“โอ้ย! เจ็บ” เสียงเด็กน้อยดังขึ้น ณ กลางป่าใหญ่ที่มืดมิด เด็กชายมองไปรอบๆเพื่อดูว่าที่นี่คือที่ไหน และเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา
‘เป็นยังไงบ้างละ เด็กน้อย’ เสียงที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนไม่รู้ ดังขึ้นทำร้ายความเงียบ นั้นยิ่งทำให้เด็กน้อยยิ่งมองไปรอบๆ อย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะที่นี่ไม่มีคนแม้แต่คนเดียวนั้นยิ่งทำให้ เด็กชายมองก็ยิ่งกลัวเข้าไปอีก
“อยู่ที่ไหนเนี่ย คนอยู่ที่ไหนไม่เห็นเลย” เด็กน้อยตะโกนพร้อมมองไปรอบๆ
‘ข้าอยู่นี้ไง ข้างหลังเจ้า’ เสียงแหบนั้นพูดขึ้นอีก
“ออ ข้างหลัง” เด็กน้อยทำท่าอย่างนึกออก แล้วมองไปด้านหลังกลับพบว่าไม่มีอะไรเลยนอกจากต้นไม้ และต้นไม้
“…”
“ไหนอะ ไม่เห็นเลย”
‘เจ้ากำลังมองข้าอยู่นี้ไง’ เสียงยังคงพูดต่อไป
“ทำไมเจ้าไม่บอกเด็กนี้ไปเลยว่า เจ้าเป็นแค่ต้นไม้แก่ๆ ต้นหนึ่งเท่านั้น’ อยู่ๆ ก็มีเสียงคล้ายป้าผู้หญิงดังขึ้นพร้อมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม ‘เจ้าไม่ยุ่งสักเรื่องจะได้ไหม’ เสียงลุงต้นไม้พูดต่อ
‘ทำไมข้าจะยุ่งไม่ได้ห๊ะ!! ตาแก่’
“เอ่อ…เดี๋ยวๆ นี้ผมกำลังพูดกับต้นไม้เหรอ ผมบ้าไปแล้วจริงๆ” เด็กน้อยพูดกับตัวเอง
‘ไม่เจ้าไม่ได้บ้า เจ้าแค่มีพลังธาตุที่มากกว่าคนอื่น ๆ ก็เท่านั้น’ ลุงต้นไม้พูดกับเด็กชายต่อ
ไม่นานทั้งต้นไม้และป้าต้นไม้และต้นไม้อื่น ๆ ที่พอรู้ว่าเขาฟังรู้เรื่องต่างอบรมเด็กชายเป็นการใหญ่ ไม่นานเด็กชายก็รู้เรื่องราวว่าที่นี่มีธาตุอยู่ 6 ธาตุ คือดิน น้ำ ลม ไฟ พฤกษา ควบคุมสัตว์ คนส่วนใหญ่จะมีธาตุอยู่ในตัวไม่ 1 ก็ 2 แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีธาตุพฤกษาหรือควบคุมสัตว์เท่าไร นั้นยิ่งหายากมากและไม่นานธาตุทั้ง2 ก็กลายเป็นธาตุขยะที่ไม่มีใครสนใจหรือใส่ใจมากนักเพราะคนต่างคิดว่าธาตุพวกนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไร
“ผมรู้แล้วล่ะ” เด็กชายพยักหน้าอย่างรู้เรื่องก่อนที่จะกินผลไม้จากต้นของแต่ละต้นที่พวกเขาให้มาลองทาน
‘แล้ว เจ้าชื่ออะไรละเด็กน้อย’ ลุงต้นไม้ถาม
“ผมชื่อ จิม ฮะ”
“แล้วพวกคุณล่ะชื่ออะไร” เด็กชายถามพร้อมเอาผลไม้เข้าปากเต็มปาก
‘พวกเราไม่มีชื่อหรอกนะเด็กน้อย ทุกคนต่างเรียกเราตามชื่อของผลไม้เท่านั้น’ ต้นไม้ป้าพูดขึ้น
“แบบนี่ นี้เองแล้วที่นี่ที่ไหนฮะ”
‘ที่นี่คือป่าวาเท็นด้า ป่าที่ใหญ่ที่สุดและไม่มีใครสามารถเข้ามาได้’ เสียงลุงอีกคนพูดต่อ พร้อมอธิบาย
“แล้วแบบนี้ผมจะออกไปได้ยังไงละเนี่ย” เด็กชายพึมพำกับตัวเองแต่ไม่ไม่วายต้นไม้นั้นถึงแม้จะไม่มีหูแต่ก็สามารถได้ยินที่เด็กชายพูดได้
‘ไหนๆเจ้าก็มาแล้วทำไมไม่เดินให้รอบๆ ป่าละ ที่ป่านี้ไม่ค่อยมีคนผ่านเจ้ามาถึงที่นี้้นักหรอกนะ’
‘ใช่ ถ้าเจ้าคิดซะว่าท่องเที่ยวก็แล้วกัน แล้วก็เอาผลของพวกเราไปด้วยจะได้ไปปลูกเอาไว้เป็นเพื่อน แล้วอย่าลืมไปขอเมล็ดของคนอื่นด้วยละ ที่นี่มีแต่ผลหายาก’ เสียงต้นไม้อีกต้นบอก
“ฮะ ผมจะไม่ลืม ขอบคุณครับ” พูดจบเด็กชายก็เตรียมเดินออกไปจากบริเวณนี้ แต่ก่อนที่จะเดินไปก็มีต้นไม้ประเภทไม้เลื้อยมาขวางก่อน เด็กชายสงสัยกับท่าทีของต้นไม้นี้ที่ไม่ยอมให้เขาไปสะที
‘เจ้านั้นคงอยากให้อะไรเจ้าไว้นะ’ เสียงต้นไม้ใหญ่พูดขึ้นพร้อมมองไปทางไม้เลื้อยที่ขยับไปมา ก่อนจะเอาไม้เลื้อยมาสานกันเป็นกระเป๋าให้กับเด็กชาย เด็กชายจึงเพียงแค่มองดูการกระทำของต้นไม้ที่กำลังทำอะไรบ้างอย่างอยู่
“ซี่ ซี่” เสียงไม้เลื้อยร้องพร้อมยื่นกระเป๋าที่ทำจากเถาวัลย์ของตัวเองให้กับเด็กน้อย
“ออ ให้ผมสินะ ขอบคุณมากเลยนะฮะ” จิมพูดแล้วส่งยิ้มให้กับไม้เลื้อยที่ขยับไปมาอย่างเขินอาย
‘เจ้าไปเถอะ ที่นี่มีแต่ต้นไม้หายากและมีค่ามากตอนเจ้าออกไปจะได้มีเอาไว้เลี้ยงตัวเอง’ เสียงป้าต้นไม้ด้านข้างต้นไม้ใหญ่พูดพร้อมใช้กิ่งก้านของตัวเองชี้ไปอีกทาง “ครับ ต้องขอบคุณมากเลยนะฮะ”
‘ไม่เป็นอะไรหรอก กว่าเราจะได้เจอคนที่มีธาตุแบบเจ้านั้นหายากยิ่งถือซะว่าเป็นของขวัญละกันนะเด็กน้อย”
“ผมไปก่อนนะฮะ บ้ายบาย’ จิมพูดพร้อมโบกมือไปทางต้นไม้บริเวณนั้น
