“อย่ามาบอกให้ฉันใจเย็น”
เพื่อนสาวใช้โทนเสียงไม่สบอารมณ์ ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอก แสดงความจริงจัง ขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ
“เพราะฉันต้องการคำอธิบาย หรือไม่แกก็ต้องเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฉันฟัง ว่าแกร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรแก?” มัสเปิดโหมดจริงจัง พร้อมกับใช้สายตาเพื่อนสนิท ในการพิจารณาเรื่องที่อีกฝ่ายกำลังจะเล่า ซึ่งมันอธิบายยาก แต่สามารถเล่าได้ในบางเรื่อง ส่วนบางเรื่อง หากเล่าไปแล้ว อาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมา เธอเลยจำเป็นต้องปิดเอาไว้ เพื่อแก้ปัญหาเอง
“ฉันทะเลาะกับท่านพญาเสือ”
“ทะเลาะกันในรูปแบบไหน มีตบตีด้วยหรือเปล่า?”
“ไม่มี แต่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นนิดหน่อย”
“What? นิดหน่อยที่ว่าคือยังไง เล่าให้ละเอียดด้วย”
“ฉัน...ตกเตียง แล้วโดนตะเกียบมวยผมครูดหนังหัว”
“เขาเป็นคนทำ?”
“มันเป็นอุบัติเหตุ”
หากบอกความจริง มัสจะต้องวีนแตกร้อยเปอร์เซ็นต์!
“แล้วแกร้องไห้พราะเรื่องนี้?”
“ก็อย่างที่บอก ว่าเราสองคนทะเลาะกันก่อนหน้านั้น”
“แล้วทะเลาะกันเรื่องอะไร?”
“เรื่อง…เซ็กซ์”
หือ! ทำไมฉันถึงได้ยกเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง (0_0!?)
“นี่ แกช่วยเล่าแบบยาวๆ ได้ไหม คนรอฟังมันอึดอัด”
“โอเคๆ ฉันจะเล่าให้แกฟังเดี๋ยวนี้ คือฉันกับท่านพญาเสือ เราสองคนทะเลาะกันเรื่องบนเตียง เพราะเขาเป็นผู้ชายประเภทไม่ใส่ใจในรายละเอียดตอนมีเซ็กซ์ แกพอเข้าใจไหม? พอยต์หลักของเขาคือการมีลูก ซึ่งฉันก็เข้าใจ แต่เขาเล่นสอดใส่แบบไม่เล้าโลม หรือแม้แต่จูบฉันเลยด้วยซ้ำ ฉันเลยวีนใส่ แล้วเราสองคนก็ทะเลาะกัน จนฉันกลิ้งตกเตียง แล้วเกิดแผลถลอกบนหัว (เล่าด้วยน้ำเสียงใส่อารมณ์ พร้อมกับหันหลัง เปิดแผลให้ดู) แต่เขาไม่ตามมาดู ฉันเสียใจ เลยจะโทรไปฟ้องแก แต่จังหวะนั้นพี่นนท์ผ่านมาพอดี ฉันเลยน้ำตาแตกใส่เขา”
“ (!-0-) ”
มัสถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด (ที่เธอแต่งเสริมขึ้นบางส่วน) แต่กลัวเพื่อนจะยังไม่เชื่อ เธอเลยทำหน้าเคร่งเครียด บวกกับใส่ความโมโห ให้ดูเหมือนเครียดจริง
“แกว่าฉันมีปัญหาเรื่องนี้ป่ะ?”
“กะ แกหมายถึงเรื่องเซ็กซ์เหรอ?”
“อือ! หรือว่าแกสามารถมองข้ามการเล้าโลมได้?”
“เออ ฉันอเมริกันสไตล์ได้หมด แต่ชอบให้เล้าโลม”
“ใช่ไหม! แกเป็นเหมือนฉันใช่ไหม!?”
เธอเริ่มเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ จนมัสตกใจตาโต
“ชะ ใช่ สิ่งที่แกเป็นมันปกติมากเลยเพื่อนรัก ถึงแกจะอ่อนประสบการณ์ แต่ฉันเข้าใจว่าเรื่องเซ็กซ์มันเป็นเรื่องใหญ่ ผู้หญิงทุกคนล้วนชอบการเล้าโลม ถ้าไม่ทำเท่ากับเห็นแก่ตัว”
“นั่นไง! ฉันว่าแล้วแกต้องคิดเหมือนฉัน”
“Yeah! I agree with you 100 percent.”
มินตราเริ่มยิ้มออก เมื่อเพื่อนทำท่าเชื่ออย่างสนิทใจ
“ว่าแต่ เรื่องของแกกับพี่นนท์คือยังไงต่อ?”
“ฮะ?” ยะ ยังไม่หมดคำถามอีกเหรอเพื่อนรัก
“เอ้า! ก็แกซีเรียสเรื่องเซ็กซ์กับผัวใหม่ แสดงว่าคนเก่าต้องโดนเทอย่างสมบูรณ์ แต่ปลายสายเมื่อวาน แกดันไปร้องไห้ใส่เขา แล้วสรุปคือยังไง จะควบผัว หรือยังไม่ได้เลือก?”
“ควบผัวคือ?”
“เอาทั้งคู่เลย”
“บะ บ้า ฉันก็ต้องเลือกแค่คนเดียวสิ”
ตอบพลางมองไปที่คุณลุงคนขับ หากเธอเป็นคุณลุง คงอยากถอดหูแล้วโยนทิ้งออกนอกรถ เพราะสิ่งที่ผู้หญิงสองคนนี้กำลังพูดคุยกันอยู่ เป็นเรื่องที่ฟังแล้ว แสลงหูสุดๆ ไปเลย
“แล้วแกจะเลือกใครเอ่ย?”
“เลือก...”
“ถ้าฉันแนะนำ ผัวที่ดีคือผัวใหม่ ถึงเขาจะบกพร่องเรื่องเซ็กซ์ แต่ฉันคิดว่าเรื่องนี้สามารถคุยกันได้ ส่วนผัวเก่า โอ๊ะ! ไม่ใช่สิผัวเก่าสิ เป็นแค่คนรู้ใจ ที่ยังไม่ให้สถานะมานานกว่าสิบปี เอาจริง แกควรเทผู้ชายคนนี้ไปซะ เพราะมันไม่มีความชัดเจนให้แกเลยสักอย่าง ทำตัวแปลก เหมือนยื้อแกไปวันๆ ขนาดแกตามไปถึงบ้านหลังนั้น เขายังไม่ยอมพัฒนาความสัมพันธ์กับแกเลย ฉันเป็นคนนอก มองยังไงก็ดูแปลกๆ”
“…..”
