7เหล่าพฤกษาจะมาเป็นครู

4543 คำ
“นายน้อยจะซื้อของพวกนี้อย่างนั้นหรือขอรับ นายน้อยแน่ใจอย่างนั้นจริงหรือว่าจะซื้อ” ชายอีกคนี่ยืนถือของอยู่ใกล้ถามชายตรงหน้าของจิมพร้อมมองมาทางเด็กชายอย่างดูแคลน “ใช้ เงินแค่ไม่กี่เหรียญจะเสียดายไปทำไม” อีกฝ่ายพูดพร้อมมองไปที่พื้นที่มีผลต่างๆ ที่ถูกหั่นเอาไว้แล้วอย่างสำรวจ “ตกลงจะเอาอันไหนฮะ แต่ผมบอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่มีเงินทอนนะเพราะตอนนี้ผมไม่มีเงินเลยสักเหรียญเดียวเลย” จิมบอกกับคนตรงหน้าพร้อมมองด้วยสายตาคาดหวัง “อันนั้นคืออะไร รูปร่างช่างแปลกตา” ชายหนุ่มที่คนทั้งสามเรียกว่านายน้อยถามพร้อมชี้นิ้วไปทางผลของสะเกร็ดดาวผลเล็กกว่าปกติ เพราะเจ้าตัวบอกว่าถ้าเอาผลใหญ่เกินไปพวกมนุษย์จะแตกตื่นกันได้ ให้เจ้าตัวให้ผลเล็กมาถึงขนาดจะแตกต่างกันแต่ผลลัพธ์ยังเหมือนเดิมขอแค่มันส่องแสงออกมาก็สามารถให้ผลลัพธ์ได้เหมือนผลใหญ่ไม่ต่างอะไรกันเลย ทำให้จิมที่ได้มาอย่างละผลจึงต้องเอามีดมาหั่นให้เป็นรูปร่างดาวเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือบางลงกว่าเก่า “อันนี้คือผลจากต้นสะเกร็ดดาวนะฮะตามชื่อต้นของมันเลยนั้นแหละ เพราะรูปร่างคล้ายกับดาวตอนกลางคืนมันจะส่องสว่างสวยมากเลยนะฮะ อีกทั้งยังสามารถรักษาอาการป่วยได้เกือบทุกชนิดเลยนะ” จิมรีบขายของเมื่อพูดจบก็หยิบผลที่หั่นให้บางลงยื่นไปให้ชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นลูกค้าคนแรกของตัวเอง อีกฝ่ายที่ได้ยินก็เริ่มสนใจมากขึ้นอีกเพราะตอนแรกที่เขาเดินเข้ามาไม่ได้ตั้งใจจะสนใจอะไรมากมายนักเพียงแค่ได้ยินเสียงเด็กตะโกนขายของแล้วเกิดนึกสงสารก็เท่านั้น กะว่าจะหยิบๆแล้วก็จ่ายเงินไปก็เท่านั้นแต่พอเข้ามาดูก็เห็นแต่ของแปลกตา ถึงจะเป็นของเก๊หรือของปลอมเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอกคาสงสารเด็กก็เท่านั้นเอง “โกหกละสิไม่ว่า พ่อค้าแถวนี้ก็ขายของปลอมกันทั้งนั้นแหละ ทำมาเป็นพูดดี” คนติดตามพูดพร้อมชักสีหน้า “นี้ที่พูดมันจะไม่มากไปหร่อยหรือไง คนเขาทำมาหากิน ถ้ากลัวว่าจะเป็นของปลอมแล้วมาเดินที่นี่ทำไมกันล่ะ จะไปไหนก็ไปเลยไป้!” ลุงที่ไม่มีลูกค้าพอดีพูดใส่ชายร่างสูงที่ชักสีหน้าคล้ายกับดูถูก “ใช้ พูดแบบนี้ก็เหมือนกับเหมารวมกันทั้งตลาดเลยนะสิ ถ้าไม่ซื้อก็ออกไปกับเด็กก็ยังคิดจะรังแกไอพวกมีดีแต่หน้าตา” ลุงข้างร้านอีกคนเสริม “ต้องขอโทษแทนคนของผมด้วยที่ไม่มีมารยาท พวกนายนะเงียบไปซะไม่ช่วยแล้วยังจะมาหาเรื่องคนอื่นเขาอีก” ชายหนุ่มที่คนเรียกกันว่านายน้อยพูดต่อว่าคนของตัวเอง ก่อนจะหันหน้ามาสนใจสิ่งตรงหน้าต่อ “แล้วมันรักษาอะไรได้บ้างละ” “ก็รักษาได้ทั่วไปนะฮะ ถ้าเอาไปแช่น้ำแล้วใช้ดื่มก็จะหายจากอาการป่วย แต่ถ้าเอาไปสกัดเป็นน้ำแล้วใช้อาบก็จะมีกลิ่นติดตัวใช้แทนน้ำหอมได้นะฮะ” “งั้นฉันเอาอันนี้สัก 2 ชิ้นล่ะกันนะ” “ฮะ” พอลูกค้าบอกว่าจะเอาเด็กชายแทบจะยิ้มแก้มปริออกมาจากโหนกแก้มเลยก็ว่าได้ ดีใจจนเก็บอาการไม่มิดเลย “ว่าแต่ทำไม่ถึงเอามาผ่าออกเป็นชิ้นๆ แบบนี้ละ” อีกฝ่ายถามด้วยความสงสัยเพราะตั้งแต่ที่เขาเดินมาจากหัวตลาดก็มีแต่คนขายเป็นลูกๆเลย แต่พอมาถึงตรงนี้กลับเห็นเด็กน้อยกำลังใช้มีดผ่าออกจากกันเป็นชิ้นๆ เล่นเอาเขาตกตะลึงกับความกล้าหาญไม่น้อย “ก็ถ้าเอามาหั่นให้เป็นชิ้นๆ ราคาก็น่าจะถูกกว่าและขายได้กว่าเป็นลูกๆนิฮะ ผมทำอะไรผิดหรือเปล่าฮะ” จิมที่พอได้ยินพี่ชายตรงหน้าถามก็คิดว่าตนทำอะไรผิดไปหรือเปล่า หรือเขาทำผิดวิธีหรืออะไรไม่มีใครทำกันหรือยังไง “อ่อ เปล่าหรอกพี่แค่แปลกใจทั่วนั้นเอง อะนี้เงินไม่พอดีพี่เหรียญเล็กนะไม่ต้องทอนก็ได้นะพี่ไม่เอาหรอก” พอพูดจบพี่ชายก็รับของมาจากมือของจิมก่อนจะส่งไปให้คนที่เดินตามมาด้วยกันเป็นคนถือพร้อมกับเดินจากไป หลังจากที่ได้เงินมา 100 เหรียญจากการที่ลูกค้าคนแรกไม่มีเหรียญเล็กพกมาด้วยจิมก็ไม่ได้ปฎิเสทอะไรเพราะไม่ได้ฟังที่อีกฝ่ายพูดเลยแต่เด็กชายสนใจแต่จะขายอย่างเดียวและจิมก็ไม่เคยจับเงินเลยสักครั้งทำไห้ไม่รู้ว่าเหรียญไหนเป็นอะไร ดูเป็นก็แค่ตัวเลขกับตัวอักษรเป็นก็เท่านั้น โชคดีมากแล้วที่เด็กชายอ่านออกเขียนได้นะจะเป็นแบบรายมือไก่เขี่ยก็เถอะ “นายน้อยจะดีหรือขอรับที่ซื้ออะไรจากเด็กนั้นมาก็ไม่รู้แบบนี้” “พวกนายจะอะไรกันนักกันหนา กับอีแค่เด็กยังกลัวว่าเด็กนั้นจะเข้ามาฆ่าเราหรือยังไง ก็แค่อุดหนุนไปนิดหน่อยพวกนายไม่คิดจะสงสารคนอื่นเขาเลยหรือไง” ชายหนุ่มพูดจบก็เร่งฝีเท่า “แต่ระวังเอาไว้ก็ดีเหมือนกันนะขอรับเกิดไปซื้ออะไรมั่วแบบนี้เราอาจถูกหลอกขายก็ได้นะขอรับนายน้อย ที่เรามาที่นี่ก็เพราะจะมาหาซื้อผลที่มาจากป่าซาเคียและป่าวาเทนด้าที่คนอื่นต่างก็พูดกันว่าที่หมู่บ้านนี้มีของมากมายให้เลือกซื้อ อีกอย่างที่นายน้อยมาก็เพื่อที่จะมาหาผลที่สามรถรักษาอาการป่วยของท่านหญิงนะขอรับ” “เราไม่ลืมหรอกน่า จะพูดย้ำไปทำไมอีกอย่างของที่นี่ก็มีตั้งมากกระจากกันไปซื้อจะได้รีบเดินทางกลับสักที” “นี้เจ้าหนูสรุปว่าของที่ขายอยู่นั้นนะ ใช้ของจริงหรือเปล่าหรือว่าจะเป็นของปลอม” ลุงร้านทางขวาถามย้ำอีก “ของจริง ของปลอมมันมีของปลอมด้วยเหรอฮะ” จิมทำหน้างง “ก็ต้องมีอยู่แล้วนี้เจ้าไม่รู้รึ” (*_*) หน้าจิม จิมขายอยู่สักพักแต่ไม่มีใครคิดที่จะเดินเข้ามาเลยแม้แต่คนเดียว