จิมหลังจากเดินมาไม่ไกลมากนักก็จะเห็นต้นไม้เล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่ละต้นจะไม่เหมือนกัน ต้นไม้ขนาดใหญ่มากสูงพอที่จะบังแสงแดดได้เลย นั้นทำให้จิมไม่เดือดร้อนเรื่องความร้อนจากแสงแดดมากนักในระหว่างทางที่เด็กชายเดินมาก็ไม่ลืมที่จะขอผลของต้นไม้ที่ตัวเองสนใจเพราะเห็นแปลกตาดี พวกต้นไม้ก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาเพราะเห็นว่าเขาเข้าใจภาษาของพวกเขาจึงให้มาโดยง่ายดาย
“นี้คุณต้นไม้ฮะ ต้นของคุณหอมจังเลย”
‘ปากหวานจังนะเจ้านะ ต้องการอะไรจากข้าละ’
“ผมกำลังจะเดินออกไปจากป่านะฮะ ผมเลยอยากได้เมล็ดของคุณกลับไปด้วยได้ไหมฮะ ผมอยากให้บ้านของผมมีกลิ่นหอมแบบนี้บ้างนะฮะ” จิมพูดปากหวานใส่ต้นไม้ใหญ่ที่ตอนนี้ดอกไม้เต็มต้นส่งกลิ่มหอมไม่น้อย
‘ได้สิ เจ้าจะเอาเท่าไรก็ตามแต่ใจของเจ้าเลย’ ต้นไม้พูดจบก็มีผลของต้นไม้ที่อยู่บนกิ่งไม้ของแตกละกิ่งต่างตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย
จนทำให้จิมที่กำลังมองอยู่ตื่นตาตื่นใจมากที่เดียว “ขอบคุณนะฮะ คุณลุงต้นไม้” พูดจบจิมก็เอาผลของต้นไม้ที่ตกอยู่หยิบใส่ตะกร้าไปด้วย
‘ไม่เป็นอะไรหรอก ข้าคิดว่าจะดีถ้ามีผลของข้าอยู่ทางด้านนอกของป่าบ้าง ที่ป่าแห่งนี้มนุษย์ส่วนใหญ่จะเข้ามาไม่ถึงกันหรอกนะเจ้าหนู เจ้าช่างโชคดีมากจริงๆ ที่มีธาตุแบบนี้อยู่ในตังและพลังก็ดูจะเข้ากับตัวเจ้าได้ดีเลยที่เดียว’ “เหรอฮะ แล้วทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ถ้าคนอื่นๆ เข้ามาไม่ถึงกันแปลกจัง” จิมทำท่าทางอย่างชวนสงสัย
‘เรื่องนี้ข้าไม่รู้หรอก’
เมื่อลุงต้นไม้พูดจบก็เงียบลงทันที คงจะได้เวลาพักเเล้วล่ะมั่งแต่ยังไงก็เถอะ
เข้ามาในนี้ได้แปลว่าเราคงเก่งมากเลยสินะ เรานี้โชคดีจริงๆเลย ถ้าเอาของพวกนี้ไปปลูกที่บ้านละก็คงไม่ต้องหาอะไรกินอีกเลยตลอดชีวิต เพราะที่เราเก็บมาได้ก็ไม่ใช่น้อยๆ มีทั้งผมละอะไรต่อมิอะไรปนกันไปหมดแน่มองแล้วเห็นว่าสวยก็ขอมาหมดเล
“งั้นผมไปนะฮะ” จินพูดจบก็สะพายตะกร้าขึ้นหลังแล้วเดินต่อไปข้างหน้า
‘โชคดีนะ เจ้าหนู’
การมาอยู่ในป่านี้ก็ดีเหมือนกันนะมีอะไรให้กินเยอะเลย มีแต่ของที่น่น่ากินทั้งนั้นเลย เห็นแล้วน้ำลายจะไหล (^_^)
‘นี้เจ้าหนูน้อย เจ้าทับรากของข้าอยู่นะ’
เสียงนุ่มดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของจิมคงเพราะตอนนี้จิมกำลังเเวะดื่มน้ำที่ทางน้ำไหลผ่านอยู่จึงต้องนั่งยองๆ เพื่อที่จะได้ดื่มน้ำ
อย่างสะดวกมากขึ้น แต่เมื่อจิมก้มลงไปดูตามเสียงที่บอก จึงรู้ว่าเขากำลังทับรากของต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่ที่มีรากเลื้อยมาทางน้ำไหล
“ขอโทษฮะ ผมไม่ได้ตั้งใจนะฮะ” จิมกล่าวขอโทษอย่างนอบน้อมให้กับคุณต้นไม้ที่มีผลออกมาคล้ายๆ กับดวงดาวหลายแฉก ที่ห้อยอยู่ตามกิ่งก้าน
‘นี้ เจ้าฟังข้ารู้เรื่องด้วยรึ’ เสียงนุ่มทุ้มตอบกลับมา
“ขอรับ คุณต้นไม้ด้านในบอกว่าผมมีธาตุอะไรสักอย่างที่ทำให้ผมเข้าใจภาษาของพวกคุณนะฮะ” จิมตอบพร้อมส่งยิ้มให้กับต้นไม้สวย
‘อืม แล้วเจ้ามาทำอะไรในป่าวาเท็นด้าละ’
“เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันฮะ ผมตื่นมาก็มาอยู่ที่นี้แล้วละ ตอนนี้คุณต้นไม้ใหญ่ๆ บอกให้ผมขอผลของต้นไม้กลับออกไปด้วยนะฮะ”
‘ต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่ในป่าที่ลึกที่สุดที่มีแต่ต้นไม้ใหญ่ๆ ใช่หรือเปล่า’
“ใช่เลยฮะ พวกเขาใจดีมากเลยนะฮะ”
‘อย่างนั้นเหรอ เจ้าไปถึงที่นั่นได้ยังไงกัน แปลกจริง’
“ว่าแต่อะไรติดอยู่ที่กิ่งไม้ของคุณเหรอฮะ ไม่ใช่ผลไม้ด้วย” จิมถามแล้วมองไปที่ผลที่เหมือนรูปดาวมีสีขาวที่ส่งกลิ่นหอมอย่างน่าประหลาด
‘ข้าคือต้นไม้ ที่มีชื่อว่าสะเก็ดดาวอย่างไรเล่า’
เมื่ออีกฝ่ายพูดจบก็ขยับกิ่งไม่ที่อยู่ใกล้ที่สุดให้ไปทางที่เจ้าตัวน้อยกำลังยืนจ้องตาเป็นประกาย ‘เอาไปสิ ผลของข้านะไม่เคยมีใครเคยได้มีวาสนาได้เห็นมันเลยนะ เจ้าเป็นคนแรกที่จะได้สัมผัสกับมันเลยนะตื่นเต้นไหม’ ต้นไม้หนุ่มพูดอย่างตื่นเต้นพร้อมอวดตนเองให้ยินฟัง
“ออ แบบนี้เองสินะฮะ ผลของคุณนี้ดีจริงๆ เลยนะงั้นคุณจะให้ผมหรือเปล่าฮะ” (*_*)
‘ถ้าเจ้าอยากได้ข้าต้องให้อยู่แล้ว เพราะข้านั้นเป็นต้นไม้ที่งดงามและจิตใจดีอย่างไรละ’ ต้นไม้ตรงหน้าเด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้าข้าตัวเอง
“อืมๆ คุณใจดีที่สุดเลยฮะ” จิมพูดจบก็เอาตะกร้ามารองผลที่มีลักษณะคล้ายดาว
