ฮานาลอบกัดฟัน ถ้าหากไม่ติดว่าคิวากรเป็นมหาเศรษฐีและหากจับเขาได้อยู่หมัดจะทำให้เธอสบายไปทั้งชาติ คงได้สะบัดหน้าหนีและเดินออกจากร้านแน่ แต่เพราะรู้ว่าการเป็นเมียของคิวากรจะทำให้สุขสบายไม่ต่างจากนั่งอยู่บนกองเงินกองทอง จึงจำต้องทนทรุดตัวนั่งให้บรรดาเพื่อนในแก๊งของมหาเศรษฐีมองเยาะเย้ยราวกับเธอเป็นตัวตลก
“คิวา...นายจะบินไปลอนดอนเดือนหน้าเลยหรือ”
จักรินเอ่ยถามเพื่อนหลังจากทุกคนได้นั่งลงดื่มแชมเปญต่อ ซึ่งบ้างก็ออกไปวาดลวด
ลายเท้าไฟอยู่กลางเวที บ้างก็ถ่ายรูปสวยๆ เก๋ๆ เพื่อเช็คอินในเฟสบุ้ค เพราะนานๆ ทีที่จะมีโอกาสได้มาดื่มกินในร้านอาหารสุดหรูชื่อดังแห่งนี้แบบฟรีๆ โดยไม่ต้องเสียเงินเลย
คิวากรกระดกแชมเปญเข้าปากราวกับดื่มน้ำเปล่าก็ไม่ปาน พลางตอบคำถามของจักริน โดยที่ดวงตาคมกริบจับจ้องมองอยู่ที่บรรดาเพื่อนๆ ร่วมคณะ ซึ่งต่างก็กำลังสนุกสนานกับงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้
“ใช่! ถ้าหากจัดการเรื่องเรียนจบที่ไทยเรียบร้อยแล้ว กูจะบินไปลอนดอนเดือนหน้าตาม
กำหนดการที่ได้เตรียมไว้”
“แล้วนายจะกลับมารับปริญญาไหม”
ภูริศเอ่ยถามบ้าง และเพื่อนอีกหลายๆ ก็อยากล่วงรู้ถึงชีวิตของทายาทมหาเศรษฐีผู้นี้
“คิดว่าไม่!” คิวากรตอบสั้นๆ
และคำตอบของเขาก็ทำให้บรรดาเพื่อนสาวต้องตีสีหน้าเสียดาย และเอ่ยถามถึงเหตุผล
“ทำไมคิวาไม่มาละ แบบนี้พวกเราก็อดถ่ายรูปรับปริญญากับคิวา”
เฌอมาลย์เป็นผู้เอ่ยถามและตีสีหน้าผิดหวังให้เห็นอย่างเต็มที่ เธอก็เป็นหนึ่งในบรรดาเพื่อนผู้หญิงที่แอบหลงรักคิวากรตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง และก็พยายามทำทุกอย่างให้สามารถเข้าร่วมแก๊งได้เพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดกับคิวากร
“ผมต้องการต่อปริญญาโทและเอกที่ลอนดอนให้จบเร็วที่สุด และช่วงที่รับปริญญา ถ้าผมจำไม่ผิด จะเป็นช่วงสอบที่ลอนดอนด้วย”
“น่าเสียดายที่คิวาไม่ได้มารับปริญญากับพวกเรา” รวิภาเป็นเพื่อนร่วมแก๊งอีกคนที่อดบ่นเสียดายออกมาไม่ได้
และในขณะที่เพื่อนร่วมแก๊งหลายๆ คนเสียดายที่คิวากรตัดสินใจไม่มาร่วมพิธีรับปริญญา แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้รู้สึกผิดหวังหรือเสียดายแม้แต่นิดเดียว เพราะเขามีเหตุผลลึกๆ อยู่ในใจที่อยากไปให้พ้นประเทศไทยในวันนี้พรุ่งนี้ด้วยซ้ำไป
เหตุผลที่ไม่อยากอยู่ประเทศไทยมันเป็นบาดแผลที่ฝังลึกอยู่ในใจของเขามานานหลายปีแล้ว เขารอเวลาแค่เพียงเรียนจบก็จะบินออกนอกประเทศไทยในทันที และเหตุผลที่ไม่อยากอยู่ในประเทศไทย ไม่อยากอยู่กับบิดา ไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ เพราะเขาเก็บงำความรู้สึก ‘เจ็บ’ นี้ไว้แค่เพียงผู้เดียว
เมื่อไม่อยากนึกคิดให้ต้องเจ็บปวดใจ คิวากรก็วางแก้วแชมเปญลง ดันกายลุกขึ้นยืนพร้อมกับบอกเพื่อนร่วมแก๊งว่า
“ออกไปเต้นดีกว่าวะ ดีเจกำลังเปิดเพลงได้มันส์น่าไปโยกหัวมาก”
เท้าใหญ่กำลังจะพาผู้เป็นเจ้าของเดินออกจากบริเวณที่นั่งอยู่ แต่แล้วก็ต้องชะงักอยู่กับที่ เมื่อดวงตาทั้งคู่มองเห็นคนที่กำลังเดินเข้ามาในร้านอาหาร ซึ่งเธอเป็นที่น่าสนใจจนเขาต้องมองตาค้าง และล้มเลิกความคิดที่จะออกไปวาดลวดลายฝีเท้าไฟ เพียงเพื่อถามเพื่อนร่วมแก๊งว่าผู้หญิงในชุดที่ดูเฉยๆ ไม่ต่างจากเด็กบ้านนอกนั้นคือใคร?...
