พิชญ์นรี

1424 คำ
พิชญ์นรี หญิงสาวสวยสะกดใจชาย เธอทำงานเป็นพนักงานประชาสัมพันธ์โรงแรมห้าดาวในกรุงเทพฯ ไม่ใช่เพียงแค่สวยเท่านั้น เธอยังเก่งขนาดที่มีบริษัทหลายแห่งจีบให้ไปทำงานด้วย ภายใต้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มซุกซ่อนความหม่นเศร้าไว้ หญิงสาววัย25ปีย้ายจากบ้านที่เคยอบอุ่นมาอยู่คอนโดได้สองปีแล้ว หลังจากที่มารดาของเธอแต่งงานใหม่ พิชญนรีเข้าใจมารดาที่ต้องอยู่ลำพังมาเกือบสิบปี ตั้งแต่ที่บิดาจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ มารดาก็ไม่เคยมีผู้ชายคนใหม่ กัดฟันทนส่งเธอร่ำเรียนจนจบ เธอเคยคิดจะมีอยู่กับแม่ดูแลไปตลอดชีวิต ทว่าสองปีที่แล้ว มารดาแนะนำผู้ชายคนหนึ่งให้รู้จักและจะอยู่กินด้วย เธอเข้าใจแต่..เธอเข้ากับพ่อเลี้ยงไม่ได้ นั้นเป็นเหตุผลที่เธอต้องเก็บเสื้อผ้าออกมาใช้ชีวิตตามลำพัง ... พิชญ์นรีโอนเงินเข้าบัญชีให้แม่ เธอทำแบบเป็นประจำสม่ำเสมอทุกเดือนเมื่อได้รับเงินเดือนแล้ว แม้จะออกจากบ้านมาอยู่คนเดียวแล้วก็ตาม ใบหน้าหวานถอนหายใจเบาๆ อยู่หน้าตู้ ATM มือเรียวหยิบบัตรATMและสลิปจากตู้ใส่กระเป๋าสะพายของตัวเองแล้วก็นเดินออกมา “หวังว่าแม่จะได้ใช้เงินที่ลูกโอนไปให้นะคะ” พิชญ์นรีบ่นกับตัวเอง เธอโอนเงินให้แม่ทุกเดือน เดือนล่ะสี่พันบาท มันอาจไม่มากนัก แต่จริงๆ เธอแอบเก็บบางส่วนให้แม่ ถ้าแม่ต้องการจริงๆ เธอก็จะโอนให้ หญิงสาวในชุดพนักงานต้อนรับโรงแรมระดับห้าดาวถอนหายใจเหนื่อยๆ นึกถึงเสียงของแม่เมื่อครั้งที่โทรศัพท์ไปหา “ไม่ต้องโอนเงินให้แม่หรอกลูก น้ำพั้นซ์เก็บไว้ใช้เองเถอะลูก” “หนูทำงานแล้วพอมีเงินเดือนแล้วก็อยากให้แม่เอาไว้ใช้จ่ายบ้าง” “ลูกต้องจ่ายค่าใช้จ่ายตั้งหลายอย่างเอง เอาไว้ว่างๆแวะมาหาแม่บ้างนะ ไปกินข้าวนอกกันแบบแม่ๆลูกๆ” “ค่ะแม่” ถึงแม่จะบอกว่าไม่ต้องโอน เธอก็โอนให้สม่ำเสมอ เงินเดือนเธอไม่มากแต่มีเงินพิเศษบ้าง อยู่ประหยัด กินข้าวที่โรงแรมก็ช่วยได้เยอะ จริงๆที่เธอก็ไม่ได้อยากอยู่คอนโดหรอก ตั้งใจจะหาห้องเช่าราคาประหยัด แต่ก็ต้องเดินทางไกลเพราะเธอทำงานเป็นกะ คอนโดฯนี้อยู่ใกล้เดินไปกลับได้อยู่ ยอมจ่ายค่าเช่าแพงนิดได้ที่พักใกล้เดินทางสะดวกและปลอดภัย “เป็นไปยัยพั้นซ์ทำหน้าเครียดเชียว” หญิงสาวสะดุ้งแล้วส่งยิ้มให้เพื่อน เธอเดินเหม่นจากตู้ATMมาถึงห้องล็อกเกอร์เก็บของของพนักงาน มือเรียวไขตู้เหล็กเอากระเป๋าเก็บข้างใน หยิบหวีออกมาแปรงผมผาวแล้วรวบขึ้นให้เรียบร้อย “ก็เรื่องเดิมๆแหละปลา” พิชญ์นรีมีเพื่อนสนิทไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือปาจรีย์หรือปลา ที่เข้ามาทำงานรุ่นเดียวกับเธอ ก็เท่ากับว่าเป็นเพื่อนกันมาสองปีแล้ว “ไปโอนเงินให้แม่มาแล้วซิ” ปาจรีย์แตะไหล่เพื่อนเบาๆให้กำลังใจเพื่อน แล้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายพนักหน้ารับก็ได้แต่ถอนหายใจ “ปลาว่านะ พั้นซ์เก็บเงินให้แม่ต่างหากดีกว่า โอนไปก็ไม่รู้แม่จะได้ใช้หรือเปล่า มีคนช่วยใช้ตั้งสองคน” ปาจรีย์เป็นคนพูดตรงไปตรงมาแต่ก็พูดด้วยความจริงใจ บางครั้งการพูดจาตรงๆของเธอก็ทำให้หลายคนไม่ชอบ ซึ่งเธอก็รู้ดีและไม่ได้สนใจด้วย “พั้นซ์เป็นห่วงว่าแม่จะไม่มีเงินใช้แล้วไปกู้นอกระบบนะซิ” เธอยิ้มเศร้า “เอาเถอะๆ ได้เวลาทำงานแล้ว เรื่องนี้พักไว้ก่อนเถอะ เราต้องตั้งสติไปเจอลูกค้า” “ฮืม ขอบใจนะปลา” “เรื่องอะไร?” “ก็ที่เป็นเพื่อนกันอย่างนี้ไง” “บ้านะซิ ก็มีแต่คนเพี้ยนๆ อย่างพั้นซ์นั้นแหละที่มาคบปลาเป็นเพื่อน” ปาจรีย์หัวเราะคิกคัก สองสาวพากันเดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์ของโรงแรมซึ่งเป็นที่ทำงานของหญิงสาวสองคน พนักงานต้อนรับที่มีใบหน้ายิ้มแย้มอยู่เสมอ พูดจาอ่อนหวานและบริการด้วยรอยยิ้ม พิชญนรีทำงานนี้มาสองปีแล้ว เธอเรียนจบการโรงแรมและได้ทำงานตรงสายที่ตัวเองเรียนมา แต่แรกๆ เธอก็อยู่หลายแผนกกว่าจะได้มาถึงจุดนี้ งานพนักงานต้อนรับหรือ Receptionist ในโรงแรมถือว่าเป็นพนักงานที่ได้รับการอบรมเกรดดีกว่าพนักงานสาขาอื่นๆ ด้วยมารยาทและกิริยากับวิธีการปฏิบัติต่อแขกผู้ใช้บริการ สังเกตว่าทางโรงแรมได้ยกระดับการต้อนรับได้ดีตามสถานภาพของโรงแรมด้วย เพื่อสร้างความประทับใจสำหรับผู้ใช้บริการทุกระดับ แม้เงินเดือนไม่มากแต่ก็มีเบี้ยเลี้ยงพิเศษในแต่ละเดือนหลายพันถึงหลักหมื่น บางคนมองว่าเป็นงานสบายแต่พนักงานด้วยกันมักรู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างจากกระโถน “อะไรไม่ดีก็ลงที่เราหมดนั้นแหละ” ปาจรีย์แอบบ่นหลังเลิกแล้วบ่อยๆ พิชญยนรีเองก็เข้าใจแต่เธอไม่ได้สนใจนัก เพราะมันเป็นงาน เมื่อเลือกทำแล้วก็ต้องอดทน ถ้าทนไม่ไหวก็ต้องลาออก หญิงสาวมีภาระที่ไม่อาจจะตกงานหรือทำตัวเลือกงานได้ เธอจึงตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ หญิงสาวทำงานด้วยรอยยิ้ม และเก็บซ่อนความทุกข์ระทมไว้ภายใน พ่อของเธอจากไปตั้งแต่สิบปีที่แล้ว ตอนนั้นเธออายุสิบห้า