ONE TWINS (PIRATE & YIM)
3
ฉันกลับมาจากคอนโดของไพเรทก็ตรงมาที่บ้านทันที แต่ทว่าก็ต้องนั่งอยู่ที่หน้าประตูเพราะว่าเข้าบ้านไม่ได้ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว แต่ฉันยังไม่เห็นวี่แววของปืนกลับมาเลย รู้งี้เอากุญแจไว้ก็ดี หรือว่าเขาจะแก้แค้นฉันที่ปล่อยให้เขารอ เหอะ ไอ้เด็กน้อย! ฉันนั่งตบยุงอยู่หน้าบ้านและเล่นมือถือไปด้วย ฉันปิดเฟสไปแล้วล่ะ เนื่องจากเพื่อนของฉันต่างพากันลบฉันออกจากการเป็นเพื่อน เพราะฉันก็เหมือนคนที่ล้มละลายคนหนึ่งที่ไม่มีใครต้องการไง ชีวิตที่ตกอับ มันทำให้ฉันรู้นะว่ามีไม่กี่คนหรอกที่อยู่กับเรา ถึงแม้ว่ากันจะร้ายกาจที่ใช้ฉันเป็นเครื่องมือให้ไปทำร้ายไพเรท แต่อย่างน้อยยัยนั่นก็ไม่ได้ทอดทิ้งฉันให้โดดเดี่ยว ฉันมองไปที่ประตูรั้วก็เห็นหัวของปืนที่เปิดประตูเข้ามา เขาชะงักที่เห็นฉัน แต่ว่าฉันกลับมองใบหน้าหล่อที่พยายามหลบสายตาฉัน
“มาแล้วเหรอ?”
“ใช่ ว่าแต่ปืนไปไหนมา เลิกเรียนตั้งแต่ห้าโมงแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ต้องยุ่งสักเรื่องจะตายไหม!” เขาตะคอกฉันอย่างหงุดหงิด และเปิดประตูเข้าไปในบ้าน แต่ฉันมองเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาซึ่งเขาถอดสูทออกพาดไหล่ไว้ มันมีรอยเท้าเต็มไปหมด ด้วยความสงสัยฉันเลยเปิดไฟและคว้าไหล่หนาให้หันกลับมามองฉัน
“ปะ ปืน นายไปโดนอะไรมาเนี่ย?”
“อย่ายุ่งได้ไหม รำคาญ!” ฉันมองร่างสูงที่สะบัดตัวจนฉันเกือบจะล้ม มองเขาที่เดินขึ้นบันไดไป ใบหน้าหล่อของเด็กนั่นเต็มไปด้วยรอยช้ำจนฉันตกใจ แต่ว่าจะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ? ฉันกัดปากตัวเองและมองกล่องยาที่อยู่บนชั้น แต่ก็ส่ายหน้าและขึ้นไปที่ห้องอาบน้ำเพื่อจะได้นอน พรุ่งนี้จะต้องไปจ่ายตลาดซื้ออาหารไปประเคนคุณชายไพเรท แต่ว่าดันหิวขึ้นมาซะก่อนก็เลยลงบันไดมาแต่ก็เห็นปืนนั่งอยู่ที่โซฟา เขาสวมแค่กางเกงห้าส่วนตัวเดียว ส่วนท่อนบนก็ถอดเสื้อออก จนฉันเห็นผิวขาวๆ ของเขามีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด
“ทำอะไรเหรอปืน?”
“ยุ่ง”
“เหอะ ตามใจ ไม่ยุ่งก็ได้!” เขามองฉันด้วยสีหน้านิ่งเฉยก่อนจะทำแผลตัวเองต่อไป ส่วนฉันก็เดินสะบัดหน้าเข้ามาในครัวเทนมดื่มและตามด้วยน้ำเปล่า ก่อนจะออกมายืนมองปืนที่กำลังทำแผลด้วยความหงุดหงิด ฉันเดินตรงไปนั่งข้างเขาจนปืนตกใจ
“มานี่ ทำให้”
“ก็บอกว่าอย่ายะ... โอ๊ย! มันเจ็บนะ”
“อยู่เฉยๆ จะไม่เจ็บ จบปะ” ฉันไม่ฟังจิ้มสำลีลงที่ริมฝีปากที่แตกของปืนจนเขามองค้อนฉัน ให้ตายเหอะ นี่สภาพเป็นแบบนี้ต้องไปมีเรื่องกับใครมาแน่นอนเลย
“ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาล่ะ ถึงได้เยิ่นแบบนี้”
“ไม่เผือกสักเรื่องจะตายไหม?” คำนี้มันคุ้นๆ แหะ ฉันเบ้ปากและจัดการทำแผลให้ปืน ก่อนจะเงยหน้าสบตากับเขาที่จ้องมองฉันอยู่
“มองอะไร?”
“เธอทำแผลให้ฉันแบบนี้ จะให้ฉันไปมองหมาที่ไหน ถ้าไม่มองเธอ”
“ปืน!” เขาไม่พูดอะไร แต่ถอนหายใจออกมายาวๆ จนฉันหงุดหงิด แต่ก็ทำแผลให้เขาจนเสร็จ ปืนขยับตัวไปนั่งพิงกับโซฟาส่วนฉันก็เก็บอุปกรณ์ทำแผล และมองไปที่หน้าท้องแกร่งที่มีกล้ามด้วย เด็กสิบแปดมีกล้ามหน้าท้องขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?
“ขอบใจ”
“อืม ว่าแต่ไปมีเรื่องทะเลาะกับใครมา? อย่าบอกนะว่าไม่ได้เข้าเรียน”
“บอกแล้วไงว่าอย่ายุ่ง น่ารำคาญ!” พูดเสร็จก็เดินหนีฉันขึ้นห้องไปเลย เหอะ ก็ไม่อยากจะยุ่งหรอกนะ เห็นอยู่ด้วยกันถ้าไม่ถามไถ่กันก็จะเรียกว่าอยู่หรือไง? นิสัยแบบนี้มันน่าจับตีให้ตายเลยนะ
รุ่งเช้าฉันก็ออกจากบ้านแต่เช้า ไม่สนใจปืนที่ยังไม่ตื่นหรอก จะไปเรียนหรือไม่ไปก็แล้วแต่ ฉันสิตอนนี้กำลังถือของพะรุงพะรังไปที่ห้องของไพเรท ก่อนจะกดกริ่งอยู่นานเขาก็เปิดประตูออกมาด้วยท่าทางที่งัวเงียเหมือนกับเพิ่งจะตื่น
“มาแล้วเหรอ? ซื้ออะไรมาเยอะแยะ”
“ก็ของสดไง ทำอาหารให้กิน”
“ไม่ ไปซื้อสำเร็จมา ฉันไม่อยากท้องเสียตอนเช้า”
“ปากเสียจริงๆ นะที่สำคัญปากเหม็นมากด้วย!” ไพเรทลืมตามองฉันด้วยสีหน้านิ่งเฉย และยกมือปิดปากตัวเอง เขาคงจะลืมไปมั้งว่าตัวเองเพิ่งจะตื่นและดันพูดออกมา แต่ฉันไม่ได้กลิ่นหรอกนะ แค่อยากจะแกล้งเขาเท่านั้น เพื่อว่าจะได้เห็นสีหน้าที่ตกใจ แต่เปล่าเลย หมอนั่นเดินหมุนตัวเข้าห้องไปโดยไม่สนใจฉันสักนิด
“เหอะ แล้วนายจะรู้ว่าอาหารฝีมือฉันเนี่ยล่ะ จะทำให้นายหลงใหลในตัวของฉัน ไพเรท!”
ฉันทำอาหารซึ่งง่ายๆ เลยก็หุงข้าว และทำกับข้าวไม่กี่อย่าง หน้าตาน่าทานมาก อย่าคิดดูถูกฉันนะ เพราะถึงฉันจะเป็นลูกคุณหนู แต่แม่ของฉันก็พยายามให้ฉันเป็นแม่ศรีเรือนโดยการส่งฉันไปเรียนทำอาหาร ทำขนม ซึ่งตอนแรกฉันไม่ชอบเลยสักนิด แต่ว่าเวลาทำอาหารมันทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขนะ เหมือนได้ใส่ใจในการทำอาหารและไม่คิดอะไรนอกจากจะทำอาหารให้ดีที่สุด อาหารของฉันไม่มีรสชาติห่วยแตกนะ แต่อร่อยมากต่างหาก
“ตกลงไปซื้อมายังเนี่ย ฉันหิวแล้วนะ”
“เหอะ ไม่ซื้อแต่ฉันทำต่างหาก...” ไพเรทเดินออกมาจากห้องนอนด้วยชุดสบายๆ แสดงว่าวันนี้เขาไม่ไปไหนงั้นสิ เขาเดินมานั่งที่โต๊ะและมองอาหาร ก่อนจะไล่สายตามามองฉัน
“กินได้แน่นะ”
“อือ รับรองว่านายจะติดใจ และอยากให้ฉันทำมันให้กินทุกๆ วัน”
“มั่นใจขนาดนี้เชียว?” ฉันยักไหล่ก่อนจะตักข้าวให้เขาและจับจ้องใบหน้าหล่อนิ่งที่ตักอาหารคำแรกเข้าปาก เขาหน้านิ่งมากแต่ก็สบตากับฉัน
“อร่อยดี”
“ไม่ใช่อร่อยดี แต่ต้องอร่อยมากต่างหาก”
“หึ” ฉันมองเขาที่ยิ้มมุมปากและตักอาหารกินอย่างหน้าตาเฉย กระทั่งกินเสร็จเรียบร้อยฉันก็จัดการล้างจานให้เขา ไพเรทมองมือถือตัวเองและออกอาการหงุดหงิดจนฉันมึนงง
“มึงไม่จบใช่ไหมไอ้เพท!”
“เออ มีอะไรหรือเปล่าไพเรท?”
“อย่าถามมากจะได้ไหม รำคาญ!” ไพเรทหันมาตะคอกฉันด้วยสีหน้าที่โมโหมากๆ จนฉันตกใจ อะไรของเขา? โมโหใครในมือถือควรจะมาลงที่ฉันไหมเนี่ย
“ไพเรทนายอย่างี่เง่าดิ ฉันไม่ผิดเลยนะ มาตะคอกกันได้ไงเนี่ย”
“โว้ย รำคาญเว้ย!” ใบหน้าของเขาหงุดหงิดมากจนฉันถึงกับไปไม่ถูก อะไรของเขากัน? เพทนี่คือน้องชายเขาใช่ไหม ที่เขาบอกเมื่อคืน ทำไมถึงตามรังควานเขาจัง พี่น้องประสาอะไร? ฉันกอดอกและมองร่างสูงที่เท้ามือลงกับโซฟา
“คนที่ชื่อเพทที่บอกว่าเป็นน้องชายนายใช่ไหม?”
“อย่าเอ่ยชื่อมันให้ฉันได้ยินได้ปะ”