มีแต่คนที่เดินเข้ามามองแล้วก็เดินจากไปบ้างคนก็ซุบซิมกันเมื่อเดินมาทางหน้าร้านของเขา แต่จิมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักทำหน้าทีพ่อค้าเป็นอย่างดีแต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะเดินเข้ามาซื้อเลยแม้แต่คนเดียว เมื่อเห็นว่ามีคนเริ่มเดินเข้ามาใกล้จิมก็รีบทำหน้าที่เป็นอย่างดีเลยนั้นคือการขายของตามที่คนอื่นหร้าร้านอื่นทำกันนั้นคือตะโกนเรียกลูกค้า “มาเร็ว ของส่งตรงมาจากป่าผลสด ของดีพึ่งเด็ดมาจากต้นเลยเข้ามาเร็ว” “เอ่อ เจ้าหนูขายอะไรอยู่นะ น่ากินมากเลยนะ” ลูกค้าประมาณ 4-5คนเดินตามชายหนุ่มอายุประมาณ 20 กว่าปี เดินเข้ามาหาจิมที่กำลังตะโกนขายของอยู่ “10เหรียญเองนะ ราคาไม่แพงเลย” เด็กชายพูดพร้อมให้ดูสิ่งที่วางอยู่บนผ้าปูด้วยความดีใจ “อืม น่ากินมากเลยนะเนี้ย” อีกฝ่ายที่คิดว่าเป็นเพียงแค่ผลไม้ธรรมดากับเด็กที่หน้าสงสารกำลังขายของอยู่ “นี้อย่าบอกนะว่านายจะซื้ออะไรก็ไม่รู้ที่เด็กนี้ขายนะ” เสียงของผู้หญิงแต่ตัวคล้ายกับนักเดินทางพูดด้วยหน้าตาไม่เป็นมิตรนัก “ใช้ ทำไมมีอะไรหรือเปล่านะครอเดีย” ชายหนุ่มที่กำลังมองผลต่างๆแปลกตาที่กำลังวางอยู่บนพื้นอย่างสนใจหันไปถามคนข้างหลัง “ก็ดูก็รู้แล้วว่าเด็กนี้น่าจะขายของปลอม แล้วนายยังจะซื้ออีกหรือไง” ชายอีกคนใบหน้าคมคาย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนผมสีแดงสดพูดเข้าข้างผู้หญิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ หรือว่าต้องพูดว่ามันคือผลไม้ป่าหรือไงถึงจะขายออก จิมที่กำลังเห็นลูกค้าตรงหน้าทำสีหน้าไม่พอใจเรื่องของจริงของปลอมอะไรสักอย่างก็ทำให้เด็กชายคิดขึ้นมาได้ว่าเพราะที่คนอื่นไม่เข้ามาซื้อเพราะเขาไม่ได้บอกวามันคือผลไม้ทำให้จิมเปลี่ยนความคิดและจะขายเป็นผลไม้แทน แบบนี่นี้เอง อะไรที่มจากป่าก็คือผลไม้สินะ อืม…แบบนี้เราก็ต้องบอกว่ามันก็ผลไม้สินะถึงจะขายออกไม่น่าล่ะทำไมถึงไม่มีใครเข้ามาซื้อสักที “เอาผลไม้ไหมฮะ ราคา10เหรียญเองนะ” “สรุปคือผลไม้นี้เองไอเราก็นึกว่าของมีค่าที่ไหนได้ก็แค่ผลไม้” “พึ่งเด็ดจากต้นเลยนะฮะ ราคาไม่แพงด้วยร้านผมขายถูกกว่าร้านอื่นอีกนะร้านอื่นนะขายตั้งเกือบ 100 เหรียญของผมแค่ 10เหรียญเอง เอาไหมฮะ” “เอาสิ เจ้าหนูนี้น่ารักจริงๆเลย” “งั้นพี่เอาอย่างละชิ้นก็ได้” ชายหนุ่มนึกเอ็นดูเด็กชายตรงหน้าขึ้นมาเพราะหน้าตาที่มีความใส่ซื่อ น่ารักทั้งสีตา สีผม สีผิวเข้ากันได้อย่างลงตัวทำให้เขานึกถึงน้องสาวของตัวเองสมัยยังเล็กๆอยู่ ตอนแรกที่พวกเขามาที่นี่ก็เพราะจะมาหาซื้อของป่าหรือพวกสมุนไพรและยาต่างๆ ก่อนที่จะเข้าไปในป่าวาเทนด้าจึงคิดว่าจะมาหาซื้อของจำพวกยาหรืออะไรที่จำเป็นหน่อยก็ดีแต่ไม่นึกว่าในตลาดส่วนนี้จะมีขายผลไม้ด้วยอีกทั้งยังเป็นของแปลกตา “ทั้งหมด 60 เหรียญฮะ” “นี้เงินนะเจ้าหนูส่วนอีก 10 เหรียญที่เกินไม่ต้องทอนนะ พี่ให้” พอได้ของกลุ่มนักเดินทางก็เดินจากไป “นายจะไปซื้อทำไม ที่พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อหาซื้อยาหรือไม่ก็สมุนไพรหรืออะไรก็ได้ที่ป้องกันเราจากสัตว์อสูรแต่นี้อะไรกัน นายกลับไปซื้อผลไม้อะไรก็ไม่รู้” เพื่อนหนึ่งในกลุ่มพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่เพื่อนของเขาหลอกง่ายแบบนี้ “ใช้แล้วดูสิ จะขายทั้งทีก็ขายไม่เต็มลูกได้มาแค่อย่างละชิ้นเองเนี่ย เสียดายเงินจริงๆเลย” ผู้หญิงคนเก่าพูดพร้อมหยิบของที่เพื่อนของตัวเองพึ่งจะไปซื้อจากเด็กคนนั่งขายของอยู่ “เอาน่า ถือว่าอุดหนุนเด็กก็ได้ น้องเขาออกจะน่ารักจะตายไป” “จะยังไงก็เถอะ ตอนนี้เราไปหาซื้อะไรทีมันจะป้องกันเราจากสัตว์อสูรในป่าให้ได้ก่อนจะดีกว่านะ” ไม่ทันไรพอบอกไปว่าเป็นผลไม้ของก็ขายดีขึ้นมาเยอะเลย หลังจากขายหมดจิมก็บอกลาลุงทั้งสองคนก่อนที่จะมุ่งหน้าออกเดินทางให้ทั่วตลาดเพื่อหาอะไรกินและไปซื้อปุ๋ยให้พวกพี่ๆที่อยู่ที่บ้านไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง แต่หลังจากขายเสร็จเงินที่ได้มาทั้งหมดก็คือ 260 เหรียญ ถือว่าเยอะพอสมควรเพราะอาหารหรือของกินขายอยู่ที่ราคา 4-10 เหรียญ จิมเลือกที่จะเดินไปทางโซนของกินก่อนเพราะต้องหาอะไรกิน ตรงโซนนี้มีอาหารหลากหลายพอสมควรเดินไปไม่ทั่วไรก็ได้ของกินมาอย่างสองอย่างที่ราคาไม่แพงอะไมากนักก่อนที่จิมจะเลือกไปโซนที่ขายของทั่วไปก็เห็นว่ามีเส้อผ้าเก่าราคาถูกอยู่มาก เด็กชายจึงคิดที่จะซื้อไปสักตัวสองตัวก็ไม่เสียหายอะไร เดินไปได้สักพักก็ได้ปุ๋ยมาในที่สุด “จิม จิม…ฉันอยู่ทางนี้ ทางนี้” เสียงที่ตะโกนมาจากอีกฝั่งของถนนดังขึ้นเมื่อเด็กชายหันไปมองก็เห็นเป็นบีนท์เพื่อนใหม่ของเขาเองที่เป็นคนตะโกนเรียกเขาอยู่อั้งยังกลัวว่าจิมจะมองไม่เห็นจึงกระโดดไปมาให้สูงที่สุดเพื่อให้อีกฝ่ายมองเห็น ทางด้านจิมที่เห็นเพื่อนที่พึงเจอกันได้ไม่นานก็ตะโกนกลับไปอีกทั้งยังโบกมือให้อีกด้วยสร้างความสนใจให้คนในตลาดไม่น้อยเลยทีเดียว “นายมาได้ยังไงเนี่ย” บีนท์ถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจพร้อมกับใช้แขนโอบไหล่ของจิมอย่างเป็นกันเอง “ก็มาหาเงินนะ พึ่งขายของหมดเลยนะขายได้ตั้งเยอะแนะดูสิ” จิมพูดพร้อมยื่นของให้เพื่อนของตัวเองดูผลงานของตน “เรื่องนั้นช่างมันก่อน ไหนๆนายก็มาแล้วมาเถอะ ฉันจะพาไปดูบ้านแล้วก็พานายไปดูพี่ชายกับแม่ของฉันด้วยพวกเขาอยากเห็นหน้านายนะ ปะ ไปกัน” บีนท์ที่พอพูดจบก็กึ่งลากกึ่งจูงจิมเดินไปกับตัวเองด้วยใบหน้าตื่นเต้น ทั้งคูเดินทะลุผ่านตลาดออกไปไม่ไกลมากนักก็จะพบเห็นบ้านหรือที่อยู่อาศัยตั้งเรียงรายกันอยู่แต่ก็ไม่ถึงกับเรียงเป็นระเบียบในแถวเดียวกันเพราะแต่ละบ้านจะสร้างบ้านในที่ดินของตัวเองทำให้บ้านแต่ละหลังมีทั้งบ้านและแปลงปลูกผักอยู่ด้วย เมื่อเดินไปได้สักพักในระหว่างทางเจ้าตัวก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนไม่หยุดปาก ทำให้จิมที่พึ่งจะสังเกตเห็นถึงเสื้อผ้าการแต่งกายก็รู้ว่าต่างไปจากครั้งแรกที่เจอลิบลับเพราะครั้งแรกที่เจอกันบีนท์แต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดาไม่ได้มีอะไรที่พิเศษหรือเหมือนคนมีฐานะเลยแม้แต่น้อยแต่พอมาเห็นตอนนี้เหมือนกับพึ่งได้เงินมาชุดใหญ่เลยก็ว่าได้เพราะเสื้อผ้าทั้งตัวของบีนท์เป็นเสื้อผ้าใหม่ทั้งหมดขนาดรองเท้ายังเป็นของใหม่เลย ถึงเด็กชายจะไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากแต่ก็ดูออกว่าอะไรเป็นอะไร ในระหว่างทางที่เดินมาตั้งแต่ตลาดเจ้าตัวเล่าว่าหลังจากที่กลับบ้านไปก็เอาผลสะเกร็ดดาวให้พี่ โชคดีที่พี่ชายของเขารู้เรื่องพวกนี้อยู่บ้างเพราะพี่ชายของบีนท์ต้องการที่จะเรียนด้านสมุนไพรและธาตุแสงด้วยทำให้รู้เรื่องพวกนี้ ตอนแรกพี่ของบีนท์ก็ไม่อยากดื่มเพราะคิดว่าจะเอาไปขายแต่เพราะแม่ของเขากล่อมจนเจ้าตัวยอมดื่มหลังจากวันนั้นในช่วงเช้าก็มีคนแปลกหน้ามาเคาะประตูที่หน้าบ้าน ตอนแรกทั้งสามคนคิดว่าคงจะเป็นนายจ้างที่อยากจะจ้างแม่หรือบีนท์ไปทำงานแต่พอเปิดประตูออกมาก็เห็นเป็นชายร่างสูงแต่งตัวดูดีมีฐานะ มาขอพบเขาและพี่ชายหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ได้รู้เรื่องว่าเขาเป็นพี่ชายของพ่อ เพราะหลังจากที่พ่อป่วยพ่อของเขาก็ได้ส่งจดหมายไปให้ทางบ้านเพื่อทราบข่าวเกี่ยวกับเรื่องเขาและครอบครัวก่อนที่พ่อของบีนท์จะเสียชีวิตลงไม่นาน แม่ของเขาก็ได้รู้ว่าพ่อของเขาเป็นลูกชายคนเล็กของบ้านและทางบ้านก็มีฐานะพอสมควรแต่เพราะเรื่องบ้างอย่างทำให้พ่อของเขาต้องเดินทางออกจากบ้านมาตั้งตัวและไม่คิดที่จะกลับไปอีกเลย แต่ในจดหมายพ่อของเขาส่งไปให้เพื่อช่วยส่งเสียเลี้ยงดูครอบครัวแทนเขาที่กำลังจะตายโชคดีมากที่บ้านของเขาหลังจากตามหาตัวไม่เจอแต่ก็ไม่ได้คิดว่าน้องคนเล็กของบ้านจะเสียชีวิตหรืออะไร พวกเขาจีงเลือกที่จะมาดูด้วยตาของตัวเองและลุของเขาก็อยากที่จะพาพวกเขากลับไปอยู่ด้วยแต่แม่ไม่ยอดเพราะศพของพ่ออยู่ที่นี่ลุงของเขาจึงทำได้เพียงแค่ส่งเงินที่เป็นส่วนของน้องชายตัวเองให้จากการที่พ่อแม่ของพ่อและลุงเสียชีวิตทำให้มรดกตกมาที่พวกเขา