แม่ทำงานรัฐวิสหกิจแห่งหนึ่ง เงินเดือนไม่มาก ในช่วงที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย มีเพียงเงินประกันที่พ่อทำทิ้งไว้ให้กับทรัพย์สินคือบ้านที่เธออยู่กับแม่ ในช่วงเวลานั้น เธอเห็นแม่แอบร้องไห้อยู่คนเดียวบ่อยๆ เธอเองก็คิดถึงพ่อแต่ไม่อยากให้แม่ทุกข์ใจ เธอต้องร่าเริงและเข้มแข็งเพื่อดูแลแม่แทนพ่อที่จากไป แม่ไปทำงานทุกวันแต่เหมือนร่างไร้วิญญาณ ผ่านมานับปีกว่าแม่จะดีขึ้น เธอพยายามตั้งใจเรียนเพื่อไม่ให้แม่เป็นกังวล แม่เองก็เป็นห่วงกลัวว่าลูกจะลำบากเพราะยังอยู่ในวัยเรียน แม่หารายได้เสริมรายอย่าง ลองผิดลองถูกไปเรื่อย ทั้งขายประกัน ขายสินค้าขายตรง ถ้าเป็นหลังเลิกเรียนหรือเสาร์อาทิตย์เธอก็จะตระเวนตามไปกับแม่เสมอ พิชญ์นรีในวัยรุ่นเคยบอกให้แม่พักผ่อน ลำพังรายได้จากเงินเดือนแม่และเงินประกันของพ่อยังพอเป็นค่าเล่าเรียนให้เธอจนจบมหาวิทยาลัย และเธอเองก็ตั้งใจจะหางานพิเศษทำช่วงปิดเทอมใหญ่อยู่แล้ว “ให้แม่ได้ออกไปเจอผู้คนบ้างเถอะลูก การได้เจอคนแปลกหน้าบ้างทีมันก็ช่วยเยียวยาจิตใจของเราด้วย บางทีก็ได้เจอคนที่เค้าทุกข์กว่าเรานะ แม่ยังโชคดีที่พ่อทิ้งบ้าน เงินประกันไว้ให้และที่สำคัญ แม่มีพั้นซ์อยู่กับแม่ด้วย” “พั้นซ์รักแม่นะคะ” “แม่ก็รักลูกจ๊ะ” หญิงสาวตั้งใจว่าเมื่อเรียนจบ ได้งานทำแล้วก็จะไม่ให้แม่ต้องลำบาก ช่วงที่ผ่านมามีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาตามจีบแม่อยู่หลายคน แม่เป็นคนสวย หลายคนก็ว่าเธอสวยเหมือนแม่ แต่แม่ก็ไม่มีใครจนเมื่อสองปีที่แล้ว แม่พาผู้ชายคนหนึ่งมาให้เธอรู้จัก “พั้นซ์จ๊ะ นี่คุณนิรุจน์จ๊ะ” พิชญนรีจำได้ว่าเธอยกมือไหว้ผู้ชายอายุสี่สิบห้าอย่างงุนงง ข้างกายมีชายหนุ่มประเมินจากหน้าตาอายุคงพอๆกับเธอ “คือ...แม่ควรจะบอกพั้นซ์นานแล้ว แต่แม่ไม่แน่ใจ” สีหน้าแม่ดูเขินอายราวกับเด็กสาว “แต่แม่ตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตกับคุณนิรุจน์จ๊ะ” “อะไรนะคะแม่” หญิงสาวร้องเสียงหลง เธอไม่เห็นวี่แววว่าแม่จะมีแฟนใหม่เลยสักนิด แม่เองก็เพิ่งจะสี่สิบสี่ปี ยังสาวและสวย ถ้าแม่จะแต่งงานใหม่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทว่า เธอไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อน ไม่เคยเห็นหน้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร จู่ๆก็โผล่เข้ามาในชีวิตของเธอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม