ฉันมองหาโต๊ะที่ขออุปกรณ์ใหม่ก่อนสายตาจะเลื่อนมาสบกับนัยน์ตาสีเหล็กกล้าเย็นชาที่กำลังมองมาที่ฉันอยู่เช่นกัน
ด้วยความประหม่าฉันจึงหลบตาไปทางอื่นเพราะรู้สึกว่าหน้าตัวเองเห่อร้อนขึ้นมาในสถานการณ์แบบนี้ทำไมภูมิคุ้มกันความหล่อถึงไม่ทำงานกันนะ
ถึงจะมองแค่แวบเดียวแต่ความหล่อของเขาก็มีพลังทำลายล้างสูงมากไม่ใช่หล่อเหลาแบบเทพพระบุตรจุติลงมาเกิดแต่เป็นความหล่อแบบร้ายกาจ
มิกิใจเย็นแกมาทำงาน ท่องไว้ ทำงานๆๆ!
และเสียงของอาจารย์ก็ปลุกให้ฉันหลุดจากภวังค์ความคิดไร้สาระของตัวเอง
“คุณมิกิรุ่นพี่โต๊ะแถวสุดท้ายเลยครับ”
“ค่ะอาจารย์”
ฉันเดินตรงไปที่โต๊ะสุดท้ายที่มีรุ่นพี่หน้าหล่อคนนั้นนั่งอยู่ระหว่างทางได้ยินเสียงเอ่ยแซวจากรุ่นพี่คนอื่นอันนี้ชินแล้วเพราะเจอแซวตลอดแต่กับพี่คนนั้นไม่รู้ทำไมฉันถึงต้องเกร็งขนาดนี้
“ว้าวน่ารักจังปีหนึ่งเหรอเรา?”
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะสุดท้ายที่อาจารย์บอกก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยถามฉันขึ้นมาพอมองแต่ละคนในโต๊ะแล้วถึงได้รู้ว่ารุ่นพี่ทุกคนหล่อมากหรือจะเป็นแก๊งหนุ่มฮอตที่แองจี้เล่าให้ฟังเมื่อกี้ไม่ได้สังเกตเลยเพราะมัวแต่มองพี่คนนั้น
ส่วนรุ่นพี่คนที่เอ่ยถามฉันก็หล่อแบบอปป้า หล่อใส หล่อสะอาด หล่อแบบสร้างเรื่อง ฉันไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากพยักหน้าให้เป็นคำตอบ
“ไอ้ทายเอาแล้วเว้นน้องสาขาไว้บ้าง”พี่ผมแดงเอ่ย
“กูก็แค่ถามไหมไอ้ต้าร์”พี่ที่หล่อแบบอปป้าชักสีหน้า
“น้องเอาไปให้ไอ้คนหล่อๆ ที่นั่งตรงนู้นเลย”
“อะอ๋อ…ได้ค่ะ”
เดินไปอีกฝั่งที่มีรุ่นพี่หน้าหล่อนั่งอยู่เขาคือคนที่ฉันสบตาด้วยตอนเข้ามาในห้องเลยฉีกยิ้มและยื่นอุปกรณ์ให้พี่เขาก่อนจะชะงักเมื่อเห็นข้อมืออีกฝ่ายมีสร้อยเงินเส้นเล็กสลักอักษรคุ้นตายื่นมือมาตรงหน้า
จะไม่ให้คุ้นได้ยังไงเพราะพึ่งเห็นผ่านตาไปเมื่อชั่วโมงกว่าเอง
ฉันเงยหน้ามองพี่เขาอีกครั้งก่อนจะก้มมองที่ข้อมืออย่าบอกนะว่าคนเดียวกันกับในห้องน้ำเกิดมาหน้าตาดีซะเปล่าทำไมทำตัวทุเรศไม่แคร์สังคมแบบนี้วะ!
ปึก!!