และนั้นก็ทำให้แม่ของเขาเอาเงินมาตั้งตัวและก่อนที่ลุงจะเดินทางกลับก็ได้ซื้อบ้านพร้อมที่ดินเพื่อเป็นของขวัญให้หลานทั้งสองคน บ้านใหม่ของบีนท์อยู่อีกฝั่งจากบ้านเก่าเพราะตั้งอยู่อีกทาง บ้านของเขาจะตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเป็นติดกับถนนใหญ่และถนนเส้นนี้ก็เป็นถนนเส้นหลักที่จะไปเมืองหลวงและไปเมืองริฟาด้าด้วย “เป็นยังไงบ้านสำหรับบ้านใหม่ของฉัน สวยไหมแบบนี้แม่ของฉันก็ไม่ต้องเหนื่อยไปทำงานแล้ว ปะ เข้าไปด้านในกัน” “มาแล้วหรือไง ไปไหนมานะ ไปไหนมาไหนทำไมไม่บอก” เสียงของไบท์พี่ชายของบีนท์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพูดพร้อมหันไปทางหน้าประตูเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด “ก็จะไปหาเพื่อนคนนั้นไง แต่ไปยังไม่ถึงก็เจอที่ตลาดซะก่อน คนนี้ไงที่ผมเล่าให้ฟังนะ” บีนท์ชี้ไปทางจิมที่กำลังหน้าเด๋อๆอยู่ “หวัดดีฮะ” จิมทำหน้าเด๋อส่งไปให้แต่ก็ยงดีที่ไม่ลืมมารยาท “ใช้ที่บีนท์เล่าให้พี่ฟังหรือเปล่า” “ใช้คนนั้นแหละ นี้ไงผมพาตัวมาให้ดูแล้วนะชื้อว่าจิมนะ”บีนท์พูดด้วยสีหน้าภูมิใจพร้อมยื่นอกเหมือนคนพึ่งเดิมพันอะไรไปแล้วชนะกลับมา “มีอะไรกันนะ” เสียงที่ดังมาจากในครัวตะโกนถามเมื่อได้ยินเสยงคล้ายกับมีคนมาในบ้าน “แม่…ผมพาจิมมาให้แม่ดูนี้ไงฮะ มาดูสิฮะ” บีนท์ตะโกนเรียกแม่ของตัวเอง ใช้เวลาเพียงไม่นานทั้งสามคนก็เดินเข้ามานั่ง พร้อมมองมาที่เด็กชายเหมือนเจอของแปลก “คนที่ลูกเล่าให้แม่ฟังสินะ” “คนที่เอาของให้บีนท์สินะ” ไบท์พูด “มีอะไรกับผมหรือเปล่าฮะ” จิมถาม “คือว่า หนูคือคนทีให้ผลจากต้นสะเกร็ดดาวให้ลูกของฉันสินะ” หญิงสาวที่อายุประมาณ 30กว่า พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฮะ มีอะไรหรือเปล่าฮะหรือว่าผลที่ผมให้ไปใช้ไม่ได้ผลเหรอฮะ” “เปล่าหรอกจ๊ะ ฮึก ฮึก ฉันอยากจะขอบคุณเธอนะ ถ้าไม่ได้เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกชายของฉันจะหายป่วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ขอบคุณจริงๆนะจ๊ะหนูช่างเป็นคนดีอะไรอย่างนี้” หลังจากนั้นแม่ของเขาก็ร้องห่มร้องไห้หนักด้วยความดีใจและขอบคุณจิมที่ที่ช่วยทำให้ลูกชายคนโตของตัวเองหายจากอาการป่วย แต่คนในบ้านก็ไม่ได้ถามว่าเขาเอามาจากไหนส่วนคนพี่ถามเพียงแค่ว่าเขามีธาตุประจำตัวหรือเปล่าจิมจึงตอบไปว่ามีและบอกไปว่าตัวเองมีธาตุพฤกษา ไบท์ที่เป็นคนฉลาดและชอบเรียนรู้จึงรู้ได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงมีผลจากต้นสะเกร็ดดาวบวกกับที่เจ้าตัวเคยอ่านมาว่าธาตุนี้สามารถควบคุมกับพืชหรือเหล่าพฤกษาได้แต่เป็นธาตุที่ไร้ประโยชน์และปัจจุบันนี้ไม่ค่อยจะมีแล้ว