“ไม่ต้องถามมาก รีบขึ้นรถได้แล้ว” เขาไม่ชอบสายตานักศึกษาหลายคนที่หันมามอง โดยเฉพาะไอ้หน้าหล่อที่เข้ามาชวนอารยาคุย มือใหญ่กุมข้อมือเล็กดึงให้มาขึ้นรถไม่สนใจเสียงแหลมๆ ของหล่อนที่คอยถามจุดประสงค์
เมื่อขึ้นมานั่งบนรถกำลังจะถามอีกครั้ง ทว่าสายตาอารยากลับมองไปเห็นเอกสารสมัครฝึกงานของตน หยิบขึ้นมาดูแล้วเอียงใบหน้าไปมองเขา
“ไม่ผ่านการคัดเลือก ไปสมัครช้าเกินไป” เขาตอบในขณะหมุนพวงมาลัยเลี้ยวออกไป สนใจแค่กระจกมองหลังจึงไม่เห็นใบหน้าแสนเศร้า
ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็รู้ผลเร็วขึ้นจะได้สมัครที่อื่นทัน อารยาพยายามปลอบใจตัวเอง แม้ข้างในหัวใจจะอ่อนล้าเหลือเกินกับหลายสิ่งที่ต้องแบกรับ
ไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นทั้งนั้น เขาเคลื่อนรถเข้ามาจอดในลานจอดภายในหอพัก ไม่ได้ดับเครื่องยนต์ เอียงใบหน้าหล่อเหลามามองเด็กดื้อ
“มีที่อื่นที่ดูไว้หรือเปล่า หรืออยากฝึกงานสายอื่นอีกไหมจะแนะนำ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยว… อายลองไปหาข้อมูลดูเองก่อนดีกว่า ขอคืนเลยนะคะเอกสารพวกนี้” ส่งยิ้มให้แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยก็ตาม ถือวิสาสะเก็บใส่กระเป๋าสะพายข้าง ก็ดีแล้ว… จะได้ไม่ต้องไปรบกวนให้อาจารย์ที่คณะเซ็นให้อีกชุด ใช้ปากกาลบคำผิดลบชื่อสถานที่ฝึกงานและตำแหน่งออก ค่อยนำไปยื่นสมัครที่อื่นต่อ แต่นี่ก็ใกล้ปิดเทอมแล้วกลัวจะหาที่ฝึกงานไม่ได้จัง
“บอกมาก็จบแล้วว่าอยากฝึกที่ไหน จะฝากงานให้”
“แล้วถ้าอายบอกว่าอยากฝึกที่โรงแรมของอาภีมล่ะคะ”
“ก็… มันเต็มแล้วนี่ ทำไมไปยื่นช้าล่ะ”
นั่นไง บอกไปเขาก็ไม่ยอมรับตนเองเข้าทำงานเหมือนเดิม สงสัยไม่อยากเจอหน้าบ่อยๆ อารยาน้อยใจจึงไม่คิดจะถามอะไรเขาอีกแล้ว
“จะลองดูสาขาอื่นให้แล้วกัน” เห็นหล่อนมองไปทางอื่นจึงคิดว่าอายคงน้อยใจแน่ๆ เฮ้อ ทำไมเขาต้องมาง้อเด็กคนนี้ด้วยนะ เสียลุคหมดเลย
“ไม่เป็นไรค่ะ อายหาเองดีกว่า อายไม่อยากไปต่างจังหวัด” ไปก็ต้องจ่ายมากขึ้น อย่างน้อยก็ค่าหอพัก การเดินทาง และค่าอาหารช่วงวันหยุด
“อาภีมตั้งใจมาบอกแค่นี้ใช่ไหมคะ อายว่าจะไปข้างนอก”
“ไปไหน แล้วเมื่อกี้ไปทำอะไรร้านโทรศัพท์ แล้วไอ้เด็กคนนั้นมันมาคุยอะไรด้วย” ได้ถามแล้วก็ถามยาวอย่างลืมตัว พยายามตีสีหน้าขรึมเข้าไว้
“ถึงจะไม่ใช่นักธุรกิจแบบอาภีม แต่อายก็มีธุระเหมือนกันนะ” อุบอิบไว้ไม่อยากบอกเขาว่าจะออกไปดูว่ามีที่ไหนประกาศรับสมัครงานหรือเปล่า ที่ไปร้านโทรศัพท์เพราะอยากซ่อม โทรศัพท์ของหล่อนเปิดไม่ติดแต่ช่างไม่รับทำเนื่องจากมันเก่ามากแล้ว เขาแนะนำให้ซื้อใหม่แต่อารยาขอเก็บมาคิดก่อน
