บทที่ 3
นีราพรรณไม่รู้ว่าตนเองถูกลากให้เข้ามานั่งในห้องประชุมตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้หัวสมองของเธอมึนงงคิดอยู่แค่เรื่องเดียวว่ามารดาทำกับเธอแบบนี้ได้อย่างไร เสียงแว่วๆ ของกรรมการอาวุโสที่กำลังเอ่ยรายงานผลประกอบการของโรงแรมให้เจ้าชายฮารีฟร์และอานีสต์องครักษ์ได้รับทราบทำให้เธอถึงกับน้ำตาตก สิ่งเหล่านี้คุณอาธนภูมิเคยรายงานตรงให้กับเธอ
แต่บัดนี้ไม่มีอีกแล้ว...ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงแปรผันไปชั่วพริบตาราวกับสายลมพัดผ่าน คณะกรรมการทุกคนต้องรายงานทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเดอะธาราแกรนด์โฮเทลให้เจ้าชายฮารีฟร์ฟังแต่เพียงผู้เดียว หญิงสาวปรายตามองคนตัวใหญ่หล่อเข้มที่นั่งอยู่ข้างๆ ตนเองครู่หนึ่งจากนั้นก็หลุบสายตาลงมองแฟ้มเอกสารที่วางแหมะอยู่เบื้องหน้า ตอนนี้เธอไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเปิดอ่านเอกสารใดๆ ทั้งนั้น อยากให้การประชุมที่รู้สึกว่ายืดยื้อยาวนานที่สุดได้จบสิ้นลงสักทีเพื่อที่เธอจะได้ออกไปให้พ้นจากเจ้าของนัยน์ตาคมกริบที่กำลังหันมาจ้องมองพอดี
“ใจลอยไปถึงไหนน้ำเหนือ ทำไมไม่สนใจดูข้อมูลการประชุม”
เจ้าชายฮารีฟร์ก้มหน้าลงมาใกล้ใบหน้าเนียนแดงปลั่งพร้อมกับกะะซิบต่อว่าเบาๆ พอนีราพรรณเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเขาก็ยิ้มเยาะใส่เอ่ยถากถางต่อ
“หรือว่าเจ้าทำใจยอมรับตำแหน่งใหม่ยังไม่ได้”
นีราพรรณกะพริบตาไล่ความเจ็บปวดให้พ้นไปจากดวงตาคู่สวยจากนั้นก็จ้องมองคนที่เอ่ยถากถางตนเองด้วยสายตาว่างเปล่าไม่เอื้อนเอ่ยวาจาออกมาก่อนจะหลุบสายตาลงมองแฟ้มเอกสารเหมือนเดิม
หญิงสาวแสนสวยอย่างนีราพรรณไม่รู้เลยว่าอากัปกิริยาของเธอเป็นดังเชื้อไฟชั้นดีที่เติมเข้าไปในกองเพลิงลูกใหญ่ที่กำลังคุกรุ่นด้วยไฟโลกันต์
เจ้าชายฮารีฟร์ กัดฟันกรอดโมโหเดือดกับกริยาเฉยเมยของนีราพรรณ หญิงสาวไม่มีทีท่าว่าชื่นชอบหรือชื่นชมในตัวเขาเหมือนกับผู้หญิงทั่วๆ ไปที่ต้องการตะครุบต้องการเป็นนกน้อยในกรงทองทันทีที่รู้ว่าเขาคือเจ้าชายผู้ร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทองบ่อน้ำมันแร่ดิบตามธรรมชาตินับสิบนับร้อยบ่อที่มีอยู่เกือบทุกแผ่นผืนทั่วทั้งประเทศอัลนูรีน นีราพรรณมองผ่านเลยไปราวกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุไร้ตัวตน ยิ่งหญิงสาวแสดงกริยาเฉยเมยใส่เขามากเท่าไหร่ยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะเธอมากเท่านั้น...
ช่วงจังหวะที่มีการเปลี่ยนผู้รายงานสถานการณ์ภายในโรงแรมเป็นปยุต เจ้าชายฮารีฟร์ก็ได้สั่งให้ทุกคนพักการประชุมประมาณ 15 นาที เพื่อให้ทุกคนได้ผ่อนคลายออกไปหากาแฟดื่มคลายอาการตึงเครียด แต่จริงๆ แล้วเหตุผลสำคัญที่เจ้าชาย
ฮารีฟร์ต้องการให้พักการประชุมเป็นเพราะว่าเขาต้องการอยู่กับนีราพรรณตามลำพัง
นีราพรรณขยับกายลุกขึ้นไปหากาแฟกินเหมือนคนอื่นๆ แต่ร่างบางลุกขึ้นไม่ทันพ้นเก้าอี้ดีก็ถูกฉุดให้ทรุดตัวลงนั่งบนตักกว้างแข็งแกร่งของคนที่เธอต้องการหนีไปให้ไกลที่สุด
“เจ้าจะไปไหนไม่ได้ เมื่อสักครู่เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของเรา”
เจ้าชายฮารีฟร์กระซิบเสียงดุใกล้ๆ ใบหูเล็ก ริมฝีปากสีสดคลอเคลียอยู่แถวๆ แก้มเนียนแดงปลั่งจนเห็นเส้นเลือดที่อยู่ล่อตาล่อใจ ให้ตายเถอะ...ถ้าหากเหล่าองครักษ์รู้ว่าเขากำลังขโมยจูบหญิงสาวคนนี้อยู่คงได้พากันอ้าปากค้างด้วยความแปลกใจ เจ้าชายผู้เย่อหยิ่งแห่งทะเลทรายสีทองอย่างเขาไม่จำเป็นต้องแอบจุมพิตหญิงสาวที่ไม่เต็มใจ มีหญิงสาวนับร้อยนับพันที่ต้องการเป็นผู้เสนอจุมพิต แต่เขาไม่ต้องการหญิงสาวเหล่านั้น เขาต้องการหญิงสาวแสนงามผู้นี้ซึ่งกำลังดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการอันแข็งแกร่ง
นีราพรรณดิ้นขลุกขลักลงจากตักกว้างที่ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังนั่งอยู่บนถ่านไฟร้อนๆ มือบางยกขึ้นดันอกกว้างขืนกายไว้ไม่ให้เรือนกายของตนแนบชิดไปกับกระแสไฟร้อนรุ่นที่ทำให้เธอหวาดกลัวสั่นสะท้าน
“ปล่อยดิฉันได้แล้วค่ะ ดิฉันจะไปดื่มกาแฟ”
“เจ้าไปได้ก็ต่อเมื่อเจ้าตอบคำถามของเราแล้วเท่านั้น”
เจ้าชายฮารีฟร์กระชับเรือนร่างบางระหงที่รับรู้ว่าหอมกรุ่นละมุนละไมให้แนบชิดเรือนกายตนเองมากยิ่งขึ้น มือหนาดุนดันแผ่นหลังของนีราพรรณแล้วยึดไว้แน่นไม่ให้หญิงสาวขยับหนีได้ง่ายๆ อย่างที่ใจนึก
“เจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ รู้คำตอบดีอยู่แล้วจะเสียเวลามาถามให้มากความทำไม ดิฉันไม่ต้องการพูดถึงมันอีก”
เจ้าชายฮารีฟร์ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาด้วยความขบขำเมื่อนีราพรรณเรียกชื่อเขาเสียเต็มยศเต็มพยางค์อย่างประชดประชัน
“เจ้ายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้หรือเปล่าน้ำเหนือ”
“ยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะตอนนี้คุณคือเจ้าของเดอะธาราแกรนด์โฮเทลไปแล้ว”
นีราพรรณตวาดสวนกลับเสียงค่อนข้างดัง เธอรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดผลักกำแพงมนุษย์ให้หลุดพ้นไปจากเรือนกายของตนและเมื่อทำได้สำเร็จก็รีบสาวเท้ายาวๆ เกือบเป็นวิ่งออกไปจากห้องประชุมทันที
ผิดอย่างมหันต์ เพราะทันทีที่หญิงสาวก้าวพ้นจากห้องประชุมเจ้าชายฮารีฟร์ก็ผุดลุกขึ้นเดินตามไปอย่างรวดเร็วและเมื่อเดินมาถึงบริเวณที่หญิงสาวกำลังยืนชงกาแฟอยู่เจ้าชายฮารีฟร์ก็สืบเท้าช้าๆ เข้าไปหา นัยน์ตาคมกริบทอดสายตาจ้องมองแน่นิ่งที่ร่างบางระหงราวกับราชสีห์เตรียมพร้อมตะครุบกวางสาวเนื้อหอมหวาน