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
คิวากรเอ่ยถามโดยไม่จำเพาะเจาะจงว่าถามเพื่อนคนไหน ดวงตาคมกริบยังคงจับจ้องมองอยู่ที่หญิงสาวร่างเล็กที่กำลังเดินเข้ามาในร้านอาหาร
ที่ต้องถามและอยากรู้ว่าหญิงสาวหน้าตาธรรมดาๆ แถมยังแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาไม่กี่บาท เสื้อยืดคอกลมกางเกงยีนส์เข้ารูป ซึ่งผิดกับบรรดาเพื่อนสาวคนอื่นๆ ที่แต่งตัวจัดเต็มราวกับยกแคตตาล็อกมาก็ไม่ปาน เป็นที่ฉงนสงสัยของเจ้าภาพงานเลี้ยงมาก เพราะคิวากรคิดว่าหญิงสาวคนนี้น่าจะเข้ามาผิดงาน หรือไม่ก็อาจมาสมัครงานก็เป็นได้
และเฌอมาลย์ก็เป็นฝ่ายเอ่ยตอบหลังจากเบะปากใส่หญิงสาวที่แต่งตัวเฉยๆ ที่เพิ่งเดินเข้ามาร่วมงานเลี้ยงและตรงไปยังกลุ่มเพื่อนของเธอซึ่งมีแค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“ยัยฟ้าคราม ยัยเด็กบ้านนอกที่มีข่าวแว่วๆ ว่าได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเพราะเธอได้เกรดเฉลี่ย 4.00”
“เรื่องเรียนนั้นเป็นที่หนึ่ง และเรื่องเฉย บ้านนอก ยัยฟ้าครามก็ยืนหนึ่งเหมือนกัน”
รวิภาเอ่ยเยาะพร้อมกับหัวเราะร่วน และก็มีเฌอมาลย์ร่วมวงถากถางอีกคน
“บ้านนอกแค่ไหนก็ดูเอาสิ ใส่เสื้อยืดคอกลมมางานเลี้ยง ยังดีที่ไม่ลากรองเท้าแตะมาด้วย ไม่งั้นพนักงานคงไม่ให้เข้าร้านแน่”
พากันล้อเลียนถากถางถึงหญิงสาวที่ตกเป็นหัวข้อการสนทนาแล้ว ทั้งเฌอมาลย์ทั้ง
รวิภาก็พากันหัวเราะร่วน
ถึงแม้ฟ้าครามจะไม่เคยตอแย ไม่เคยสุงสิงกับกลุ่มเพื่อนที่เป็นลูกมหาเศรษฐี เป็นไฮโซ แต่กระนั้นฟ้าครามก็ยังเป็นที่ชังของบรรดาเพื่อนสาวกลุ่มนี้
เพราะถึงแม้ฟ้าครามจะเป็นเด็กบ้านนอกที่มาร่ำเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ถึงแม้จะไม่มีเงินทองมากมายเหมือนเพื่อนๆ แต่หญิงสาวก็มีดีเรื่องการเรียนที่โดดเด่น ได้เกรดเฉลี่ย 4.00 ทุกเทอม และแน่นอนว่าเธอได้รับทุนให้ไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้เธอเป็นที่เกลียดชังของบรรดาเพื่อนสาวในคณะเป็นอย่างมาก
จากที่ตั้งใจจะออกไปเต้นเพื่อเรียกเหงื่อสักหน่อย คิวากรก็เปลี่ยนใจทรุดตัวลงนั่งบน
เก้าอี้ตามเดิม พร้อมกับหันมามองเพื่อนสนิททั้งสองคน และออกปากไล่เพื่อนสาวออกจากวงสนทนาอย่างไม่เกรงใจ และไม่สนใจว่าจะเป็นการหักหน้าพวกเธอ
“สาวๆ เชิญไปหาอะไรดื่ม หรือไม่ก็ออกไปเซลฟี่ตามสบาย ผมอยากคุยเป็นการส่วนตัวตามภาษาสุภาพบุรุษ โดยไม่มีผู้หญิงมาเกี่ยวข้อง”
ไล่เพื่อนสาวแล้วคิวากรก็หันมาจ้องมองฮานานางแบบสาวที่ยังนั่งเกาะติดราวกับลูกลิงเกาะติดแม่ก็ไม่ปาน จากนั้นก็ออกปากไล่เธออีกคน