มินตราเริ่มเงียบ เพราะกำลังคิดตามในสิ่งที่เพื่อนพูด
“เฮ้~ อย่าเครียดมากจนเกินไปสิ”
“จะไม่ให้เครียดได้ยังไง แกเล่นพูดซะ”
“Oh honey~ ตอนนี้แกอยู่กับฉันแล้วไงเพื่อนรัก แกควรจะ happy ส่วนเรื่องผู้ชาย เอาไว้ค่อยคิดทีหลังก็ได้เนอะ”
มัสรีบปรับอารมณ์ เพื่อทำลายบรรยากาศเคร่งเครียด
“ยิ้มไว้ค่ะซิส เพราะพวกเราจะกลับไปชอปปิงกัน~”
มินตราเริ่มกลับมามีรอยยิ้ม เพราะนี่เป็นชีวิตในแบบของเธอ ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องคิดมาก แค่ใช้เงินสร้างความสุข
สามวันต่อมา
“Hi sister~”
สาวหมวยอินเตอร์ กล่าวคำทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริง ก่อนจะวิ่งไปสวมกอด สาวไทยหน้าเฉี่ยว ด้วยความสนิทสนม
“เอนเนอร์จี้ยังล้นเหลือเหมือนเดิมเลยนะ ยัยมัส”
‘เมทัล’ พูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดูเพื่อนสนิทของน้องสาว
“ไง นั่งยิ้มอย่างเดียว ไม่คิดจะทักทายพี่สาวคนสวยคนนี้หน่อยเหรอ?” บทสนทนาที่บ่งบอกถึงความสนิทสนม ระหว่างพี่สาวน้องสาว ทำให้มินตราหลุดยิ้มกว้าง ก่อนจะชันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปสวมกอดอีกฝ่ายด้วยความคิดถึง
“ขอกอดด้วยสิ ฉันเป็นโรคขาดความอบอุ่นน้าาา~”
มัสแทรกตัวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในอ้อมกอด ก่อนที่สามสาวลุคคุณหนูไฮโซสุดแซ่บ จะหัวเราะร่าอย่างมีความสุข
วันนี้เป็นวันนัดรวมตัวระหว่างพี่น้อง แต่มีเพื่อนสนิทอย่าง ‘มัส’ เข้ามาร่วมด้วย เพราะต่างรู้จักกันมานานกว่าสิบปี และตอนนี้สามสาวก็อยู่ในร้านอาหารสไตล์ไฟน์ไดนิ่ง ที่ต้องเปิดห้องวีไอพี เพื่อสะดวกต่อการพูดคุย ทั้งเรื่องในชีวิต และสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ ซึ่งพี่สาวของเธอ ทำธุรกิจเกี่ยวกับกองประกวดนางงาม และเคยมีความคิดอยากจะส่งน้องสาวเข้าร่วมการประกวด แต่เธอปฏิเสธ เพราะไม่ถนัดงานด้านนั้น
“ยัยนิกกี้ยังสนใจแกอยู่นะ”
เมทัลเปรยถึงชื่อเพื่อนสาวประเภทสอง ที่สนใจในตัวเธอ ซึ่งไม่ได้สนใจในเชิงชู้สาว แต่เป็นเด็กปั้น อะไรทำนองนั้น
“นี่เจ๊แกยังหาเด็กไม่ได้อีกเหรอ?”
“หาได้ แต่ไม่สวยเท่าแกไง มันเลยให้ฉันมาโน้มน้าว”
“โห่พี่สาว~ หนูเองก็สวยนะ เอาหนูไปเป็นนางงามสิ”
มัสเสนอตัวแบบติดตลก มินตรากับพี่สาวเลยหลุดขำ
“แกไม่ใช่ไทป์นางงามเลยจ้ะ ยัยหมวย”
“อย่างแกต้องไปสมัครเป็นนักแสดง ถึงจะรุ่ง”
“เหอะ! รุ่งริ่งละสิ คนอย่างฉันไปเป็นบุคคลสาธารณะไม่ได้หรอก มีหวังได้ตบนักข่าว โทษฐานเอาเรื่องของฉันไปเขียนในทางไม่ดี!” มัสพูดด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง เพราะเป็นคนไม่ยอมใคร และไม่ชอบให้ใครหน้าไหนมาก้าวล้ำเรื่องส่วนตัว
ยกเว้นเธอเป็นกรณีพิเศษ เพราะเราเป็นเพื่อนรักกัน
“เออนี่ ออสตินได้ติดต่อมาบ้างไหม?”
เจ้าของเรือนร่างผอมบาง ภายใต้ชุดเดรสกำมะหยี่สีแดง เอ่ยถามน้องสาว ที่ถอดแบบความสวยมาเหมือนกันเป๊ะ
“ออสติน?”
