บทที่ 3

1468 คำ
“ไม่ยอมเป็นพี่เลี้ยงเด็ก แต่จะยอมอดตาย และปล่อยให้เจ้าหนี้มาตามทวงหนี้เป็นรายวันแบบนี้หรือพีช สักวันจะถูกพวกเจ้าหนี้ยิงตายเหมือนที่เป็นข่าวหน้าหนึ่ง ถ้าพวกมันยิงพีชนัดเดียวแล้วพีชตายคาที่เลย พิมก็ไม่รู้สึกเสียใจเท่าไรหรอกนะ แต่ถ้าหากพวกมันทำอย่างอื่น ก่อนจะฆ่าพีชทิ้ง พีชคงต้องตกนรกทั้งเป็นแน่” คำพูดของพิมพ์มาดา ช่วยให้ธัญพิชชาฉุกคิดขึ้นมาได้ ร่างบอบบางสะโอดสะองเกิดอาการสั่นสะท้านเพราะความหวาดกลัว ทุกวันนี้เธอแทบจะไม่กล้าออกจากคอนโด เพราะเกรงว่าเจ้าหนี้ของบิดามารดา ที่กำลังตามทวงหนี้กับเธออยู่ในเวลานี้ จะเข้ามาทำร้ายเธอเอา หากมีความจำเป็นต้องออกจากคอนโดจริงๆ หญิงสาวก็ใช้วิธีปลอมตัวไม่ให้ใครจำเธอได้ “พีชต้องทำงานเป็นพี่เลี้ยงคนแก่ ขี้บ่นจู้จี้จุกจิกจริงหรือพิม” น้ำเสียงที่เอ่ยถามออกมานั้น บ่งบอกให้รู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นให้อดีตนางเอกสาวอย่างเธอได้เลือกเดินอีกต่อไป “ไม่ใช่พีช พิมไม่ได้ส่งพีชให้ไปเป็นพี่เลี้ยงคนแก่ แต่พิมจะให้พีชไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กต่างหาก” “พี่เลี้ยงเด็ก!!” ธัญพิชชาทำหน้าเหยเกราวกับจะร้องไห้ ขณะทวนคำพูดของเพื่อนรัก จากนั้นก็โอดครวญถึงหน้าที่ที่ตนเองต้องทำ หากรับเป็นพี่เลี้ยงเด็กอย่างที่พิมพ์มาดาได้เอ่ยบอกมา “ยี้! เป็นพี่เลี้ยงเด็กก็ต้องเปลี่ยนผ้าอ้อม ล้างอึให้เด็กด้วย ไม่เอาหรอก ยังไงๆ พีชก็ไม่ทำเป็นอันขาด พีชยอมอดตาย ดีกว่าไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กตัวเล็กๆ แบบนั้น เวลาร้องไห้โยเยหนวกหูจะตายไป” อดีตนางเอกสาวร้องบอกตามตรง ก็คนอย่างธัญพิชชาไม่ใช่นางงามนี่ ที่จะโบกมือหย่อยๆ แล้วตอบคำถามกรรมการว่ารักเด็ก เอ็นดูเด็กเป็นที่สุด ตอนแสดงละครฉากที่เธอต้องเทคยับเป็นว่าเล่น ก็คือฉากที่มีเด็กๆ เข้ามาร่วมแสดงด้วย พิมพ์มาดาถอนหายใจเฮือกๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องเป็นพี่เลี้ยงเด็กเล็กหรือเด็กโต แต่อีกฝ่ายก็ตีโพยตีพายจนเธออดหมั่นไส้ไม่ได้ “นี่พีช ก่อนจะร้องโวยวายกรุณาฟังพิมพูดให้จบก่อนได้ไหม” พิมพ์มาดาต่อว่าเสียงขุ่น มองค้อนอดีตนางเอกสาว ก่อนจะเอ่ยพูดต่อ “พอดีคุณป้าของพิม ท่านตกบันไดขาหัก ก็เลยไม่สะดวกดูแลน้องราฟาล ท่านอยากได้พี่เลี้ยงเด็กไปดูแลน้องราฟาลระหว่างที่กำลังพักรักษาตัวอยู่” ธัญพิชชาขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง ขณะได้ยินชื่อของเด็กน้อยที่ตนเองต้องไปเป็นพี่เลี้ยงจำเป็นให้ ซึ่งชื่อฟังออกเป็นชื่อของเด็กชาวต่างชาติ จนเธอต้องถามออกมาด้วยความสงสัย “ราฟาล? ชื่อเหมือนเด็กต่างชาติเลยนะพิม” “ใช่แล้วพีช ราฟาลมีศักดิ์เป็นหลานของเรา อายุราวๆ เจ็ดขวบ นั่นก็ทำให้พีชไม่ต้องดูแลราฟาลมาก แค่คอยหาข้าว หาน้ำให้ราฟาลกิน สอนการบ้านในตอนเย็น และพาราฟาลเข้านอนก็เท่านี้เอง” พิมพ์มาดาไล่เรียงถึงหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่ธัญพิชชาต้องทำระหว่างการทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงของเด็กน้อยวัยเจ็ดขวบที่ชื่อราฟาล “ก็ยังดีที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กโตแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ต้องคอยเปลี่ยนผ้าอ้อม คอยเช็ดอึของเด็ก และไม่ต้องหนวกหูเสียงร้องไห้โยเยของเด็กน้อยด้วย” ธัญพิชชาโล่งอกขึ้นมาบ้าง เมื่อเด็กน้อยที่เธอต้องทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนั้น มีอายุพ้นวัยทารกมาแล้ว เด็กน้อยที่มีอายุเจ็ดขวบก็คงพอช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง ซึ่งหากเธอรับทำงานนี้ รับเป็นพี่เลี้ยงของเด็กน้อยที่ชื่อราฟาล เธอก็คงไม่ต้องดูแลเขามากเท่าไร “ดูแลเด็กที่มีอายุเจ็ดขวบก็คงไม่ยากเท่าไร อย่างน้อยเด็กก็กินข้าวเองได้ เข้าห้องน้ำเป็น พีชไปดูแลราฟาลแค่ 4-5 เดือนเท่านั้น พอป้าของพิมหายดีแล้ว พีชก็ค่อยเดินทางกลับประเทศไทย” ประโยคท้ายของพิมพ์มาดาสร้างความงุนงงให้กับธัญพิชชาเป็นอย่างมาก หญิงสาวขมวดคิ้วโก่งงามดุจคันศรเข้าหากันยุ่ง ก่อนจะเอ่ยถามออกมา “ทำไมถึงบอกว่าให้ป้าหายดีแล้วค่อยเดินทางกลับประเทศไทย เด็กที่ชื่อราฟาลไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ หรือพิม” พิมพ์มาดาส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะเอ่ยตอบไขข้อสงสัยของผู้ธัญพิชชา “ไม่จ้ะพีช ราฟาลเป็นชาวดัตช์ อยู่ที่ดินแดนแห่งกังหันลมและดอกทิวลิป หรือที่ใครๆ ก็รู้ว่าคือประเทศเนเธอร์แลนด์” “ไม่ไป! พีชไม่ไปหรอก จะบ้าหรือยังไง ให้พีชข้ามน้ำข้ามทะเล เสียค่าเครื่องบินทั้งไปและกลับเป็นหมื่นๆ เพื่อไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กและได้เงินเดือนแค่ไม่กี่พันเนี่ยนะ ยังไงๆ พีชก็ไม่ไป ยอมอดตายอยู่ในประเทศไทยซะยังดีกว่า” ธัญพิชชาส่ายหน้าดิกปฏิเสธเสียงหลง เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ยอมเสียค่าเครื่องบิน เพื่อเดินทางไปยังดินแดนแห่งกังหันลม แต่อย่าว่าแต่ค่าเครื่องบินเลย ตอนนี้แค่ค่ารถแท็กซี่ที่จะว่าจ้างให้ไปส่งที่สนามบิน เธอยังไม่มีเลยแม้แต่บาทเดียว ซึ่งเรื่องนี้พิมพ์มาดาก็น่าจะรู้ดีว่าเธอนั้นกำลังถังแตกมากเพียงใด “พีช ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่าเดินทางนะ คุณป้าของพิมจะออกค่าใช้จ่ายให้พีชทั้งหมด ส่วนเรื่องอาหารการกินและที่พัก พีชก็พักอยู่ในบ้านของคุณป้าของพิมได้เลย ที่สำคัญพีชได้ค่าจ้างเดือนละ 3 พันยูโรเชียวนะ หากตีเป็นเงินไทยในอัตราแลกเปลี่ยนตอนนี้ราวๆ 38 บาทต่อ 1 ยูโร ก็ตกเดือนละแสนกว่าบาทเลยนะพีช” พิมพ์มาดาบอกถึงตัวเลขจำนวนเงิน ซึ่งถือว่ามากโขเอาการสำหรับการทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก ซึ่งหากเธอไม่ติดงานอื่นที่รับปากผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการไว้ เธอคงบินปร๋อไปเนเธอร์แลนด์แล้ว เพราะนอกจากจะได้ไปเยี่ยมคุณป้า เยี่ยมหลานชายแล้ว ยังมีเงินเดือนติดกระเป๋าเดือนละแสนกว่าบาทด้วย “นี่พิม ถามหน่อยเถอะว่าทำไมป้าของพิมไม่หาพี่เลี้ยงแถวๆ นั้นล่ะ จะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเรื่องค่าตั๋วเครื่องบิน และที่เราสงสัยคือพ่อแม่ของเด็กไปไหน ถึงต้องให้ป้าของพิม เป็นคนเดือดร้อนเรื่องหาพี่เลี้ยงเด็ก” ธัญพิชชาเอ่ยถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย ออกจะแปลกใจอยู่มากที่ผู้เป็นป้าของพิมพ์มาดา ต้องควานหาพี่เลี้ยงไกลถึงประเทศไทย เพราะจะว่าไปแล้วหากป้าของพิมพ์มาดาจ้างชาวดัตช์ด้วยกันเอง ก็น่าจะสะดวกและง่ายกว่ากันเยอะ “พิมก็ไม่รู้เหมือนกันนะพีช ว่าทำไมคุณป้าไม่ยอมจ้างคนแถวบ้านให้เป็นพี่เลี้ยงของราฟาล คุณป้าบอกแค่ว่าให้หาพี่เลี้ยงให้หน่อย เราก็จัดการเป็นธุระให้คุณป้า ส่วนเรื่องแม่ของราฟาลนั้น ราฟาลถูกแม่ทิ้งไปตั้งแต่เด็ก พ่อของราฟาล พิมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของเขา ลูกพี่ลูกน้องของพิมนะดุมาก พิมเลยไม่กล้าไปยุ่งกับเขาสักเท่าไร” ธัญพิชชามัวแต่ครุ่นคิดทบทวน คำนวณเรื่องผลได้ผลเสีย จากการเดินทางไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ที่เรียกว่าไกลโขคนละซีกโลก จนไม่ทันสังเกตว่าขณะพิมพ์มาดาเอ่ยตอบในประโยคแรกนั้น พิมพ์มาดาได้หลบสายตาไม่มองหน้าคู่สนทนาเลย ราวกับกำลังปกปิดบางสิ่งบางอย่างอยู่ “ว่าไงพีช สนใจไหม ถ้าสนใจพิมจะโทรบอกคุณป้าเดี๋ยวนี้เลย” พิมพ์มาดาเอ่ยถามเป็นการเร่งเร้าไปในตัว เมื่อเห็นอดีตนางเอกสาวเบอร์หนึ่งนิ่งเงียบไปนานหลายนาที “ค่าจ้างเดือนละแสน บ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ โอเค! พีชไปก็ได้” หลังจากใคร่ครวญครุ่นคิด บวกลบคูณหาร และเห็นว่าตนเองมีแต่ได้กับได้ ธัญพิชชาจึงตกปากรับคำในที่สุด ซึ่งคำตอบของเธอ ช่วยให้พิมพ์มาดาคลี่ยิ้มออกมาได้ แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น เพราะเมื่อได้ยินถ้อยวาจาในประโยคถัดมาของอดีตนางเอกเบอร์หนึ่งของประเทศไทย พิมพ์มาดาก็ถึงกับหุบยิ้มทันที “บอกคุณป้าของพิมด้วยนะว่าพีชไม่ใช่นางสาวไทย ที่จะรักเด็กได้ตลอดเวลา ถ้าราฟาลดื้อล่ะก็...พีชตีไม่เลี้ยงแน่”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม