เยว่จือกำลังดูแลสองแฝดในครัวที่กำลังมีความสุขมากกับอาหารง่าย ๆ ที่ม่านอวี้อันทำให้ พอเด็กสาวเห็นม่านอวี้อันถือของกินเข้ามา เธอจึงกุลีกุจอไปช่วยถือ ขณะนั้นเด็กชายทั้งสองต่างมองตาโต พวกเขาคิดว่าวันนี้คงเป็นปีใหม่หรือวันเด็ก แม่ถึงได้รับของแจกเข้าบ้านเยอะแยะไปหมด
“มัมมี้ ให้น้องช่วยไหม” เซียงเจียวยิ้ม ดวงตากลมโตของเขาเป็นประกาย
“ไม่เป็นไรเจียวเกอ กินข้าวให้เรียบร้อย เวลาเคี้ยวอาหารต้องไม่พูดนะจ๊ะ เดี๋ยวติดคอ”
เซียงเจียวพยักหน้ารับคำม่านอวี้อัน ส่วนผิงกั่วหันมามองเธอ สายตาเขาดูมีพิรุธอยู่สักหน่อย
“เอ ผิงเกอ ไม่ชอบไข่ข้นกับมันฝรั่งบดเหรอลูก กินหมี่ผัดกับไก่ย่างไหม ป้าลี่เอามาฝาก”
เธอบอกลูกคนโตแล้ววางจานอาหารที่ลี่ฮุ่ยเอามาให้ลงบนโต๊ะ เด็กชายไม่ตอบแต่หันไปมองไก่ย่าง พอเห็นน้องชายหยิบขาไก่ขึ้นกัด เขาจึงเลือกชิ้นที่ชอบแล้วนั่งกินเงียบ ๆ ผิงกั่วของเธอช่างเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย
“มาดามเรียกอาหารเข้าบ้านได้จริงด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ” เยว่จือถาม เด็กสาวตื่นเต้นไม่แพ้ฝาแฝด
ม่านอวี้อันไม่ใช่เทพเซียนหรือนางฟ้านางสวรรค์ เธอมาที่นี่โดยไม่มีลิ้นชักมหัศจรรย์ สัตว์เทพช่วยเนรมิตอาหาร หรือห้องเก็บอุปกรณ์ต่างภพที่สามารถหยิบฉวยเครื่องปรุงต่าง ๆ ได้ดั่งใจนึกอย่างหนังสือที่เคยอ่านเมื่อตัวละครเอกย้อนเวลามาในโลกอื่น เธอก็แค่คนธรรมดา ที่จะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองอดอยากและหิวจนเป็นลมตาย ซึ่งตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องปากท้อง เธอย่อมหาทางเอาตัวรอดให้ได้ เมื่อไม่มีเงิน จึงต้องใช้สมองกับความรู้ที่มีในตัวอย่างเต็มที่
“ฉันก็ใช้ฝีมือและการเล่นงิ้วเล็ก ๆ น้อย ๆ บางทีเราก็ควรจะหัดร้องรำให้เกินจริงสักหน่อย จำไว้นะเยว่จือ โลกไม่โหดร้ายเกินไป ขอเพียงเธอลุกขึ้นสู้ด้วยสมองและสองมือ ถ้าล้มก็ลุกขึ้นใหม่ ถ้าล้มอีก ถึงเสียน้ำตาหรือเจ็บหนักก็ต้องลุกให้ได้ด้วยสองขาตัวเอง!”
เยว่จือฟังคุณผู้หญิงของตนอย่างตั้งใจ นับแต่อีกฝ่ายฟื้นขึ้นจากการนอนซมเพราะพิษไข้ ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
“แต่ยังไงมาดามอย่าลืมว่าอีกสามวันเฮียถังจะมากินข้าวเย็นที่ร้านพร้อมพี่อิง น้องสาวเขา”
“ได้สิ ฉันจะเตรียมพรมแดงไว้ต้อนรับเลย หมอนั่นกล้ามาทำให้เธอเจ็บตัว แถมยังคิดจะมาเอาเปรียบกันอีก ยังไงงานนี้ คงได้เลือด! เอ๊ย ได้อิ่มจนพุงกาง และเขาจะต้องเสียน้ำตาให้เธอได้เห็น!”