คิ้วเรียงสวยเลิกขึ้นเล็กน้อย เพราะจำชื่อไม่ได้
“ลูกชายนักธุรกิจหมื่นล้านที่ฉันแนะนำให้แกไง”
“อูววว~ มีการแนะนำผู้งานดีให้น้องสาวซะด้วย”
“เพื่อนสนิทพี่เอง แกน่าจะรู้จักเขานะ เขาดังมาก”
ประโยคนั้นทำให้มัสหันมามองหน้า แต่เธอยักไหล่กลับไปแทนความคิดเห็น เพราะไม่ได้สนใจในตัวผู้ชายคนนั้น
แต่ก็จำได้ว่าพี่สาวเคยแนะนำหนุ่มไฮโซ เพราะอยากให้น้องมีตัวเลือกดีๆ ทว่าเธอกลับไม่เลือกเพราะไม่ได้ชอบเขา
“ที่ฉันถาม เพราะอยากให้แกเก็บไปเป็นตัวเลือก”
“ว้าว~ งั้นตอนนี้ยัยมินก็มีสามตัวเลือกแล้วสินะ”
“ว่าไงนะ นี่ฉันตกข่าวเหรอ?” พี่สาวถึงกับเบิกตาโต
“ตกข่าวอย่างแรงเลยพี่สาว เพราะตอนนี้น้องสาวคนสวยของพี่ไม่ได้คลั่งไคล้แค่นักแสดงเพียงคนเดียว แต่ยังมี...”
“เฮ้! อย่าพูดเชียวนะ” มินตรารีบห้ามปรามเพื่อนสาว เพราะไม่อยากให้ผู้ชายคนนั้น เริ่มมีตัวตนกับคนในครอบครัว
“มีอะไรพูดมาเลย อย่าเกริ่นให้อยากแล้วจากไป”
เมทัลใช้น้ำเสียงเค้นความจริงกับมัสที่นั่งยิ้มกริ่ม
“ถามน้องสาวพี่เองดีกว่า เดี๋ยวนางมาโกรธหนู~”
“ไง”
พี่สาวหันขวับ เปลี่ยนเป้าหมายมาที่น้องสาวทันที
“หาว~ อิ่มแล้วง่วงนอน รีบกลับบ้านกันดีกว่าเนอะ”
“ยัยตัวแสบ คิดจะปกปิดเรื่องแฟนกับพี่สาวงั้นเหรอ?”
นัยน์ตาสีดำนิลเลิ่กลั่กมองไปที่เพื่อนสาว ทว่าอีกฝ่ายกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่แอบยิ้ม พลางหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม
“แฟนเฟิร์นที่ไหน ไม่มีหรอก”
“ถ้าจับได้ว่าแกแอบมีแฟน ฉันฟ้องพี่มาติณห์นะ”
“อุ๊บส์!”
มัสยกมือปิดปาก เพราะรู้จุดอ่อนเดียวกันกับเมทัล
“ทำไมชอบขู่ว่าจะฟ้องติณห์กันจังเลย”
“เพราะแกกลัวติณห์ // เพราะแกกลัวพี่มาติณห์”
สองสาวพูดอย่างพร้อมเพียงกัน ทำเอาเธอเซ็งเป็ด
“เขาไม่ได้เรียกว่ากลัว เขาเรียกว่าเกรงใจพี่ชายจ้ะ!”
“เหรอจ๊ะ?” พี่สาวเริ่มเปิดประเด็น
เพราะในช่วงวัยเด็ก เธอค่อนข้างหัวรั้น ไม่ฟังใคร
ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ แต่เบาลงแล้ว (มั้งนะ)
พี่มาติณห์เลยเป็นพี่ชาย ที่ต้องควบคุมความประพฤติน้องสาวคนเล็กแทนพ่อแม่ และด้วยความที่เราสองคนอายุห่างกันสิบสามปี ทำให้นิสัยต่างกันอย่างสุดขั้ว อธิบายง่ายๆ ก็คือ พี่ชายของเธอเป็นคนดุมาก เหมือนกับ ‘ท่านพญาเสือ’ พอจะเดาออกใช่ไหม ว่าเธอชอบเถียงกับพี่ชายประมาณไหน
นั่นแหละ ลูปเดียวกับเป๊ะเลย!
