บทที่ 10

1578 คำ
“หนูยอมแล้ว ชะ ช่วยอ่อนโยนหน่อยค่ะ” หญิงสาวผู้น่าสงสาร ยอมศิโรราบแต่โดยดี พร้อมกับร้องขอฝ่ายชาย ด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ให้ช่วยทำเรื่องอย่างว่า ด้วยความทะนุถนอม ซึ่งเขารับฟัง แล้วผ่อนแรงลง ตามคำขอ “ละ ลึกไป” “อืม” เสียงทุ้มตอบรับในลำคอ ก่อนจะดึงออกอย่างเชื่องช้า “อ๊าาา อือ!” มือเล็กยกขึ้นปิดปาก กลั้นเสียงคราง เมื่อรู้สึกแปลกๆ “อือ อือ อือ~” สะโพกสอบ ยังคงโยกคลอนอย่างต่อเนื่อง ทว่าความเป็นชายที่สอดเสียดในร่องสวาท มีเพียงส่วนหัวเท่านั้น ทำให้ฝ่ายรับไม่เกิดความรู้สึกแสบสัน แต่กลับรู้สึกสาดเสียว เพราะส่วนหัวถูไถโดนจุดกระสัน จนฝ่ายรับกระตุกเสร็จเป็นครั้งแรก “ขึ้นมาขย่ม” ฝ่ายรุกเริ่มเปลี่ยนท่า หลังจากฝ่ายรับเสร็จสมไปแล้ว “ขย่มไม่เป็น” มินตราปฏิเสธ ด้วยสีหน้าแดงซ่าน พยายามจะลุกขึ้นจากตักแกร่งกร้าน แต่กลับถูกรั้งเอวเข้าไปหา จนได้สบตากัน “อยากเจ็บหรืออยากเสร็จ” เขาถามด้วยโทนเสียงกดต่ำ แต่แววตาดุดันแข็งกร้าว “ถ้าอยากเสร็จก็ทำตามที่ฉันสั่ง” เธอเงียบ ขณะที่หยดน้ำตาสีใส ล่วงกราวไม่ขาดสาย “ร้องไห้เพื่ออะไร?” มินตราไม่ตอบ แต่รู้สึกผิดกับตัวเองในทุกทุกเรื่องเลย “หยุดร้องเดี๋ยวนี้” “ฮรึก…” “บอกให้หยุดร้อง” “อึก ฮรึก…” “ถ้ายังไม่หยุด ฉันจะเอาเธอไปเป็นอาหารเสือโคร่ง” “ฮึบ!” พยายามหยุดร้อง แต่ริมฝีปากอวบอิ่มยังคงเบะอยู่ “ลุกขึ้น ฉันหมดอารมณ์ทำลูกแล้ว” ดวงหน้าสวยรีบผงกหัวรับ แล้วลุกขึ้นจากตักแกร่ง “ทีอย่างงี้ละ เร็วเชียว” หนุ่มหน้าคมแอบกัด ก่อนจะชันตัวลุกขึ้นจากเตียง “ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วลงไปชงชาให้ฉัน” จัดการตัวเองที่เขาหมายถึง น่าจะให้เธอไปล้างส่วนนั้น เพราะมันเปียกแฉะ หลังจากผ่านการเสร็จสม ในครั้งแรก แต่แทนที่เขาจะให้ปล่อยเธอกลับบ้าน อย่างน้อยแค่บ้านไม้สักริมบึงก็ยังดี แต่นี่ดันกักตัวเธอเอาไว้ เพื่อใช้งานต่อ นอกจากจะปากร้าย ใจอำมหิตแล้ว ยังเป็นจอมเผด็จการอีก! “รีบไปรีบมา อย่ามัวเอ้อระเหยลอยชาย” พอก้าวขาออกจากห้องน้ำ เสียงทุ้มเข้มก็ลอยมาทันที “ค่ะ” “รับทราบค่ะ พูดจาแบบนี้กับผู้ใหญ่เป็นไหม?” ดวงหน้าสะสวย เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยอมพูดตาม “รับทราบค่ะ พอใจหรือยังคะ?” “อย่ามาประชดประชันฉันนะ” “ดิฉันไม่กล้าประชดประชันท่านพญาเสือหรอกค่ะ ดิฉันเพียงแค่ทำตามความต้องการ และตอนนี้ดิฉันก็มีหน้าที่ไปชงชา ดังนั้น ขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ปานน้ำผึ้งเดือนห้า บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม แต่นั่นกลับทำให้คู่สนทนา ขมวดคิ้วเข้มเป็นปมใหญ่ “อย่ามาประชดประชันฉันนะ บลาๆๆ” มินตราพูดจาล้อเลียน หลังจากพ้นประตูห้องมาแล้ว “ถ้าไม่ติดว่ามีปืน อย่าหวังว่าฉันจะยอม ฮึบ!” กำปั้นเล็กทุบลงบนมืออีกข้างอย่างเจ็บใจ หากผู้ชายคนนั้น ไม่มีอำนาจ เธอคงไม่มีทางยอมอยู่ที่นี่เด็ดขาด แต่ว่าเขาดันมีอำนาจบวกกับมีปืน เธอเลยต้องจำใจทำตามสัญญา ถึงแม้ว่าสัญญา เธอจะไม่ได้เป็นคนตอบตกลงก็ตาม “คุณญาณีคะ ชาได้แล้วค่ะ” เสียงของคุณป้ากลิ่นหยด ทำให้มินตราเลิกทำปากขมุบขมิบ แล้วหันไปรับถ้วยชามาถือเอาไว้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนรักสะอาด เธอจะโยนซากจิ้งจกลงไปแช่เอาไว้สักสามนาที แล้วค่อยยกขึ้นไปให้เขาดื่ม แต่พอดีว่าไม่ใช่คนสกปรก ครั้งนี้เลยรอดไป แต่ถ้ายังใช้อำนาจข่มเหงรังแกไม่เลิก เดี๋ยวเจอกัน กรึบ~ “มารยาทมีไหม!?” “คะ?” มินตราถึงกับชะงัก เมื่อถูกคนในห้องดุเสียงเข้ม “วันหน้า วันหลัง หัดเคาะประตูก่อนเปิดเข้ามา!” อะไรของเขา? มาดุเธอด้วยเรื่องแค่นี้อ่านะ (-_-!?) “รับทราบค่ะ” อยากเถียงกลับใจจะขาด แต่ทำไม่ได้ (อึดอัดโคตร!) “ยืนถือชาเอาไว้แบบนั้น แล้วฉันจะได้กินชาติไหน?” “ชาติหน้ามั้งคะ” “ว่าไงนะ!?” “อ้อ ดิฉันหมายถึง ชาติหน้าคงมีมั้งคะ” “พูดจาไร้สาระ” เหอะๆ ไร้สาระเหมือนคุณลุงนั่นแหละ “เธอกำลังด่าฉันอยู่ในใจใช่ไหม?” “เปล่าค่ะ คุณท่านอย่าแสนรู้สิคะ” “แสนรู้เขาเอาไว้ใช้กับสัตว์ไม่ใช่หรือไง?” “มนุษย์ก็เป็นหนึ่งในสัตว์เดรัจฉานนะคะ” มินตราตอบกลับด้วยรอยยิ้มเคลือบยาพิษ ก่อนจะเดินไปวางถ้วยชาข้างโต๊ะพิมพ์ดีด แล้วแอบเหลือบตามอง กระบอกปืนสีทองอร่าม ที่วางอยู่บนตู้ ข้างโต๊ะทำงานของเขา “กล้าหยิบก็เอาสิ” คนตรงหน้าพูดพร้อมกับขยับกรอบแว่น ทว่านัยน์ตาสีดำสนิท ยังคงจดจ่ออยู่ที่แป้นพิมพ์ แล้วพิมพ์งานตามเอกสารอย่างไม่ละสายตา ซึ่งเธอรู้ดีว่าไม่ควรทำตามความคิด เพราะเขารู้ทัน จึงเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ แล้วรอฟังคำสั่งจากเขา “อืม…” ระหว่างรอ นัยน์ตากลมสวยดุจดั่งลูกแก้วสีดำนิล ก็เริ่มกวาดมองไปทั่วห้องนอนของท่านพญาเสือ เพื่อสำรวจว่าภายในห้องนี้ มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง แต่เท่าที่ดูองค์รวม ห้องนี้เหมือนห้องนอนของคุณปู่ ที่มีกลิ่นคนแก่นิดๆ อันนี้ไม่จ้อจี้ ใครใกล้ชิดคุณปู่คุณย่า จะรู้ว่านี่เป็นกลิ่นคนมีอายุ แต่เป็นกลิ่นหอมสมุนไพรไทยโบราณ เหมือนในสปา ไม่ใช่กลิ่นเหม็น ส่วนขนาดห้อง ไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิด ถ้าเปรียบเทียบกับห้องนอนในบ้านไม้สักริมบึง ห้องนี้ใหญ่กว่าหนึ่งเท่า มีโซนนอนกับโซนทำงาน อยู่ภายในห้องเดียวกัน และเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ยังคงทำจากไม้สัก ดูเรียบง่ายไม่ต่างจากห้องนอนของเธอ เหมือนเขาไม่ค่อยได้อยู่ด้วยมั้ง เท่าที่จำได้ เขาเพิ่งจะออกจากคุก ห้องนี้เลยดูโล่งมากเลย เอ้อ! ลืมบอกว่าห้องนี้มีเครื่องปรับอากาศด้วยนะ แต่เจ้าตัวยังไม่เปิด เปิดแค่หน้าต่างรับลมสไตล์คนแก่ เอ้ย! คนมีอายุ และที่สำคัญไปกว่านั้น ห้องน้ำมีโถสุขภัณฑ์ทันสมัย และมีเครื่องทำน้ำอุ่น นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอสนใจที่สุด ถ้าขออะไรได้ เธออยากขอเครื่องทำน้ำอุ่น เพราะมันมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของเธอมาก การใช้น้ำที่มาจากธรรมชาติ มันทำให้เธอหนาวเย็นยะเยือกไปจนถึงกระดูก “อืม…” “เลิกทำเสียงแบบนั้น มันรบกวนสมาธิ” “ติดเครื่องทำน้ำอุ่นให้หน่อยได้ไหมคะ?” สายตาคมกริบภายใต้กรอบแว่น ช้อนขึ้นมามองเธอ “ถ้าคุณท่านต้องการให้ดิฉันอยู่ที่นี่ต่อ ดิฉันอยากได้เครื่องทำน้ำอุ่น ไม่สิ! ดิฉันอยากได้ห้องน้ำใหม่ ให้เหมือนกันห้องน้ำของคุณท่าน แล้วก็ขอรั้วกั้นหรือไม่ก็กำแพง เพราะดิฉันไม่อยากเผชิญหน้ากับสัตว์ตามธรรมชาติ เวลาที่ต้องไปอาบน้ำยามดึก หากคุณท่านจะกรุณาดิฉันก็ขอบพระคุณค่ะ” มินตราชิ่งขอบคุณก่อน เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายปฏิเสธ “นั่นเป็นคำขอ หรือเป็นสิ่งที่ฉันควรทำให้เธอ?” “จะคิดยังไง เอาตามที่คุณท่านสะดวกใจเลยค่ะ” “หึ! ต่อปากต่อคำเก่งนักนะ” ดวงหน้าสะสวยคลี่ยิ้มหวาน ก่อนจะหุบยิ้มเป็นเชิงว่าไม่ได้เต็มใจที่จะยิ้มให้ แต่ถูกบังคับให้อยู่ เธอจึงต้องเรียกร้องในสิ่งที่พอจะขอได้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นเจ้าพ่อมาเฟีย เธอจะมาอยู่ห้องนี้ แล้วไล่เขาไปอยู่บ้านริมบึง (แค่คิด ไม่กล้าทำหรอก) “แล้วดิฉันต้องนั่งอยู่อย่างนี้อีกนานไหมคะ?” “สมาธิสั้นหรือไง ถึงนั่งรอเงียบๆ ไม่ได้” “อ้อค่ะ นั่งรอเงียบๆ ได้ค่ะ แต่นั่งรอไปเพื่ออะไรคะ?” เขาถอนหายใจเสียงดัง ก่อนจะช้อนสายตาเชิงตำหนิขึ้นมามองอีกครั้ง ซึ่งเธอยังคงยิ้มหวานพลางกะพริบตาปริบๆ “ลงไปซะ” “ขอบพระคุณค่ะ” รีบลุกขึ้น เพราะนี่เป็นสิ่งที่เธออยากได้ยินมากที่สุด! “ไปชงชาถ้วยใหม่” “คะ!?” ถึงกับชะงักฝีเท้า มือที่ยกไหว้ขอบคุณยังค้างอยู่เลย “แล้วกลับขึ้นมานอนที่นี่” “ทะ ทำไมต้องนอนที่นี่คะ?” “ทำไมต้องถามให้มากความ ฉันสั่ง เธอก็แค่ทำตาม” “แต่ดิฉันไม่อยากนอนกับคุณท่านนะคะ” “แล้วคิดว่าฉันอยากนอนกับเธอนักหรือไง?” เอ้า! ไม่อยากนอนด้วยกัน แล้วจะมาชวนเธอทำไม “ถ้าไม่อยากนอน งั้นเราแยกกันนอนดีกว่านะคะ” “ไม่” “เฮ้! Fuck…” เธอหลุดสบถคำหยาบคาย อีกฝ่ายเลยถลึงตาใส่ “Sorry ค่ะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ” “เลิกพูดไทยคำอังกฤษคำ มันฟังดูน่ารำคาญ” “Understood!” “(-_-!)” “I will speak English, my only language.” “(-*-!)” “Happy now?” “ไปให้พ้น ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน” “I understand, sir!” สิ้นสุดประโยคนั้น ร่างเพรียวบางก็รีบปลีกตัวออกมาจากห้องด้วยความเร็วแสง ถ้ารู้ว่ากวนประสาท แล้วถูกคุณลุงบ้าอำนาจ ไล่ออกจากห้อง เธอคงกวนบาทาไปตั้งนานแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม