโผล่หน้าออกมาจากอุปกรณ์การทำงานของเธอและยิ้มตาหยีให้พ่อ เธอรู้ว่าเวลาเธอไม่มีอีกแล้วจึงอยากทำให้มันเสร็จ ๆ และเธอเชื่อว่าระบบฟาร์มเกมใหม่นี้จะสร้างเม็ดเงินอย่างมหาศาลให้กับครอบครัวและบ้านเด็กกำพร้าที่เธอสนับสนุนเรื่องเงินอยู่ในเวลานี้
หลังจากนายท่านจางและภรรยาเดินออกไป ในห้องพักผู้ป่วยจึงเหลือจางลี่ซินเพียงคนเดียว โดยคนดูแลรออยู่ในห้องด้านหน้า ไม่เข้ามารบกวนเจ้านายที่มุ่งหวังจะทำงานของตัวเอง
จางลี่ซินยังคงตั้งหน้าตั้งตาเขียนโปรแกรมเกมของตัวเองอย่างขะมักเขม้น เลือดกำเดาค่อย ๆ ไหลออกมาจนชุ่มเสื้อไปหมด เธอรู้ดีว่าเวลาไม่เหลือแล้ว สุดท้ายงานจึงเสร็จตามที่ตั้งใจ พร้อมกับลมหายใจสุดท้ายของเธอเช่นกัน
“ถึงเวลาแล้วสินะ ลาก่อนค่ะพ่อ แม่ อาหมิง อาเฉิน ขอให้ทุกคนอยู่และใช้ชีวิตหลังจากนี้อย่างมีความสุขนะคะ”
“เช่นนั้นเราไปกันได้แล้ว” ชายชราปรากฏร่างให้เห็นหลังจากที่จางลี่ซินสั่งเสียเสร็จสิ้น
“ค่ะ” เธอไม่รู้ว่าชายชราผู้นี้เป็นใคร แต่เมื่อเธอตายแล้วก็ยอมติดตามไปด้วยความสมัครใจ
หลังจากที่นายท่านและนายหญิงจางทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกสาวคนโต ทุกคนเสียใจอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้เวลาของลูกนั้นมีไม่มาก แต่ไม่คิดว่าจะด่วนจากไปเช่นนี้
เมื่อเสร็จสิ้นงานศพ นายท่านจางตั้งมูลนิธิลี่ซินขึ้นมา และเข้าไปเป็นผู้อุปถัมภ์บ้านเด็กกำพร้าแห่งนั้น พร้อมส่งเด็กทุกคนเรียนอย่างที่ลี่ซินเคยลั่นวาจาไว้ แม้ว่าตัวจะจากไป แต่ชื่อของอัจฉริยะจางลี่ซินกลับอยู่ในใจทุกคนพร้อมกับความดีที่เธอสร้างไว้
ทันทีที่จางลี่ซินและจางลี่อินพบกัน ทั้งสองได้แต่แปลกใจ และหันไปมองหน้าชายชราอย่างตั้งคำถาม
“ไม่ต้องมองแบบนั้น นี่คือชะตาชีวิตของทั้งสองคน หลังจากนี้ตาจะหลอมรวมจิตของทั้งคู่เข้าด้วยกันและส่งกลับเข้าร่าง ไม่ว่าจางลี่ซินหรือจางลี่อิน ทั้งคู่คือคนคนเดียวกัน เข้าใจไหม”
“หมายความว่ายังไงคะคุณตา ฉันกับเด็กคนนี้คือคนคนเดียวกัน ฉันไม่เข้าใจ” ลี่ซินไม่เข้าใจจริง ๆ สภาพบ้านและความเป็นอยู่ที่นี่ไม่เหมือนกับยุคสมัยของเธอ ดูแล้วเธอน่าจะย้อนเวลากลับมามากกว่า
“เรื่องนี้เป็นความผิดของตาเอง ความจริงแล้ว ทั้งสองคือคนคนเดียวกัน แต่เพราะความผิดพลาดที่ตาได้กระทำไว้ ทำให้ดวงจิตของเราต้องแตกเป็นสองส่วน และส่งไปเกิดคนละยุคคนละสมัย ร่างกายของทั้งสองคนจึงไม่ปกติ คนหนึ่งก็พิการ อีกคนก็ร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วยได้ง่าย ต่อไปจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว”
“แล้วจะมีคนใดคนหนึ่งหายไปไหมคะ” ลี่อินเอ่ยถามบ้าง เธอยังคงห่วงน้องชายเพียงคนเดียวของตน แต่เวลานี้หากต้องมีคนหนึ่งจากไปเธอก็พร้อม ในเมื่อยังมีพี่สาวคนนี้อยู่ และยังเป็นจิตอีกส่วนหนึ่งของเธอ ซึ่งก็ไม่ต่างจากเธอยังอยู่เลยไม่กังวลมากนัก
“จะไม่มีใครหายไป แต่ทั้งสองจะหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ต่อไปนี้ลี่อินจะมีมันสมองและความอัจฉริยะจากลี่ซิน ลี่ซินก็จะมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ร่างนี้จะมีความทรงจำและความสามารถของทั้งสองอยู่เหมือนเดิม ตาจะอธิบายยังไงดีล่ะ”
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะคุณตา เราทั้งสองยังอยู่ แต่หลอมดวงจิตให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งก็คือจางลี่อิน” ลี่ซินเข้าใจดี ไม่ว่าจะจางลี่อิน หรือจางลี่ซิน ก็คือคนเดียวกัน ไม่มีใครจากไปไหน แต่กลับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
“อืม เช่นนั้นได้เวลาแล้ว ดูสิ เจ้าเด็กนั่นร้องไห้ใหญ่แล้วที่เรียกพี่สาวไม่ตื่น จับมือกันไว้นะ”
ชายชราพยักหน้า ก่อนจะให้ทั้งสองจับมือกัน จากนั้นจึงใช้มือแตะศีรษะของทั้งสองคนเพื่อหลอมดวงจิตให้เป็นหนึ่งเดียว
เมื่อได้ดวงจิตแล้ว ชายชราก็ส่งกลับเข้าร่างทันที
“จงใช้ชีวิตหลังจากนี้ให้ดีนะลี่อิน ขอโทษที่ทำให้ลำบาก” ชายชรากล่าวจบก็หายวับไปทันทีเช่นกัน โดยไม่บอกว่าลี่ซินมีอะไรติดตัวมาด้วยนอกจากความสามารถเดิม
“พี่ใหญ่ ฮือ ๆ ตื่นมาคุยกับอาฉีได้ไหม อาฉีกลัว” ฉีหลินร้องไห้กอดพี่สาวไว้ เด็กน้อยกลัวเหลือเกินว่าพี่จะตายเหมือนพ่อกับแม่