จนกระทั่งเธออายุสิบห้า พี่มาติณห์ต้องย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ (แอฟริกา) ทำให้น้องสาวคนนี้หลุดพ้นจากการคุมประพฤติ ทว่าทุกคนในครอบครัว รวมถึงเพื่อนสนิทจะรู้ดี ว่าเธอกลัวพี่มาติณห์ขนาดไหน เลยชอบใช้ชื่อเขามาเป็นคำขู่ เพื่อผลักดันให้เธอจริงจังกับชีวิต จนได้ดีอย่างทุกวันนี้ ทั้งเรื่องเรียนจบ ทั้งเรื่องธุรกิจ ล้วนมาจากแรงผลักดันทั้งหมด
ทว่าปัจจุบัน มินตรากับมาติณห์ไม่ได้เจอกันมาแปดปีแล้ว เพราะพี่ชายยังคงยุ่งกับเรื่องงาน ส่วนน้องสาวก็ยังใช้ชีวิตอย่างที่เห็น อาจจะมีโง่บ้าง พลาดบ้าง แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ดี
อยู่ดี = โดนขู่ฆ่า บังคับจิตใจ จากตาลุงใจร้าย (T~T)
“พี่ชายว่างไหมนะ น้องสาวคนนี้มีเรื่องอยากจะคุย~”
เมทัลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทำท่าจะกดโทรหามาติณห์
“โอเค! บอกก็ได้ว่ามี…แล้ว”
“มี…แล้ว เว้นวรรคคืออะไร?”
“ก็มีคนดูใจแล้วไง”
“เรียกดูใจว่าซ่านนน~”
“เงียบไปเลย ยัยหมวยเซินเจิ้น”
“ฮ่าๆๆ Ok I’ll just zip the lip.”
มัสตอบกลับ พลางหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข
“แกมีแฟนแล้ว ฉันเข้าใจถูกไหม?”
“ถูก”
“แฟนแกชื่ออะไร?”
พี่สาวเริ่มทำหน้าที่แทนทุกคนในครอบครัว โดยการสืบประวัติ แฟนหนุ่มของน้องสาว ด้วยน้ำเสียงเป็นจริงเป็นจัง
“พะ พญาเสือ”
แล้วทำไมฉันต้องบอกชื่อผู้ชายคนนี้ด้วยเนี่ย!
“อายุเท่าไหร่?”
“สี่สิบมั้ง ไม่รู้สิ”
“เขาเป็นแฟนแก ทำไมแกถึงไม่รู้?”
โอ๊ย! ใครก็ได้ ช่วยลากฉันออกไปจากตรงนี้ที
“คนนี้จ้า พี่สาว~”
มัสช่วยหาข้อมูลส่วนตัว ก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้เมทัลดู
“อายุสี่สิบหก!?”
“น้องพี่ไม่ธรรมดา”
“ยัยมัส!”
เธอถลึงตาใส่เพื่อน แต่พอเห็นสายตาตำหนิของพี่สาว ก็ต้องกลับมานั่งสงบเสงี่ยม เพราะไม่สามารถปกปิดเรื่องนี้ได้
“เอ้อพี่สาว เรื่องชุดงานเลี้ยงรุ่น…”
“ฉันให้เพื่อนจัดการให้แล้ว ทันใส่งานพรุ่งนี้แน่นอน”
“ได้ยินไหมแม่เสือสาว พวกเราจะได้เฉิดฉายแล้วนะ”
“หึ!”
มินตราแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่าย เพราะตอนนี้ไม่มีอารมณ์อยากจะเฉิดฉาย มีแต่อารมณ์อยากจะกัดคอเพื่อนให้ขาดวิ่น