“ขอกาแฟถ้วย กาแฟ 2 น้ำตาล 1”
เจ้าชายฮารีฟร์ออกคำสั่งเสียงห้วน จริงๆ แล้วเขาไม่จำเป็นต้องออกมาหากาแฟกินเอง เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่ขององครักษ์สารพัดประโยชน์อย่างอานีสต์ที่ต้องคอยให้การรับใช้เขาอยู่แล้ว
นีราพรรณเงยหน้าขึ้นมองคนเอ่ยสั่งเสียงห้วนใกล้ๆ กับพวงแก้มของตนเอง ดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลจ้องมองเจ้าชายผู้ทรงอำนาจด้วยความขัดเคืองไม่ยอมทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายง่ายๆ
“ทำไมไม่ทำตามที่เราสั่ง เจ้าไม่ได้อยู่ในฐานะของนายคนอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นลูกน้องของเราเพราะฉะนั้นเจ้านายสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตามนั้น”
เจ้าชายฮารีฟร์เปิดฉากสงครามฉากที่สองโดยไม่คิดลังเล ผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาล้วนแต่โอนอ่อนทำตามคำสั่งอย่างไม่รอช้า ไม่เคยมีใครกล้าขัดคำสั่งเขามาก่อน นีราพรรณเป็นหญิงสาวคนแรกที่มีท่าทีขัดขืนขัดคำสั่งของเจ้าแห่งทะเลทรายไปเสียทุกอย่าง
นีราพรรณกัดเม้มริมฝีปากแน่นกล้ำกลืนความจริงที่ทำให้เจ็บปวดร้าวรานลงสู่กายใจได้อย่างยากเย็น ความจริงที่ว่าเธอไม่ใช่เจ้าของเดอะธาราแกรนด์โฮเทลและบัดนี้เธอมีเจ้านายคนใหม่คือเจ้าชายฮารีฟร์เป็นความจริงที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป มือบางที่สั่นระริกเอื้อมไปหยิบถ้วยกาแฟสีสวยมาวางตรงหน้าจากนั้นก็ตักกาแฟและน้ำตาลใส่ตามคำสั่งของเจ้านายคนใหม่
“ได้แล้วค่ะ ดิฉันชงตามที่เจ้านายสั่งทุกอย่าง”
กาแฟหอมกรุ่นควันลอยโขมงถูกนำมายื่นตรงหน้าพร้อมกับถ้อยคำประชดประชันของนีราพรรณ หญิงสาวกัดเม้มริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรงขณะจ้องมองเจ้าชายผู้ทระนงที่กระชากถ้วยกาแฟไปด้วยกริยากระแทกกระทั้น
“ต่อไปเจ้าต้องแทนชื่อของตัวเองว่าน้ำเหนือเหมือนที่เจ้าพูดกับคนเหล่านั้น“
เจ้าชายฮารีฟร์ปรายตาหันไปจ้องมองเขม็งยังชายหนุ่มที่เขาจำได้ว่าชื่อปยุตซึ่งกำลังทอดสายตามองมาที่นีราพรรณเช่นเดียวกัน นัยน์ตาคมกริบแข็งกร้าวจ้องคนใต้อาณัติบ่งบอกกลายๆ ให้รู้ว่านับต่อแต่นี้มันผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาใกล้หญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเจ้าแห่งทะเลทราย
นีราพรรณกัดเม้มริมฝีปากจนห้อเลือด ลำคอตีบตันด้วยความเจ็บปวด หยาดน้ำตาอุ่นใสเอ่อคลอเบ้าทั้งๆ ที่พยายามกล้ำกลืนให้ไหลย้อนกลับไป แค่ไม่กี่นาทีที่เดอะธาราแกรนด์โฮเทลได้ตกไปอยู่ในอุ้มมือของเจ้าแห่งทะเลทรายผู้ยิ่งใหญ่ จิตใจอันบอบบางของเธอถูกเจ้าชายฮารีฟร์ย่ำแย่จนเกินคณานับ
“น้ำเหนือจะทำตามคำสั่งของเจ้าชายทุกอย่าง พอใจหรือยังคะ”
นีราพรรณเชิดหน้าขึ้นจ้องมองเจ้าชายฮารีฟร์โดยไม่คิดหลบสายตา น้ำเสียงที่ตอบกลับเต็มไปด้วยขมขื่นกับชะตาชีวิตที่พลิกผันไปแค่ชั่วพริบตา
“เดี๋ยว!...”
เจ้าชายฮารีฟร์กระชากร่างบางที่กำลังเดินหนีให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันจากนั้นก็ออกคำสั่งที่เป็นดังคำประหัตประหารจิตใจของนีราพรรณอีกครา
“ต่อไปนี้เจ้าต้องทำหน้าที่เป็นเลขฯ ให้กับเราด้วย”
“ค่ะ...รับทราบค่ะ”
ซุ่มเสียงตอบรับแบบไร้อารมณ์ไร้ชีวิตชีวาพร้อมกับการเดินจากไปของนีราพรรณทำให้อารมณ์โกรธขึงของเจ้าชายฮารีฟร์เดือดพล่านได้อีกหน เจ้าชายหนุ่มรีบก้าวตามหญิงสาวที่กำลังเดินตัวตรงแด่วมือหนาร้อนผ่าวกระชากเรือนร่างบางระหงให้หันมาปะทะอกกว้างพร้อมกับเอ่ยต่อว่าเสียงลอดไรฟัน
“เรายังไม่อนุญาต...เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
นีราพรรณเบี่ยงกายออกจากมือใหญ่ร้อนรุ่มที่กำต้นแขนเนียนขาวผ่องของเธอไว้จากนั้นก็เอ่ยตอบเสียงแผ่วเบาอย่างอ่อนล้า
“น้ำเหนือแค่ต้องการเข้าไปนั่งพักสักครู่ หลังจากนี้ไปน้ำเหนือจะทำหน้าที่เลขาฯ ตามที่เจ้าชายฮารีฟร์ต้องการ
ให้สมบูรณ์ไม่มีขาดตกบกพร่อง”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำเสียงหรือดวงตากลมโตคู่สวยที่เผยแววความเจ็บปวดอ่อนล้าให้เห็นกันแน่ที่ทำให้เจ้าชายฮารีฟร์ยอมปล่อยมือจากต้นแขนเนียนของนีราพรรณ จากนั้นก็เดินตามหญิงสาวเข้าไปในห้องประชุมโดยไม่มีการพูดจาถากถางให้หญิงสาวได้เจ็บช้ำอีก
อานีสต์มองตามเจ้าเหนือหัวของตนกับหญิงสาวชาวสยามที่แสนงดงามจากนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความหนักอกหนักใจ เจ้าชายฮารีฟร์ เจ้าชายแห่งแผ่นผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่ได้ต้องตาต้องใจนีราพรรณตั้งแต่แรกพบก็ว่าได้ แต่เพราะความเคยชินที่เป็นเจ้าเหนือหัวของคนทั่วทั้งอัลนูรีนทำให้เจ้าชายฮารีฟร์เย่อหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีของตน ถ้อยคำ กริยาและการแสดงออกต่อหญิงสาวจึงเป็นไปในลักษณะที่ค่อนข้างแข็งกระด้างเอาแต่ใจตน
หลังจากพักดื่มกาแฟกันถ้วนหน้าแล้วคณะกรรมการทุกคนต่างก็รีบเร่งเข้าห้องประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน การประชุมในครึ่งหลังเริ่มด้วยปยุตซึ่งทำหน้าที่รายงานสถานการณ์ต่างๆ ภายในโรงแรม การประชุมเป็นไปอย่างสบายๆ ไม่ตึงเครียดเหมือนในครึ่งแรก คณะกรรมการทุกคนก็ดูผ่อนคลายไม่นั่งตัวเกร็งนิ่งเงียบเหมือนชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ละคนเริ่มยิ้มแย้มแจ่มใสออกมาได้เมื่อได้รับคำยืนยันจากเจ้าชายฮารีฟร์ว่าทุกคนยังดำรงตำแหน่งหน้าที่การงานตำแหน่งเดิมโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนยกเว้นนีราพรรณเพียงผู้เดียวที่ต้องเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นเลขาฯ ให้กับเจ้าชายฮารีฟร์