‘ใช้ไหมล่ะ ข้านะใจดีที่สุดเลยละ’
“ว่าแต่ผมต้องไปทางไหนต่อเหรอฮะ” (•_•) จิมถามพร้อมมองซ้ายทีขวาทีอย่างเลือกไม่ถูก
‘ข้าว่าเจ้าน่าจะไปทางขวานะ ที่นั่นมีแต่ต้นไม้ที่หายากทั้งๆ นั้นเลย แต่ส่วนใหญ่จะมีแต่ต้นไม้แก่ๆนั่นแหละ ไปทางขวาสิ เพราะยังไงกว่าเจ้าจะออกไปได้ก็คงหลายวันอยู่นะเพราะป่านี้ใหญ่มากๆ ยังไงซะทางไหนก็ออกจากป่าได้เหมือนกันนั่นแหละ’
“ขอบคุณมากนะฮะ บ้ายบาย” จิมพูดพร้อมโบกมือลาอย่างร่าเริง
‘โชคดีเจ้าเด็กน้อย’
“ฮะ”
จิมขานรับอย่างร่าเริง พร้อมสงสัยว่าทำไมมีแต่ต้นไม้ที่บอกกับเขาว่าโชคดีตั้งแต่ในป่าแล้ว หรือว่ามันจะมีความหมายอย่างอื่นอีก หรือเราจะคิดมากไปเอง …
ช่างเถอะ เดินต่อดีกว่า พอเดินมาเลื่อยๆ ก็จะเห็นต้นไม้แปลกตามากขึ้น มันไม่เหมือนกับต้นไม้ที่เคยเห็นแต่มันจะเป็นลักษณะของลำต้นจะมีสีน้ำตาลอ่อน มีดอกไม้เต็มทั้งต้นแต่ที่มันแปลกคือ เกสรของดอกไม้จะคายฟองน้ำคล้ายกับลูกโป่งขนาดเล็กลอยไปทั่วบริเวณนั้น พอจิมเดินเข้าไปใกล้ก็รู้สึกได้ว่าต้นไม้ต้นนี้ไม่มีการพูดอะไรเลย จนทำให้เด็กน้อยสงสัย
หรือว่าคุณต้นไม้จะหลับอยู่
“คุณต้นไม้ฮะ คือผมอยากได้ดอกไม้ของคุณนะฮะ คุณจะพอให้ผมได้หรือเปล่า” จิมถามออกไปด้วยความไร้เดียงสา
‘ฮือ…นั้นเสียงใครกัน’
“เสียงของผมเองครับ ผมอยู่นี้” จิมพูดพร้อมกับกระโดดไปมาเพื่อหวังว่าต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นจะมองเห็นเขา
‘อืม…เจ้าเป็นใครถึงมารบกวนเวลานอนของข้ากัน’ น้ำเสียงที่เหมือนพึ่งตื่นนอนปนเสียงแหบถามขึ้น
“ผมชื่อ จิมฮะ มาจากด้านนอกป่าครับหวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ เพราะคุณต้นไม้บอกผมมาว่าผมเป็นมนุษย์ที่มาจากป่าด้านนอกฮะ” จิมตอบไปอย่างร่าเริงและไม่ลืมที่จะส่งยิ้มกว้างไปให้อีกฝ่าย
‘อย่างนั้นรึ แล้วเจ้าเข้ามาได้ยังไงจิม’
“ผมก็เดินเข้ามานะสิ ทำไมคุณถึงถามแปลกๆ จัง” (•_•)
‘เดินเข้ามารึ ไม่เป็นอะไรเลยหรือไง’ อีกฝ่ายทำด้วยน้ำเสียงที่ดูตกใจ
“ก็เป็นนะฮะ ผมล้มไปหลายรอบเลยคงเพราะก้อนหินกับรากไม้เยอะเกินไปนะฮะ ผมเลยสะดุดล้ม”
‘อย่างนั้นรึ ไหนๆ เจ้าก็เข้ามาแล้ว อยากได้อะไรละเด็กน้อยจิน’