ส่วนใหญ่จะมีธาตุแสง สายฟ้า ดิน ลม ไฟ น้ำ ควบคุมสัตว์ และธาตุมืดก็เท่านั้นส่วนธาตุ นี้ได้สูญหายไปหรือไม่ก็มีจำนวนน้อยลงไป ส่วนข้อมูลอื่นๆ ไม่สามารถพบได้เพราะไม่เคยมีใครบันทึกเอาไว้ว่าธาตุนี้เป็นยังไงใช้ยังไง ก่อนที่จิมจะขอกลับไปก่อนแม่ของจิมก็ให้อาหารที่พึ่งทำมาให้เด็กชายเพราะเอ็นดูจิมเหมือนลูกก่อนที่เขาจะกลับออกไปและไม่ลืมที่จะแวะเล่นกับบีนท์ก่อนกลับบ้าน ป่านนี้เจ้าสกับบี้คงคิดถึงแล้วมั่งเนี่ย คงนอนตีพุงสบายใจอยู่ที่นอนแล้วล่ะมั่งตอนนี้ แต่ถึงยังไงก็เถอะก็ยังดีที่มีของกินเพิ่ม ตอนนี้บีนท์ก็มีธาตุดินและอีกไม่นานก็ต้องไปโรงเรียนเซเดรียเพื่อไปศึกษาการใช้พลังธาตุที่อยู่ในตัว ตามที่บีนท์เล่ามาว่าโรงเรียนเซเดรียตั้งอยู่ที่เมืองริฟาด้าเป็นโรงเรียนใหญ่ที่มีชื้อเสียง แล้วแบบนี้ถ้าเราอยากเรียนก็ต้องไปที่นั้นใช้หรือเปล่าแต่ต้องใช้เงินเยอะแน่เลย ไอเราแม่ก็ตายส่วนพ่อก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนขนาดหน้าตายังไม่เคยเห็นเลย เศร้าใจจัง ‘กลับมาแล้วเหรอเจ้าหนู’ เสียงต้นไม้แก่ถามด้วยน้ำเสียงเหมือนพึ่งตื่น “ฮะ วันนี้ผมขายได้ตั้ง 260 เหรียญแนะ” จิมอวดพร้อมหยิบปุ๋ยที่ตนซื้อมาให้ดู ‘จิม จิม’ เสียงเล็กที่ดังมาจากด้านหลังพูดชื้อเด็กชาย จิมที่ได้ยินจึงวางของและหันไปตามเสียงที่เรีกจนเห็นว่าคนที่เรียกชื้อเขาคือสกับบี้ที่กำลังยินอยู่ด้านหลัง จิมที่พึ่งจะได้ยินที่เจ้าสกับบี้พูดชื้อของตัวเงอครั้งแรกก็ถึงกับตกใจเพราะตั้งแต่ที่รู้จักกันมาได้ยินแต่ส่งเสียงร้องปี้ๆ อย่างเดียงแท้ๆ “เกิดอะไรขึ้นกับสกับบี้ของผมนะ หรือว่ามันจะป่วยหรือเปล่าฮะ มันกำลังเรียกชื้อผมด้วย” จิมมองด้วยหน้าตาตกใจ ‘นี้เจ้าหนูไม่รู้รึ’ “รู้ รู้อะไรอีกฮะ นี้ผมยังไม่รู้อะไรอีกเหรอ” จิมถามย้ำเมื่อพูดจบก็มีเสียงถอนหายใจของเหล่าต้นไม้รอบข้างอย่างเหนื่อยใจ ‘ก็รู้เรื่องของเจ้ายังไงล่ะ เจ้าหนูคงจะไม่เคยมีใครสอนการใช้ธาตุในตัวสินะเพราะพลังธาตุในตัวของเจ้ามีมากนัก มากกว่ที่มนุษย์จะรับได้เสียอีก ด้วยพลังของเจ้าทำมันไปกระตุ้นเจ้าสกับบี้นี้นะสิ เพราะเจ้าอยู่กับมันตลอดไม่เคยห่างทำให้นับวาพลังธาตุในตัวของเจ้าก็ยิ่งไปกระตุ้นและซึมซับเข้าไปในร่างกายของมันทำให้มันเริ่มมีพัฒนาการที่แตกต่างปจากเดิมยังไงล่ะ ทำให้หลายวันมานี้มันถึงเอาแต่นอนไม่ยอมไปไหนก็เพราะร่างกายของมันกำลังปรับตัวให้เขากับธาตุในตัวของเจ้ายังไงล่ะเจ้าหนู’ ต้นไม้ใหญ่อธิบาย “อย่างนี่นี้เอง” จิมมองไปที่ร่างกายที่สูงขึ้นมานิดหน่อยของเจ้าสกับบี้เพราะตอนแรกตัวของมันเล็กนิดเดียว เล็กเท่านิ้วชี้ของเขาได้ ตัวก็บาง ใบของมันก็เล็กแต่ตอนนี้เจ้ากสับบี้มีขางอกออกมาสองขา มีแขนเพิ่มออกมาด้วย และใบของมันที่ติดกับหัวก็เรียวและบางลง อีกทั้งยังมีปากที่เริ่มจะพูดได้เหมือนเด็กเพิ่งเกิด ‘มาเดี๋ยวข้าจะสอนเจ้าเอง เจ้านี้ยังไงกันมีพลังธาตุในตัวแต่ใช้ไม่เป็นช่างหน้าสงสารจริงๆ’ เสียงจากต้นอะโคไนต์พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ‘ไม่ต้องเดี๋ยวข้าสอนเอง ถ้าให้เจ้าสอนจิมน้อยของข้าคงตายก่อนที่จะโตกันพอดี’ เสียงจากต้นวาไทม์พูดแทรกด้วยน้ำเสียงห่วงเด็กชาย ‘เจ้านี้มันสมองปลาจริงๆเลย พิษนะมันอยู่ที่รากของข้านี้ เจ้าหนูนี้มุดลงดินไปจับรากของข้าได้ซะที่ไหนเจ้านี้ใช้อะไรคิดกัน’ ‘เอาล่ะเลิกทะเลาะกันได้แล้ว เราจะสอนกันหมดนี้แหละพอเวลาที่พวกเราไม่อยู่จิมจะได้มีอะไรติดตัวบ้าง’ เสียงจากต้นไม้แก่พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อย “ลุงเป็นอะไรหรือเปล่าฮะ” จิมที่ได้ยินน้ำเสียงก็เริ่มเป็นห่วงลุงต้นไม้ที่ตอนนี้ท่านก็แก่มากแล้วและอายุเองก็มากแล้วเช่นกัน ‘ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ข้าก็แค่แก่นะ ข้าเองก็อยู่มานานแล้วไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นหรอกอย่าห่วงเลย’ ต้นไม้ใหญ่ที่อายุหลายปีตอบ ‘ใช้ ท่านนะแก่แล้วส่วนพวกเราเองก็คงจะอยู่กับติมไปตลอดไม่ได้เพราะจิมยังต้องตามหาพ่อของตัวเอง เพราะอย่างนั้นพวกเราจะอยู่กับจิมจนกว่าจิมจะเจอพ่อของตนหลังจากนั้นเราจะกลับไปยังที่ที่จากมา’ อีกฝ่ายพูด ยิ่งมีเสียงที่สองพูดจิมก็เริ่มใจเสียเพราะตลอดเวลาที่เขาออกมาอยู่ที่นี่ก็มีแต่พวกเขาที่พูดคุยกับจิม ทำให้เมื่อได้ยินเรื่องนี้จิมจะนิ่งไปอย่างบอกไม่ถูกและเจ้าตัวเองก็ไม่รู้อาการของตนเป็นอะไรกันแน่เพราะเขายังเด็กมากนัก ที่เหล่าต้นไม้พูดแบบนี้ก็เพราะว่าที่นี่จิมไม่ได้จะอยู่ตลอดไป เพียงแค่อยู่ชั่วคราวเท่านั้นและที่นี่ก็ไม่ได้ปลอดภัยมากนักเพราะถ้ามีคนรู้ว่ามีพฤกษาที่กำเนินจากเขตป่าวาเทนด้าอยู่ด้านนอกของป่าพวกมนุษย์ก็อาจจะแก่กันมาที่นี่ได้ เพราะอย่างนั้นที่นี่จึงไม่ปลอดภัยแต่ถ้าจิมตามหาพ่อเจอทุกอย่างที่เหล่าพฤกษาเป็นห่วงก็จะหายไป เมื่อไรที่จิมคิดจะเดินทางพวกเขาก็จะใช้รากที่อยู่ใต้ดินเลื่อยไปใต้ดินเพื่อที่จะไปเกิดใหม่ในป่าชั้นในเหมือนเดิมและหลังจากนั้นเหล่าพฤกษาที่อยู่ที่นี่ก็จะตายแต่จะเกิดใหม่อีกครั้งในป่าในที่ที่จากมา ส่วนจิมพวกเขาจะให้ผลหรือเมล็ดเพื่อให้เด็กชายเอาไว้ปลูกใหม่ในที่ที่มีความปลอดภัยมากกว่านี้ ที่ที่ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม