หยกเอารองเท้าคล้องแขนให้มันไปอยู่กับคู่ของมัน ถอนหายใจหนักๆ อีกรอบแล้วลุกขึ้น
“ขอบใจนะโหยะ”
“ขึ้นมา” หยกชี้นิ้วไปยังเท้าหงิกงอสองข้างของเธอซึ่งเคลือบเล็บอย่างดี แล้วชี้มาบนรองเท้าของตัวเอง แอนนาทำหน้างง หยกขี้เกียจพูด เขาเกี่ยวเอวบางดึงเธอขึ้นมายืนบนรองเท้าผ้าใบของเขา
“แบบนี้รองเท้าโหยะก็เปื้อนหมดสิ” แอนนากอดเอวเขาไว้เพื่อพยุงตัวเอง
“นี่ก็เปื้อนจนไม่รู้จะเปื้อนยังไงแล้ว แล้วเธอเป็นเด็กสามขวบรึไง เรียกโหยะอยู่ได้ หยก หยก หยก ท่องไว้” หยกบอกแล้วหันไปเลือกรองเท้าขนาดที่ใกล้เคียงกับเท้าของเธอ “เอ้านี่ เบอร์เล็กกว่านี้ไม่มีมั้ง ใหญ่ไปนิดไม่เป็นไรหรอก”
แอนนารับรองเท้าแตะหูคีบพื้นสีขาวหูสีฟ้ามาดูเบอร์ มันใหญ่กว่าที่เธอใส่ไปหนึ่งเบอร์
“มีเท่าที่โชว์นั่นแหละหนู” เจ้าของร้านบอกด้วยประโยคยอดฮิต เมื่อเดินออกมาเห็นท่าทีลังเลของหญิงสาว เขามองเท้าเล็กๆ ซึ่งอยู่บนรองเท้าของหยก มองปราดเดียวก็รู้ว่ารองเท้าไซซ์ของเธอเพิ่งหมดจากสต๊อก
“เอาไง ถ้าไม่ชอบก็ซื้อรองเท้านักเรียนใส่” หยกพยักพเยิดไปยังรองเท้านักเรียนหญิงสีดำที่เรียงกันอยู่บนชั้น “หรือจะเอารองเท้าลูกเสือ”
“เอาคู่นี้แหละ ที่โรงแรมเรามีคัชชูส์อีกคู่ ไปถึงค่อยเปลี่ยนใส่คู่นั้น”
หยกดึงรองเท้ากลับคืนมา จากนั้นก็ก้มวางลงบนพื้นให้เธอสวม แอนนาล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาจะจ่ายเงิน แต่หยกดันมือเธอไว้ แล้วล้วงกระเป๋าสตางค์ใบเก่าออกมาทำให้ของเล่นที่ซื้อให้หลานร่วงลงพื้น
“ฉันซื้อให้ ชดใช้เรื่องลูกชิ้นที่ฉันกินไป” เขาส่งเงินให้เจ้าของร้านเสร็จก็ก้มเก็บช็อกโกแลตที่หัวเป็นของเล่นขึ้นมา พลาสติกบางๆ ไม่ทนต่อแรงกระแทกเท่าไร มันแตกจนเล่นไม่ได้แล้ว แอนนาเห็นหยกเงียบไปจึงชะโงกไปมอง
“แตกเหรอ”
“อืม มันไม่แพงหรอก แต่เป็นอันสุดท้าย ฉันไม่ค่อยมีอะไรให้ตัวเล็ก แกน่าจะดีใจมากนะ ถ้าได้มัน” เสียงเขาแผ่วเบา “รอยยิ้มที่บริสุทธิ์ของแก คือกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ของฉัน”
หยกเหลือบมองแอนนา สีหน้าเธอรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด แล้วตอนนี้เธอก็ดูตัวเล็กลงไปเยอะเมื่อสวมรองเท้าแตะ เหมือนเด็กมัธยมต้นยืนคุยกับรุ่นพี่มหาวิทยาลัยที่เป็นนักบาสทีมชาติอย่างไรอย่างนั้น
“ขอโทษนะ เราช่วยอะไรได้ไหม”
“ไม่ใช่ความผิดของเธอ เดี๋ยวฉันไปดูที่เซเว่นอีกสาขา อยู่ไม่ไกล เราแยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน” เขาจับมือเธอขึ้นมา “ฝากไปทิ้งด้วย”
แอนนาก้มมองช็อกโกแลตพร้อมของเล่นที่ชำรุดในฝ่ามือ เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นแผ่นหลังของเขาเดินหลบหลีกผู้คนไปตามทางเก่า โดยที่ในมือของหยกมีรองเท้าส้นสูงของเธอกวัดแกว่งไปมา เขาเดินผ่านร้านสะดวกซื้อสาขาเดิมและหายไปท่ามกลางฝูงชน
แอนนาถอนใจ ขยับเท้าจะเดินก้าวแรก พื้นรองเท้าใหม่ที่ยังลื่น หลวม หูยานๆ บวกกับถนนที่แฉะทำให้เธอต้องจดจ่อสมาธิอยู่กับทุกย่างก้าว และเดินไปได้อย่างช้าๆ
ผ่านไปประมาณสิบนาทีหยกก็เดินกลับมา เขามองเห็นแอนนาเดินอยู่ข้างหน้าด้วยท่าทางที่ดูตลก พอเข้าใกล้ก็เห็นน่องของเธอเต็มไปด้วยรอยดีดของน้ำสีดำๆ ซึ่งกระเด็นมาจากพื้น และกำลังตกเป็นเป้าความสนใจของคนแถวนั้น เขาจึงรีบสาวเท้าให้ทัน
“อุ๊ย!”
