“แล้วทำไมน้องชายนายถึงได้มากวนใจนาย โดยการส่งสาวๆ พวกนั้นมาด้วยล่ะ?” ไพเรทไม่พูดอะไร แต่กลับเดินตรงมาคว้าเอวฉันไว้ จนฉันตกใจ เมื่อสบตากับใบหน้าหล่อที่นิ่งและหรี่ตามองฉัน
“บอกว่า อย่าพูดถึงชื่อมัน ฉันรำคาญ!”
“ปล่อยฉันก่อนสิไพเรท! นายโมโหน้องชายนาย แต่ฉันผิดอะไรด้วยเนี่ย”
“ก็เธอพูดไม่ยอมฟัง ดื้อด้านจะพูดชื่อมันทำไมเล่า!?”
“ไม่พูดก็ได้ แต่ปล่อยฉันนะ!”
“เธอทำให้ฉันหงุดหงิดโคตรเลยๆ รู้ตัวไหมยัยยิ้มกว้าง!”
ฉันพยายามผลักอกเขาออกไป แต่ทว่าริมฝีปากร้อนของเขาก็ก้มลงประกบจูบฉันซะก่อน ซึ่งแน่นอนว่าฉันถึงกับไปไม่เป็นสักนิด ถึงแม้มันจะเป็นจูบที่แค่แตะริมฝีปากแต่ทว่าเขากลับลงแรงกดลงมาจนฉันจิกนิ้วลงกับอกแกร่งของเขา เขาโมโหฉันรู้ แต่ทำไมฉันถึงไม่ผลักเขาล่ะ จูบแรกที่เขากำลังขโมยมันไปนะ ฉันหลับตาลงเมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกที่กำลังถาโถมอยู่ตอนนี้ ไพเรทประคองเอวฉันไว้และขยี้จูบกับฉัน พยายามให้ฉันเปิดปากแต่ทว่า...
ปัง
“พี่เรทคะ... อ๊าย! มันอะไรกันเนี่ย” เราสองคนตกใจผละจูบออกจากกัน ฉันหันไปมองผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งตัวสวยกำลังยืนกรี๊ดอยู่ที่หน้าห้อง เธอเดินตรงเข้ามาหาฉันเพื่อหวังจะตบ ใช่ ฉันกำลังเหวออยู่ไงถึงได้ไม่ทันระวังตัว
หมับ
“พะ พี่เรทปล่อยแนนนะ แนนจะตบมัน พี่กับมันทำอะไรกัน!”
“เธอก็เห็นไม่ใช่เหรอแนน ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้แล้วนะว่าฉันมีเมียแล้ว”
“แต่แนน...”
“กลับไปซะ! ฝากไปบอกไอ้เพทด้วยว่าอย่าคิดมาวุ่นวายกับฉันอีก ไม่งั้นฉันไม่ยอมแน่” ฉันยืนมองทั้งสองคนอย่างอึ้งๆ ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกัน แต่ที่รู้คือฉันยกมือแตะริมฝีปากของตัวเอง กระทั่งได้ยินเสียงปิดประตูดังขึ้นอย่างแรง ใบหน้าของไพเรทหันมามองฉันที่สะดุ้ง หัวใจเต้นรัวไปหมด ร่างกายร้อนผ่าวยิ่งได้มองริมฝีปากแดงของเขา
“ฉะ ฉันขอตัวก่อนนะ”
“...”
“วะ ไว้จะมาใหม่” ร่างกายแทบจะไม่ขยับเลย จนฉันดึงสติตัวเองด้วยการจิกนิ้วลงกับขาอย่างแรง ถึงได้ขยับไปหยิบกระเป๋ามาสะพายและเดินสวนเขาออกจากห้องไป ฉันกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากคอนโด กระทั่งวิ่งออกมานั่งพักอยู่ที่ป้ายรถเมล์แถวๆ คอนโดเขา ฉันเหม่อลอยแต่นิ้วมือกับแตะไปที่ริมฝีปากของตัวเอง ปากเขานุ่มชะมัด แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ด้วย บ้าจริงยิ้ม! จะหลงเขาไม่ได้นะ แกต้องทำให้เขาหลง ที่สำคัญเขามีอะไรกับอีกันนะ! โอ๊ย...