“ผมอยากได้ดอกไม้ที่อยู่บนต้นของคุณฮะ มันสวยมากเลยผมอยากเอาไปปลูกที่บ้าน” (^_^)
‘เจ้าอยากได้รึ แต่ดอกไม้ของข้านะมันมีค่าสำหรับมนุษย์มากนักนะ พวกมนุษย์มักชอบโลภมากมีแต่คนที่ต้องการมันกันทั้งนั้น แล้วเจ้าละเอาไปทำอะไร’
“ผมจะเอาไปปลูกไง ผมอยากให้มันบานใกล้ๆ กับบ้านของผม บ้านผมจะได้มีกลิ่นหอมตลอดเวลาไงฮะ” จิมยิ้มตาปิด
‘อย่างนั้นรึ ก็ได้เห็นแก่เจ้าที่มีจิตใจแบบพวกเราชาวพรรณไม้ข้าจะให้ แต่ดอกไม้ของข้านั้นสามารถรักษาโรคที่พวกมนุษย์ชอบเป็นกัน
มากนัก จึงมีแต่คนที่อยากแย่งชิงมัน เวลาเจ้าปลูกเจ้าต้องกระตุ้นด้วยธาตุของเจ้าไปมันจึงจะงอกออกมาได้’ ต้นไม้บอกวิธีการปลูกอย่าง
เชี่ยวชาญ
“ฮะ ผมจะจำไว้”
เมื่อจิมรับปากแล้วดอกไม้ก็ยกลงมาสู่ตะกร้าของจิมอย่างพอเหมาะพอเจาะโดยที่เด็กน้อยไม่จำเป็นต้องหยิบเลยเมื่อจิมพูดคุยเรื่องราวพอสมควร เด็กชายจึงเตรียมเดินทางต่อเพราะตามที่ต้นไม้ใหญ่ที่จิมยังไม่ได้ถามชื่อบอกว่าเดินอีกไม่นานก็จะถึงป่าชั้นกลางแล้ว และถ้า เดินเลยป่าชั้นกลางไปอีกนิดก็จะเจอป่าชั้นนอกที่มนุษย์มักจะเดินกัน
แถมยังไม่ลืมที่จะบอกกับจิมว่าป่าชั้นกลางนั้นมักจะมีสัตว์หลากหลายที่ไม่เคยเจอมาก่อน และมักจะมีพืชพรรณที่สามารถใช้ประโยชน์ได้มากทีเดียว แล้วยังบอกเป็นอย่างสุดท้ายว่าต้นไม้ที่นั่นถ้าได้มาให้รีบเก็บไว้โดยเร็วเพราะบ้างสายพันธุ์สามารถที่จะเอามาทำเป็นที่พักอาศัยได้อย่างบ้านต้นไม้ ที่จะมีบ้านอยู่บนต้นไม้
“เอาลุย!” จิมตะโกนให้กำลังใจตัวเอง
สักพักจิมก็เดินมาหยุดลงที่ป่าตรงไหนสักแห่งเพราะป่าไม่มีป้ายติดเอาไว้ ทำให้จิมไม่รู้ว่าเดินมาถึงป่าชั้นไหนแล้ว แต่เด็กน้อยก็ยังไม่ลืมที่จะของทั้งผลทั้งเมล็ดมาใสตะกร้าของตน แถมยังขอมาตลอดทางที่เดินผ่านต้นไม้เลยก็ว่าได้ จนต้นไม้ต่างให้ผลของตัวเองโดยที่จิมไม่ได้ขอเลยแม้แต่น้อยเพียงแค่เดินผ่านพวกเขาก็ให้เเล้ว
สงสัยพวกเขาพูดต่อๆ กันมาล่ะนะ คงเอ็นดูเรา (>_<)
เรานี้น่ารักซะจริง…
‘นี้เจ้าหนู อีกไม่นานก็จะดึกแล้วนะแล้วนี่พระอาทิตย์ก็ตกแล้วด้วยเจ้าสนใจที่จะนอนพักสักคืนก่อนไหมล่ะเด็กน้อย’