แอนนาหน้าหงายเมื่อโดนกระตุกผม
“หยก” แอนนาร้องเรียกร่างสูงใหญ่ที่เดินมาตีคู่
“ได้ของไหม”
หยกตบที่กระเป๋าเสื้อ “ได้สิ ถ้าไม่ได้ก็คิดว่าจะเดินไปอีกสาขา”
“ดีใจด้วยนะ”
“ไป” หยกเหลือบตามองที่แขนขวาของตัวเองซึ่งงอขึ้นมาเล็กน้อยส่งสัญญาณบางอย่างที่แอนนาเข้าใจ เธอสอดมือเข้าไปคล้องแขนของเขาทันที
“เอารองเท้ามา เราถือเอง” แอนนายื่นมือขอรองเท้าส้นสูงที่หยกคล้องไว้ในข้อมือข้างซ้ายระหว่างเดินกลับโรงแรมไปด้วยกัน
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ” เขาปฏิเสธที่จะคืนรองเท้าให้เจ้าของ
เมื่อเห็นว่าถนนข้างหน้าไม่มีน้ำขัง หยกก็หันมาถามคนที่เดินเกาะแขน “เธอมีทิชชูไหม”
“มี เอาแบบเปียกหรือแห้ง”
“เปียก”
พอแอนนาหยิบทิชชูจากกระเป๋าสะพายให้เขาแล้ว เธอก็ยืนนิ่งไป ไม่คิดว่าหยกจะย่อตัวลง สัมผัสเย็นๆ ของทิชชูเปียกทำให้เธอหันไปมอง หยกกำลังใช้มันลูบที่ขาให้เธอ ตั้งแต่ขาท่อนบนและลูบลงมาตามน่อง เขาเปลี่ยนทิชชูไปสามสี่แผ่น จากนั้นก็เช็ดที่ส้นเท้าของเธอ และหลังเท้า
เมื่อขาเรียวยาวปราศจากรอยดีดแล้วหยกก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับถอนหายใจ แอนนายังอยู่ในอาการชะงักงัน หยกมองหน้าเธอ เขาเผลอยิ้มน้อยๆ และหัวเราะเบาๆ
คราวนี้ชายหนุ่มไม่งอแขนให้เธอจับแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นโอบร่างบางเข้ามาในอ้อมแขนแล้วพาเดินไปข้างหน้า หางตาเหลือบเห็นแอนนายิ้มเขิน
“คิดอะไรเยอะฮึ ฉันไม่อยากให้รองเท้ามันดีดขึ้นมาเปื้อนขาเปื้อนกระโปรงเธออีก” ข้ออ้างนี้น่าจะฟังขึ้นใช่ไหม หยกถามตัวเอง
“เหรอ เปื้อนกระโปรงด้วยเหรอ เยอะไหม” แอนนาออกอาการกังวล
“นิดเดียว มองแทบไม่เห็น กระโปรงเธอมันไม่ได้ยาว เธอก็เดินลากขาเอาหน่อยๆ สิ ถนนตรงนี้แห้งแล้ว เดี๋ยวรองเท้าแห้งมันก็ไม่ดีด”
การบอกให้เธอเดินช้าพร้อมกับรั้งร่างบางไว้กลายๆ ทำให้ระยะทางอีกแค่ห้าสิบเมตร ต้องใช้เวลาเดินนานมากๆ นั้น สาบานว่าหยกไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ
แต่มันก็...ดีนะ