“เฮ้ ยิ้มหรือเปล่าน่ะ?”
“หือ ใช่... ภูผา” ฉันตกใจที่เห็นรถหรูของภูผาที่จอดเทียบข้าง เขากระดิกนิ้วเรียกฉันราวกับเรียกน้องหมาให้ขึ้นรถไปกับเขา ฉันเลยเดินมึนๆ ขึ้นรถไป อันที่จริงยังคงมึนกับจูบของไพเรทนั่นแหละ เอาเป็นว่าฉันจะไม่นับว่ามันเป็นจูบก็แล้วกัน เพราะเขาทำมันเพราะกำลังโกรธอยู่นี่นา
ภูผาขับรถพาฉันมาที่โชว์รูมรถ ซึ่งฉันเองก็ไปไม่เป็นสักนิดที่จะต้องนึกถึงภาพที่ไพเรทดึงฉันไปจูบแบบนั้น ให้ตายเหอะยิ้ม! จูบแรกเลยนะ จูบแรกของฉันที่กะจะเก็บมันให้กับคนที่ตัวเองรัก แล้วนี่อะไรอะ? แค่ความโมโหของเขา ทำให้ฉันต้องกลายเป็นหญิงสาวเสียพรหมจรรย์ไปงั้นเหรอ (บ้าไปแล้ว)
“เฮ้ เป็นอะไรหรือเปล่ายิ้ม ดูเหม่อๆ”
“เปล่า ยิ้มไม่ได้เป็นอะไรพี่ภูผา”
“แหม เรียกแบบนี้โคตรเขินเลยแหะ ว่าแต่ไอ้เรทล่ะ?”
“มะ ไม่รู้สิ พอดียิ้มออกมากจากคอนโดเขาก่อน” ด้วยความที่ตื่นตระหนกกับชื่อของเขา แม้แต่ชื่อก็ทำให้ฉันสะดุ้งได้นะเนี่ย บ้าจริงเลย ฉันและภูผานั่งอยู่ที่โซฟาด้านนอก มองคนงานที่ยังทำงานกันอยู่อย่างหนัก เพราะดูเหมือนว่าอีกไม่กี่วันที่นี่ก็จะเปิดให้บริการแล้ว
“ว่าแต่ยิ้มทำงานอะไรล่ะ ทำไมถึงได้มาอยู่กับไอ้เรทได้?”
“คือตอนนี้ยิ้มดรอปเรียนปีสองไว้ก่อนน่ะ และก็อาศัยบ้านเพื่อนอยู่เพราะมีปัญหานิดหน่อย...”
“อ้าวเหรอถึงว่าสิ ทำไมถึงได้ตกลงช่วยไอ้เรท มันก็สงสัยนะที่จู่ๆ เราก็ไปขอช่วยอะไรมันแบบนั้น ถ้าไม่ติดว่ายิ้มพูดวันนั้นพี่คงคิดว่าเราชอบมัน”
“ไม่ใช่นะพี่ภูผา ยิ้มไม่ได้ชอบเขา”
“ดีแล้วล่ะ อย่าไปชอบมันเลย มันไม่ชอบใครง่ายๆ อีกอย่างรำคาญผู้หญิงที่สุด จะมีอยู่สองคนมั้งที่มันไม่รำคาญก็แม่มันและก็...”
