“จิตใจสตรียากแท้หยั่งถึง” หนุ่มรูปงามกล่าว
“โถ คุณชายช่างอ่อนต่อโลก และไม่ได้เรื่องเสียจริง”
นางเอ่ยจบก็ก้าวไปยังเตียงนอน เริ่มปลดสายรัดเอว และเสื้อคลุมตัวนอกออก ก่อนกระดิกนิ้วเชิญชวนให้ฉีหยางซิ่วก้าวเข้าไปหา
“นั่น...อาเพ่ย เจ้ากระทำการใด” เขาว่าเสียงตื่น เหงื่อแตกพลั่กเต็มหน้าผาก
ดวงตาแฝงกิเลสหยาดเยิ้มของเพ่ยเพ่ยมองมาที่หนุ่มรูปงาม แล้วเอ่ยเสียงแหบพร่า
“คุณชายย่อมรู้ดีแก่ใจ ข้ารอเวลานี้มาเนิ่นนาน กระทั่งถึงวันที่อยากเก็บเกี่ยวผลแห่งรักที่กำลังสุกงอม”
ฉีหยางซิ่วหาใช่ชายหนุ่มไม่ประสีประสา เขารู้เล่ห์กลของนาง หากยอมโอนอ่อนผ่อนตามแต่โดยดี เขาก้าวไปข้างหน้าช้าๆ จวบจนยืนอยู่เบื้องหน้าหญิงสาวที่มีเรือนร่างอวบอิ่ม และกลิ่นกายก็หอมจัดชวนให้คิดถึงเรื่องบัดสี
ริมฝีปากสีสดของเพ่ยเพ่ยเผยอเล็กน้อย มือนุ่มนิ่มของนางวนเวียนอยู่กับสายรัดเอวของหนุ่มรุ่นน้อง วันนี้เขาเติบโตเต็มวัย มิใช่เด็กหนุ่มอย่างเช่นวันวานที่แรกพบหน้า
“คุณชายคิดว่าข้าเป็นสตรีประเภทใด วานบอก”
นางกล่าวพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากอวบอิ่ม แสร้งทำกิริยาราวกับอยากใช้ลิ้นเล็กๆ ไล้เลียผิวกายขาวละเอียดของอีกฝ่าย
“ฮึ คนค้าขายนั่นย่อมหวังได้กำไร และคุณหนูคงเห็นข้าเป็นสินค้า
ประเภทหนึ่ง แต่น่าเสียดาย ตัวข้ายากที่จะทำให้ท่านพึงใจ”
“คุณชายถ่อมตัวเกินไป อย่างน้อยท่านก็เป็นชาย และหญิงสาวอย่างข้าก็นิยมชมชอบบุรุษงามมากกว่าภาพวาด ท่านรู้ไหม การสัมผัสเนื้อตัวและได้ลิ้มรสหอมหวานจากเรืองร่าง คือสิ่งประเสริฐที่บุรุษพึงมอบให้แก่นางผู้ที่เป็นที่รักของเขา”
เพ่ยเพ่ยว่าจ้างให้ฉีหยางซิ่ววาดภาพชายงามในหอคณิกาชาย แม้จะเป็นเรื่องลามกอนาจาร แต่หญิงสาวชมชอบมาก นางนำรูปภาพเหล่านี้ไปขายในกลุ่มแม่หม้ายและเหล่าคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่นิยมเรื่องคาวโลกีย์ รวมถึงพวกขันที และบุรุษที่นิยมชมชอบชายงาม
ฉีหยางซิ่วเป่าลมหายใจออกมาพรูใหญ่ การลูบไล้ร่างกายของเพ่ยเพ่ยปลุกเร้าอารมณ์ให้ลุกโชน แม้จะมีเสื้อผ้าขวางกั้น แต่ยามนี้เขาถูกกระตุ้นจนแทบอยากโน้มกายทับร่างหอมกรุ่นตรงหน้า
“อาเพ่ย...โปรดยั้งมือ”
เสียงเขาสั่นกระเส่า แม้จะเคยต้องมือหญิงมาก่อน แต่การถูกรุกอย่างหนักหน่วงจากนางที่หมายตาเพิ่งจะเกิดขึ้นครั้งแรก
“หืม คุณชายท่านคิดเลื่อนเปื้อนประการใด ข้าเพียงเย้าหยอก เอาละ...พู่กันกับผืนผ้าไหมเนื้อดีจากห้างซือเชี่ยนวางอยู่บนโต๊ะ โปรดจัดการหน้าที่ของท่าน ก่อนที่ข้าจะหมดอารมณ์” นางว่าแล้วก็ผลักหน้าอกเขาเบาๆ ออกห่างตัว
จากนั้น นางรับใช้สองคนของเพ่ยเพ่ยก็ก้าวเข้ามาในห้อง พร้อมเครื่องดื่มและผลไม้
ฉีหยางซิ่วขมวดคิ้วมุ่น เขาสับสนในตอนแรก กระทั่งกระจ่างใจว่านางแค่ปั่นหัวเขาเล่น และที่มาเยือนในยามวิกาลก็เพียงแค่ต้องการเป็นแบบให้เขาวาดรูป
“นั่นคือความต้องการของคุณหนูจริงหรือ” เขาถามย้ำ พลางมองนางด้วยดวงตาหวานซึ้ง
“ใช่ หรือท่านคิดว่า ข้าเป็นผู้หญิงใจง่ายพรรค์นั้น”
ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ก่อนสลัดความงุ่นง่านออกมาจากตัว เป็นยามนั้นที่เพ่ยเพ่ยถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก ตามด้วยชุดด้านในที่ปกปิดสัดส่วนอันเย้ายวน
เพียงพริบตา ร่างอวบอัดก็มีเพียงผ้าไหมสีแดงเนื้อดีคลุมเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ หัวใจชายหนุ่มเต้นระส่ำ เขาหลงใหลรูปโฉมนี้จนมือไม้อยู่ไม่เป็นสุข
“วาดรูปข้าให้สำเร็จก่อนเถิด อย่าเพิ่ง...ซุกซนคิดถึงสิ่งอื่น มิเช่นนั้น ข้าจะปรับคุณชายจนไม่ให้มีเสื้อผ้าสวมใส่ กลายเป็นศิลปินเปลือยกายล่อนจ้อน นุ่งลมห่มฟ้า”
นับจากคืนนั้น ฉีหยางซิ่วได้ก้าวออกจากโลกใบเล็กไปสู่ยุทธภพอย่างที่เขาวาดฝัน ถึงจะเป็นยุทธภพที่แต้มแต่งกิเลสและราคะแต่เขาหา
ได้นำพา ชายหนุ่มได้คบหากับสหายซึ่งต้องการภาพวาดหญิงงาม ตั้งแต่คนหาเช้ากินค่ำจนถึงคหบดีผู้ร่ำรวยและคนในราชสำนัก
กระทั่งสืบทราบถึงความตายของบิดาและความโชคร้ายของมารดาซึ่งด่วนจากไปหลังจากเขาลืมตาดูโลกได้ไม่นาน แต่สุดท้าย พรสวรรค์ของฉีหยางซิ่วต้องพบอันตรายถึงชีวิต เมื่อการวาดรูปเปลือยของเพ่ยเพ่ยหลุดไปถึงหูฉีเจียนหลิว
1 ปีต่อมา
ความตายอย่างเป็นปริศนาของเหล่าคณิกาทั้งหญิงชาย กลายเป็นคดีสะเทือนขวัญต่อผู้คนในเมืองจิ่นสือ ผืนดินที่มีห้าขุนเขาไหมงามล้อมรอบ หลายเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเกิดจากการทำเรื่องชั่วช้า ด้วยการมีภาพเขียนชุนกงเป็นต้นเหตุ
กล่าวกันว่า วิญญาณปีศาจในภาพเขียนเหล่านั้นร่วมหลับนอนทำบัดสีกับผู้ที่ครอบครอง จากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นศพถูกควักหัวใจ ส่วนคนที่เป็นแบบในภาพวาดนั้นต่างได้รับเคราะห์กรรมเลวร้ายมิต่างกัน ต่างถูกตัดหัว ควักลูกตา ก่อนถูกนำไปทิ้งตามจุดต่างๆ ในเมืองจนเป็นที่อกสั่นขวัญแขวน เรื่องนี้กลายเป็นคดีสะเทือนขวัญครึกโครมไปทั่ว
“คุณชายกำลังตกอยู่ในอันตราย ปีศาจร้ายกำลังออกอาละวาด มันสร้างความตื่นกลัวให้ผู้คน และท่านตกอยู่ในอาญาบ้านเมือง”
“ปีศาจ เจ้าเชื่ออย่างนั้นหรืออาเพ่ย” ฉีหยางซิ่วถามสาวงาม
เขาแทบไม่คาดคิดว่านางก็พลอยตื่นตระหนกไปกับข่าวลือ แม้จะมีศีรษะของเหยื่อและร่างที่ถูกควักหัวใจให้พบเห็น แต่โลกนี้จะมีปีศาจได้อย่างไร คนอย่างเขาไม่มีวันเชื่อ!!
“หากไม่ใช่ฝีมือของมัน คุณชายจะให้ข้าคิดเป็นอื่นอย่างงั้นหรือ” นางว่าแล้วก็ยกมือทาบหน้าอก ดวงหน้าขาวซีดไร้สีเลือด “รูปของข้า แม้จะ
ไม่มีชายใดได้เชยชมนอกจากท่าน แต่ข้าก็เกรงว่าอาจมีภัยถึงตัว”
“อย่ากังวลไปเลย รูปของเจ้ามิเหมือนสาวงามนางอื่น ที่สำคัญ ข้ายังไม่ได้วาดใบหน้าเสียด้วยซ้ำ”
เพ่ยเพ่ยใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย ภาพวาดเหมือนจริงของนางยังไม่ได้เติมใบหน้าให้สมบูรณ์ ทั้งนี้เป็นเพราะนางขอร้องไว้ กระนั้น ทรวดทรงองค์เอว และลายเส้นที่อ่อนช้อยก็ยั่วยวนกิเลส ตอนนี้ภาพวาดดังกล่าวถูกเก็บไว้ในที่ลับตา นับแต่คืนนั้นไม่มีใครได้พบเห็นอีก
“ตามที่ข้าคาดการณ์ ข่าวลือเรื่องปีศาจ อาจเป็นสิ่งที่ฉีเจียนหลิวสร้างเพื่อหลอกลวงชาวเมือง และหวังทำลายชื่อเสียงของเฟิ่งหวงสีแดงเพลิง!”