เด็กสาวได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ประกอบกับสีหน้าสีตาของม่านอวี้อันที่ชวนให้ฮึกเหิม เธอเลยยิ้มออก
“เค้กกล้วยหอมนั่น มาดามคิดว่าพวกเขาจะชอบไหมคะ” เด็กสาวหมายถึงกลุ่มแม่บ้านที่นั่งคุยกันจ้อกแจ้กบริเวณร้านอาหารหน้าบ้าน
“ฉันมั่นใจในฝีมือของตัวเอง แต่อาจไม่เต็มสิบ เพราะของไม่ครบ อีกอย่างต้องบอกว่าฉันพึ่งฟื้นไข้ ลิ้นเลยรับรสชาติแปลก ๆ อยู่สักหน่อย”
“เอ๋ ถ้าอย่างนั้น ป้าลี่จะโม่โวยวายหรือมาดาม”
“อย่าใส่ใจ อีกฝ่ายลิ้นจระเข้ กินอะไรก็คงถูกปากแหละ แต่ว่า... ถ้าเธอรู้ว่าไม่ใช่สูตรตัวเอง คงหาเรื่องจับผิดฉันจนได้”
“แย่จริง บอกตามตรง หนูกลัวแทนมาดามยังไงไม่รู้ โดยเฉพาะเมียเถ้าแก่โจว ผู้หญิงคนนั้นชอบยุ่งเรื่องคนอื่น ป้าลี่ว่าร้ายแล้ว ยายแม่มด โรส ยิ่งไว้ใจไม่ได้เลย”
ม่านอวี้อันพยักหน้าตามสิ่งที่เยว่จือเอ่ย และดีใจอยู่ลึก ๆ ที่อย่างน้อยเด็กสาวก็รู้จักคิดว่าควรระวังตัวจากโรส เมียเถ้าแก่โจว
“เอ่อ มาดามคะ” เยว่จือดึงแขนม่านอวี้อัน พาเธอออกห่างจากฝาแฝดที่กำลังสนุกสนานกับการกินไก่ย่างกับผัดเส้นหมี่ใส่ไข่ของลี่ฮุ่ย
“ตอนที่พาน้องผิงเข้ามาในครัว หนูเห็นมือข้างหนึ่งของผิงเกอกำห่อขนมไว้แน่น!”
“ขนม แล้วทำไมเหรอ”
“คือ... มาดามไม่ได้ซื้อของเข้าบ้านเป็นเดือนเพราะต้องประหยัดเงิน อีกอย่างขนมแบบนั้น หนูเห็นติดป้ายโฆษณาที่ร้านพี่ข่ายว่ามันทำขึ้นเป็นพิเศษต้อนรับการแข็งขันกีฬา ราคาเกือบสองดอลลาร์เลยนะคะ”
เยว่จือกล่าวถึงขนมโกโก้แท่ง ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬาระดับโลกครั้งนี้ ทั้งยังออกผลิตภัณฑ์มาอย่างหลากหลาย รวมถึงขนมที่เด็กแฝดเพิ่งได้ลิ้มรสด้วย
“หมายความว่า ผิงเกอขโมยเงินในบ้านไปซื้อใช่ไหม” ม่านอวี้อันถาม ถึงแม้ราคาสองดอลลาร์ในยุคของเธอ คงจะซื้อไข่เบอร์ศูนย์ได้แค่ฟองเดียวเท่านั้น ทว่าหากเป็นยุค 80s ราคาดังกล่าวนั้นเท่ากับโจ๊กห้าสหายขึ้นเหลาสักชามหรือข้าวผัดไข่รวมมิตรทะเล
“ไม่ใช่ นายน้อยผิงไม่มีนิสัยแบบนั้น และถึงจะมี เขาคงไม่รู้จะหาเงินจากในบ้านได้ยังไงค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ตอนที่ฉันนอนซมเพราะพิษไข้ พวกเขาออกไปโมยของบ้านอื่นใช่ไหม” น้ำเสียงม่านอวี้อันสูงผิดปกติ เธอไม่คิดว่าความจนและความหิวจะสามารถบีบบังคับให้เด็กน้อยทั้งสองริเป็นโจรตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้
เยว่จือส่ายหน้าและถอนหายใจราวกับมีเรื่องเครียดหนัก
“เอาละ เธออยากจะบอกอะไรกันแน่”
เยว่จือสูดลมหายใจลึก เธอขนลุกซู่ขึ้นมาโดยพลัน ใจคอไม่สู้ดี ภาพดวงตาคม ๆ คู่นั้นที่มองมาในยามที่เธอเผชิญหน้ากับแก๊งมังกรซิ่งลอยเข้ามาในหัว
“เอ่อ ‘เขา’ คงแอบย่องมาหานายน้อยทั้งสองคนแน่นอนค่ะ”
“เยว่จือ เธอกำลังจะทำให้ฉันกรี๊ดลั่นครัวรู้ไหม เลิกอมพะนำ และพูดให้รู้เรื่องเสียทีว่า ‘เขา’ ที่พูดถึงเนี่ยเป็นใครหา!”
ม่านอวี้อันเกือบหมดความอดทน จึงเอ่ยเสียงดังอยู่สักหน่อย
“เขา... ก็คือกู๋กุ่ยไงคะ คงแอบเอาขนมมาให้นายน้อยทั้งสองคนตอนที่หนูไม่อยู่บ้าน ดีไม่ดีแมวตัวโตนิสัยเสียนั่นอาจกำลังหลบอยู่ในบ้านหลังนี้แน่ ๆ”
ได้ฟังคำนั้น ม่านอวี้อันจึงช็อก แล้วความรู้สึกในห้องนั่งเล่นเมื่อครู่ก็ย้อนคืนกลับมา ยามนั้นเธอสัมผัสได้ว่ามีเงาคนอยู่ในห้องดังกล่าว!