มือหนาที่กำลังยื่นมารับอุปกรณ์ชะงักทันทีเมื่อรุ่นน้องสาวดึงอุปกรณ์คืนก่อนจะวางกระแทกบนโต๊ะอย่างแรงจนคนทั้งโต๊ะหันมามองและเดินออกไปโดยไม่สนสายตาใครเลยเขามองร่างบางที่สะบัดหน้าเดินหนีออกไปก่อนจะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
“น้องเขาเป็นอะไรวะรีบไปเชียว”ไอ้เพทายหันมาถามแต่เขาไม่ได้ตอบอะไรและเป็นต้าร์ที่เอ่ยแทรกขึ้นมา
“สงสัยน้องตกใจหน้าไอ้โซ่..ฮ่าฮ่า”
“ไอ้สัด!”
โซ่ส่ายหัวกับความไร้สาระของลูกพี่ลูกน้องเขาหยิบอุปกรณ์ก่อนจะหันมาทำแล็บต่อทั้งที่ในหัวกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
ทางด้านมิกิหลังจากออกมาจากห้องแล็บเธอก็กลับเลยไม่วายบอกเจ้าหน้าที่ดูแลช็อปว่าไม่สบายขอลาซึ่งเขาก็ใจดีมากให้เธอกลับมาพักโดยที่ยังลงเวลาเต็มชั่วโมงให้อยู่
เธอเดินเตะฝุ่นอยู่ริมฟุตบาทเพราะไม่อยากรีบกลับหอเท่าไหร่เผื่อเหมยเอาแฟนมาไม่อยากอยู่เป็น กขค
ติ๊ด!
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นฉันเลยควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าผ้าพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแต่มือก็กดปุ่มรับสายทันทีที่เห็นว่าเป็นใครโทรเข้ามา
“ว่าไงแก”
“นังมิฉันมีข่าวดีจะบอกกรี๊ด!!!”
“หยุดกรี๊ดแล้วเล่ามาคุณแม่”
“เออๆ เนี่ยรุ่นพี่ฉันที่นิเทศกำลังหานางแบบไปถ่ายให้อยู่ฉันเลยลองส่งรูปแกไปแล้วเจ้ชอบมากเลยอยากให้แกมาเป็นนางแบบให้น่ะ แกสนไหมมีค่าจ้างให้ด้วย”
“ค่าจ้างเหรอ?”
“ใช่แต่เรื่องบัดเจทเท่าไหร่เจ้จะคุยกับแกอีกที”
“สนไหมแกไม่แน่นะงานนี้อาจจะทำแกปังก็ได้”
“ฉันตกลง..ขอบใจมากนะแองจี้”
“ไม่เป็นไรแกงั้นแค่นี้นะ”
ฉันกดวางสายก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าผ้าแสนธรรมดารู้สึกใจชื้นมากขึ้นเมื่อคิดว่าจะมีรายได้เพิ่มเข้ามาตอนนี้เหมือนคนจับปลาหลายมือแต่ละมันไม่ได้รุ่งจนได้เงินเป็นกอบเป็นกำและไม่พอที่จะประทังชีวิตได้ด้วยงานเดียว
ปื๊น ปื๊น!!
กรี๊ดดดดดด
รถซูเปอร์คาร์วิ่งมาด้วยความเร็วสูงทำให้เผลอกรี๊ดด้วยความตกใจเพราะไอ้คนขับเกือบจะเหยียบเท้าฉันอยู่แล้วโชคดีที่ชักเท้าถอยหลังหลบทันมีเงินซื้อรถแพงแต่ไม่มีสมองนี่ทางม้าลายยังขับเร็วด้วยความโมโหเลยยกมือชูนิ้วกลางใส่เจ้าของรถ
ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อรถคันหรูชะลอและลดกระจกลงจนเห็นหน้าเจ้าของรถที่ไร้มารยาททางสังคม
ทำไมเป็นไอ้รุ่นพี่หน้าหล่ออีกแล้ว
เจอเขาทีไรรู้สึกซวยทุกที
ฉันเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะค่อยๆ ลดมือที่ชูนิ้วกลางอยู่ลงแต่สายตายังมองเขม็งอยู่ที่จริงทำใจกล้าไปงั้นแหละถ้าเขาเอาเรื่องขึ้นมาผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบฉันจะไปทำอะไรได้
แววตาสายเย็นชาจ้องมองผ่านกระจกจนกระทั้งฉันเผลอหลบสายตาเขาถึงกดเลื่อนกระจกขึ้นและขับรถออกไป
“เฮ้อ คนอะไรหน้าตาดีแต่สันดานเสียชะมัด!”