“อ้าวไอ้ภูไหนว่าจะไม่เข้า...!” น้ำเสียงเข้มดังขึ้นทำให้ฉันหันไปมองไพเรทที่มองฉันด้วยสีหน้านิ่งเฉย แต่เป็นฉันอีกสิที่ดันไปจ้องตาเขาและเลื่อนสายต่ำมาที่ริมฝีปากแดง ร่างกายร้อนไปหมดจนฉันลุกขึ้นยืน
“เออ ยิ้มขอตัวก่อนนะพี่ภูผา พอดีมีธุระ”
หมับ
“อ้ะ พะ ไพเรท” ฝ่ามือแกร่งของเขาจับต้นแขนฉันที่เดินสวนเขาไปที่ประตู ไพเรทไม่พูดอะไร แต่กลับลากฉันไปที่ห้องๆ หนึ่งโดยมีสายตาของภูผามองอย่างมึนงง ฉันพยายามดิ้นไปมาให้หลุดจากมือแกร่งแต่ทว่าก็ไม่หลุด ไพเรทปล่อยแขนฉันทันทีมาถึงห้องทำงานที่ดูเหมือนจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
“นายมีอะไรหรือเปล่า?”
“เรื่องจูบ”
“อ่อ ช่างเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรเลย นายโมโหและฉันดันไปกลัวประสาทนายก่อน ฉัน ฉัน...”
“จะหยุดพูดได้ยัง?” ใบหน้าหล่อนิ่งส่งสายตาโหดมาให้ จนฉันหลุบตาลงอย่างนิ่งเฉย ปิดปากตัวเองสนิทและเงยหน้าสบตากับเขาอีกครั้งที่สบตากับเขา
“ถ้าเธอจะลืมมันไป ฉันก็ไม่ว่าอะไร แต่เรื่องที่เธอจะช่วยกันผู้หญิงพวกนั้นให้ ฉันว่าฉันยินดีให้เธอช่วย”
“ก็... นายตกลงแล้ว”
“ใช่ ตกลงแล้ว แต่ถ้าทุกอย่างมันโอเคแล้ว ฉันไล่เธอไปคราวนี้เธอก็ต้องไป เข้าใจ?” ไพเรทมองฉันด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ หมายความว่าถ้าผู้หญิงที่มารังควานเขาเริ่มจางลง และทุกอย่างมันโอเคเขาก็จะไล่ฉัน ซึ่งก่อนจะถึงวันนั้นฉันก็ต้องจัดการเรื่องที่ตัวเองต้องทำด้วยใช่ไหม? โอ๊ยอะไรมันจะยุ่งยากขนาดนี้ฟะ แค่ลำพังจะยั่วเขายังไม่รู้เลยว่าจะสนใจหรือเปล่า นี่ยังจะต้องมาคอยนั่งเก็บกวาดเห็บหอยชะนีบ่างให้เขาอีก อะไรของชีวิตฉันกันเนี่ย!
“ตกลง ถ้าทุกอย่างโอเคแล้ว ฉันจะไปตามที่นายต้องการ”
“ดี หลังจากนี้เธอต้องมาหาฉันที่คอนโดทุกเช้า และมาที่ทำงานกับฉันด้วย ส่วนตอนเย็นทำอาหารเสร็จก็กลับได้ อ่อ... แต่ถ้าวันไหนอยากจะนอนค้างก็ได้ แต่ต้องนอนที่โซฟา” ฉันเบิกตากว้างที่ข้อเสนอของเขามันเข้าทางฉันสุดๆ ฉันฉีกยิ้มกว้างให้กับเขาและพยักหน้ารับโดยลืมเรื่องบ้าเมื่อเช้าไปซะสนิท
“ตกลง ฉันจะจัดการพวกเห็บหอยที่เกาะนายออกไปให้หมด วางใจได้” และนายก็จะอยู่ในกำมือของฉันไพเรท ไอ้หน้านิ่งเฉย ปากดีอย่างนายจะต้องสยบอยู่แทบเท้าของฉัน!
“อือ เข้าใจก็ดีแล้ว เพราะน้องชายฉันมันไม่จบกับฉันแน่ และฉันก็ไม่มีเวลามาเล่นไร้สาระกับมัน เพราะงั้นเธอเสนอตัวช่วยเองนะ ฉันไม่ได้ขอร้องเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่รับประกัน”
“เออ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไม่รู้สิ ฉันไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงพวกนั้นรู้ว่าเธอเป็นเมียฉัน แล้วจะทำยังไงต่อไป” ไพเรทยักไหล่และเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ฉันเหวออยู่แบบนั้น ให้ตายเหอะ ผู้หญิงนี่ น่ากลัวชะมัดเลยแหะ!
ฉันนั่งรอไพเรทอยู่ที่โชว์รูมเพราะว่าเขากำลังดูงานอยู่ เห็นว่าจะรีบทันให้เสร็จต้องมีการเปิดงานด้วย เขาถึงได้ดูยุ่งๆ ไม่มีเวลามานั่งเล่นกับน้องชายของเขา ฉันจับจ้องร่างสูงของเขาที่ยืนนิ่งมองสบตากับคนงานและดูจะเชี่ยวชาญมาก จนฉันถึงกับใจเต้นรัว ฉันไม่รู้ว่าตอนไหนกันนะที่เขาดูมีแรงดึงดูดให้ฉันมองตาไม่กระพริบแบบนี้ ฉันรู้อย่างเดียวว่าเขาดูเท่และหล่อมาก ไม่ใช่พวกที่หล่อไปหล่อมา ไม่ทำอะไร... แต่สำหรับเขามันไม่ใช่สักนิด การทำงานของไพเรทล่วงเลยมาจนดึกมาก และฉันก็นั่งสัปหงกกระทั่งถูกฝ่ามือผลักศีรษะจนตกใจ
“เย้ย! ไพเรท ตกใจหมดเลย”
“นั่งหลับจนจะตกโซฟาแล้วยัยยิ้มกว้าง...”
“งือ เสร็จแล้วเหรอ?”
“ใช่ กลับได้แล้ว ฉันหิวมากด้วยทำอะไรให้กินก่อนจะกลับแล้วกัน” ไพเรทเดินนำฉันไปที่ประตูทางออก ส่วนฉันก็วิ่งตามหลังเขาไปพร้อมกับหาวออกมา มองดูนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่าสามทุ่มกว่าแล้ว เราสองคนมาถึงห้องในเวลาไม่นาน ฉันก็จัดการทำอาหารให้เขาและนั่งกินด้วยกัน เสร็จไพเรทก็เข้าไปอาบน้ำ ฉันล้างจานเลยกะว่าจะกลับเลยถ้าไม่ติดว่ามีคนโทรมาหาซะก่อน
E’GUN
ฉันถอนหายใจออกมา บอกว่าจะไปศัลยกรรม ไหงถึงได้โทรมาหาฉันได้เนี่ย ฉันเปิดประตูระเบียงคอนโดออกไปก่อนจะกดรับสายและมองเข้าไปในห้องเพื่อว่าไพเรทจะเข้ามาได้ยินบทสนทนา มันจะยุ่งเข้าไปใหญ่
“ว่าไงกัน”
(“ฉันจะโทรมาถามว่าเธอเจอเขาหรือยัง?”)
“เจอแล้ว ไพเรทใช่ไหม?”
(“ใช่ ไพเรท และเธอจัดการอะไรได้หรือยัง ฉันอยากจะฟังความคืบหน้า... ตอนนี้ฉันยังไม่ได้ทำศัลยกรรม กำลังเที่ยวอยู่ แต่ถ้าฉันทำเมื่อไหร่ฉันจะบอก และเธอก็ต้องส่งข้อความบอกฉันเสมอ เข้าใจไหมยิ้ม?”) กันพูดข้อตกลงให้ฉันฟังจนครบทุกข้อโดยที่ฉันไม่ต้องพูดอะไรเลย เหอะ สั่งดีนะ ถ้าสำเร็จเมื่อไหร่ ฉันติดต่อพ่อกับแม่ได้นะ ฉันไม่อยู่ในแกโขกสับแน่อีเพื่อนเลว!