“เหรอ นึกว่าจะหางานทำเพิ่มซะอีก จะได้บอกว่าแม่บ้านที่คอนโดลาออกยังไม่มีใครมาสมัคร แต่ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้จะออกไปหางานทำนี่นา ใช่ไหม” เลิกคิ้วขึ้นสูงมองนัยน์ตาแป๋วๆ ที่เบิกกว้างมากขึ้น ริมฝีปากสวยระบายรอยยิ้มอ่อนๆ ออกมา จากแสนเศร้ากลายเป็นสดใสในวินาทีถัดมา
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่ พอดีร้านมินิมาร์ทที่เคยทำเขาให้หลานมาทำต่อแล้ว อายจะออกไปหางานทำค่ะ อาภีมให้อายทำนะ นะคะ…” อ้อนเสียงหวาน
ทีอย่างนี้ล่ะเสียงอ่อนตาใสใส่เชียวนะ ร้ายกาจซะจริง ภีมพลเก็บจะหลุดยิ้มออกมา ดีที่เก๊กไว้ทันจึงยังคงรักษาสีหน้าขรึมๆ นั้นไว้ได้
“อายทำได้ทุกอย่างจริงๆ นะ ยกเว้น… ทำอาหาร” รสชาติไม่เอาอ่าวสุดๆ เลยแหละ แต่ข้อนี้อาภีมเองก็รู้อยู่แล้ว และวิจารณ์หล่อนไปแล้วด้วย
“กวาดห้อง ถูห้อง เก็บที่นอน ซักผ้า ซักรองเท้า จัดของ สบายมากเลย ถ้าจ้างอายอาภีมจะได้ประหยัดเวลาสัมภาษณ์งาน ประหยัดเวลาสังเกตพฤติกรรม ถ้าไม่ชอบก็จะได้บอกให้ออกง่ายมากขึ้น ถือว่าดีนะคะ”
“พูดพอหรือยัง” เขาสวนกลับมาคำเดียวเท่านั้นแหละอารยาก็รีบหุบปากทันที ปากเล็กจิ้มลิ้มถูกยื่นออกมาเล็กน้อย ให้รู้ว่าคนฟังกำลังงอน
“จะไม่ให้งานก็เพราะพูดมากนี่แหละ” เอ่ยต่อด้วยเสียงเข้ม สีหน้าดุ
“อังคาร ศุกร์ อาทิตย์ ทุกวันทำทุกอย่าง ยกเว้นวันอาทิตย์ต้องทำความสะอาดใหญ่ จะให้คนเอากุญแจมาให้ เรื่องเงิน อยากได้เท่าไหร่”
“แล้วแต่อาภีมจะให้ค่ะ” ตอบเขาเสียงเบาลงมาก กลัวจะพูดอะไรออกมาแล้วเขาเปลี่ยนใจไม่จ้างแล้ว อารยาน้อยใจภีมพลรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้
“อื้ม ก็ดี เงื่อนไข ถ้ามีใครมาต้องรีบกลับทันที อย่าให้ต้องบอก” คงจะหมายถึงสาวๆ ในสต็อคของเขาสินะ ฟาดฟันบนเตียงให้เสร็จสมอารมณ์หมายแล้วใช้หล่อนไปเก็บสังเวียนรักสินะ หัวใจดวงน้อยเกิดเจ็บแปลบ วูบๆ โหวงๆ อยู่ภายในอก ถ้ายัยน้ำส้มบังเอิญมาเจอก็คงจะถูกหัวเราะเยาะใส่อีกครั้ง
“ค่ะ อาภีมมีอะไรอีกหรือเปล่าคะ”
อารยาขานรับอย่างไร้ข้อโต้แย้งใดๆ ไม่แม้กระทั่งจะหันไปมองหน้าเขาด้วยซ้ำ อยากจะรีบไปให้พ้นหน้าอาภีม เขาทำเหมือนไม่อยากคุย ไม่อยากเห็นหน้า อารยาก็ไม่รู้ว่าจะไปตื้อชวนคุยทำไม นาทีนี้คิดถึงบ้านสุดใจ คิดถึงพ่อ แม่ และป้าแม่บ้านที่เคยอยู่ด้วยกันหลายปี ทุกคนล้วนทิ้งหล่อนไปหมดแล้วจึงไม่มีใครให้กลับไปหา และไม่มีที่ให้กลับไป รอฟังพักหนึ่งเขาไม่พูดอะไรก็หลบสายตา แล้วยกมือไหว้
“ขอบคุณอาภีมนะคะที่เมตตามาส่งข่าวและให้งาน อายขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ” สบสายตากับเขาแว็บเดียวเท่านั้น มือเล็กก็เปิดประตูลงจากรถเบนซ์ราคาหลายล้าน เดินเหม่อลอยเข้าไปข้างในมีจุดหมายปลายทางคือเตียงนอนแสนอุ่น อยากโถมกายลงนอนกอดหมอน ดึงผ้าห่มมาคลุมโปงแล้วร้องไห้ออกมาดังๆ ใจจะได้จำสักทีว่าเขาเย็นชาและใจร้ายมากแค่ไหน
เผื่อสักวัน… จะหยุดรักเขาได้