ท้ายที่สุด เมื่อสิรดนย์จ่ายเงินค่าอาหาร (ซึ่งหมดไปเป็นหมื่นจริง ๆ ให้ตายเถอะบ้านหมอนี่ผลิตแบงค์เป็นของตัวเองหรืออย่างไรนะ) แทนที่อีกฝ่ายจะไปส่งเธอที่บีทีเอสกลับเลี้ยวเข้าร้านข้าวต้มโต้รุ่งเสียอย่างนั้น เพียงเพราะเหตุผลเดียวเลย
นั่นคือเจ้าตัวไม่อิ่ม
โปรดปรานหลุดหัวเราะออกมาทันทีเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของคนข้างกายพูดกับเธอด้วยท่าทีมีมาดสุด ๆ ว่า ‘เขาน่ะไม่อิ่มเลยสักนิด’ มันดูขัดกับสิ่งที่เกิดขึ้นสุด ๆ
“ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องกินแพง ๆ ก็ได้ นี่ก็อร่อยเหมือนกันเนี่ย” หญิงสาวใช้ช้อนกลางเขี่ยเนื้อปลาสามรสที่ตนเองใช้ช้อนและส้อมแกะตักเอาไว้เป็นคำให้สิรดนย์ทานได้ง่ายขึ้น พอจัดการอาหารบนโต๊ะเรียบร้อยดี เธอถึงได้เริ่มที่จะทานข้าวต้มตรงหน้าของตนเองบ้าง
สิรดนย์ลอบมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มจาง ๆ พร้อมกับหัวใจที่พองฟูทีละน้อย
ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดอย่างนี้ไปกี่รอบแล้ว...แต่โปรดปราน ยังคงเป็นคนที่ใจดีที่สุดคนหนึ่งที่เขาเคยได้พบจริง ๆ
อีกฝ่ายเป็นคนช่างใส่ใจ ช่างสังเกต เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และพร้อมช่วยเหลือทุกคนหากว่าตนเองไม่ลำบาก ทั้งหมดทั้งมวลนั่นทำให้เขารู้สึกว่าเขาน่ะยิ่งโปรดปรานอีกฝ่ายเข้าไปใหญ่
ชายหนุ่มตักปลาสามรสเข้าปากก่อนจะตักข้าวต้มทานต่อ พลางนึกคิดย้อนกลับไปว่า...อันที่จริงเขาไม่ได้เพิ่งรู้หรอกว่าโปรดปรานทำงานอะไร ใช้อินสตาแกรมชื่อว่าอะไร หรือมีเฟสบุคชื่อว่าอะไร สิรดนย์รู้ทุก ๆ อย่างเพราะเขาตามหาโปรดปรานมาตลอด...ตั้งแต่วันที่ได้รับรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่ที่บ้านเล็ก ๆ ท้ายซอยที่เขามักไปรับไปส่งอีกแล้ว
เขาพยายามมากจริง ๆ และความพยายามนั้นก็แสดงผลออกมาจนได้ ในตอนที่เขาพบว่าบริษัทที่เขากำลังจะร่วมลงทุนในส่วนของ Production นั้นมีพนักงานเพียงไม่กี่คน และทุก ๆ คนมีโปรไฟล์ที่ชัดเจนอยู่ใน linkedin เผื่อว่ามีใครต้องการจ้างงานคนไหนเป็นพิเศษจะได้ติดต่อไปได้โดยตรง
ใช่...เขาเจอโปรดปรานในนั้น
และเขาไม่รีรอหรือลังเลเลยจริง ๆ กับการเซ็นสัญญาที่ได้ผลกำไรน้อยกว่าในยามปกติ เพียงเพราะต้องการเจออีกฝ่าย หากให้เปรียบเทียบ...ก็คงต้องบอกว่าผู้หญิงคนนี้มีค่าสำหรับเขามากกว่าเงินหรือสิ่งไหน ๆ เขาใจเต้นจนแทบบ้าตอนรอให้ถึงวันงานเลี้ยงรวมรุ่น ยิ่งได้สบสายตากับดวงตากลมโตคู่สวยนั่นอีก
เหมือนตกหลุมรักซ้ำ ๆ ตกหลุมรักโดยที่ไม่ต้องถูกผลัก ถูกดึง หรือถูกชักจูง
เป็นอาการตกหลุมรักที่สิรดนย์เต็มใจและเต็มที่ที่จะโต้รับกับมัน โดยไม่สนว่าสุดท้ายผลลัพธ์จะทำให้เขามีความสุขหรือต้องเจ็บปวด แต่กับโปรดปรานเขาจะไม่รออะไรอีกแล้ว เพราะเขาไม่มีวันรู้เลยว่าคนคนนี้จะออกจากชีวิตของเขาไปอีกตอนไหน
เขาจึงได้แต่สัญญากับตนเอง ว่าเขาจะจับอีกฝ่ายไว้ให้แน่นที่สุด
จะดึงเธอกลับเข้ามาในชีวิต ด้วยความรู้สึกที่ไร้ซึ่งการปิดบังของเขา
“อวบ”
“หือ?” โปรดปรานตอบรับอย่างไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ก่อนจะต้องขมวดคิ้วฉับอีกครั้งเมื่อเพิ่งรู้ตัวเข้าว่าโดนอีกฝ่ายแกล้งเสียแล้ว “นิสัยไม่ดีเลยนะดนย์ อย่าล้อดิ”
“ไม่ได้ล้อ เขาเรียกเอ็นดู”
“ให้ฉันเรียกนายไอ้โย่งบ้างไหมล่ะคะ” โปรดปรานบ่นงุบงิบกลับจนสิรดนย์หลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง
ตั้งแต่เจอกับโปรดปรานไม่ถึงสองอาทิตย์ด้วยซ้ำ เขายิ้มและหัวเราะมากกว่าทั้งปีที่ผ่านมาอีก เพราะอย่างนี้ไงเขาถึงได้บอกว่าโปรดปรานคือคนสำคัญสำหรับเขา ในทุก ๆ ฐานะ
“จะเรียกอะไรก็เรียก”
“งั้นเรียกให้กลับไปทำงานที่บริษัทตัวเองก่อนเลย เกะกะชะมัด”
“ไม่อยากไป”
“ได้ด้วยหรอเนี่ยคุณเจ้าของบริษัท”
“ก็ไม่อยากไปไง” สิรดนย์พูดย้ำอีกครั้ง โปรดปรานเลิกคิ้วมองเขางง ๆ มันจะมีสักกี่คนที่ไม่อยากไปทำงานดูแลบริษัทและแหล่งทำเงินของตนเอง
“กวินกับเคนฆ่านายทิ้งแน่”
“ฉันไม่ไป ไม่ได้แปลว่าไม่ทำงาน” เขาพูดน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ดวงตาสีน้ำตาลส่งสายตาแสนแพรวพราวมองมายังเธอจนโปรดปรานชักจะทำตัวไม่ถูกเข้าเสียแล้ว
“...”
“แล้วก็...ถ้าหากฉันไม่มาดูงาน”
“...”
“แล้วฉันจะหาข้ออ้างไหนเพื่อเจอหน้าเธอได้อีกล่ะ?”
การกลับมาของสิรดนย์ไม่ดีต่อใจของโปรดปรานเลยจริง ๆ นั่นล่ะ
เพราะเธอกำลังรู้สึกเหมือนเป็นโรคหัวใจอีกแล้ว
หญิงสาวกำมือเข้าหากันแน่นโดยไม่รู้ตัว พวงแก้มขาวขึ้นสีระเรื่อจนสิรดนย์รู้สึกเอ็นดูไปหมดแม้จะอายุเท่ากัน แต่ท่าทางและความน่ารักของโปรดปรานนั้นทำให้เขารู้สึกทั้งเอ็นดู มันเขี้ยว และอยากแกล้งเธอทุก ๆ ครั้งที่ได้เจอเลย
พอเห็นคนตรงข้ามได้แต่เขินอยู่อย่างนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรให้มากความต่อ นอกจากทานอาหารของตนเองต่อไปเงียบ ๆ แต่ไม่ได้เงียบจนอึดอัดเลยสักนิด
เขาไม่รีบไถ่ถามหรือเร่งเร้าโปรดปรานหรอก แต่เขาจะชัดเจนที่สุด เท่าที่ตัวเขาจะทำได้
และไม่ว่าอีกฝ่ายจะใช้เวลานานสักแค่ไหนในการคิดหรือทบทวนกับตนเอง สิรดนย์ก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำจริง ๆ ว่าเขาน่ะรอได้
และจะรออยู่เสมอ
เหมือนกับตอนม.4 ที่เธอย้ายออกไปอย่างไรล่ะ