จวนสกุลหลิน
ตุบ! ร่างระหงของลี่มี่มี่กระโดดจากขอบกำแพงจวนจนมายืนอยู่ในเขตพื้นที่ประตูทางด้านทิศเหนือที่เต็มไปด้วยต้นอวี้หลันยืนสูงตระหง่านโดดเด่นเรียงรายเป็นทิวแถวไปตลอดแนวกำแพง
เฮ้อ! เสียงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมก้าวเท้าเดินตรงไปตามทางที่ทอดยาวเพื่อเข้าไปภายในเรือน หากแต่เพียงแค่ไม่กี่ก้าวลี่มี่มี่กลับต้องหยุดเดินทันใด
เมื่อมีกลุ่มคนชุดดำปิดหน้าตาคลุมศีรษะด้วยผ้าดำอย่างมิดชิดจำนวนหลายสิบคนพากันโรยตัวกระโดดข้ามกำแพงจวนพร้อมตรงเข้ารายล้อมหญิงสาวเอาไว้จนไม่สามารถวิ่งหนีไปไหนได้
ควับ! ดาบยาวคมกริบถูกตวัดลงวางพาดไว้ที่ลำคอของลี่มี่มี่อย่างรวดเร็ว
“เจ้าหนุ่มหน้าสวยเอาตั๋วแลกเงินออกมาเดี๋ยวนี้ แล้วจงบอกมาว่าได้ตั๋วแลกเงินเหล่านั้นมาจากไหน!”หนึ่งในชายชุดดำออกคำสั่งเสียงกร้าวพร้อมกดคมดาบลงไปที่ผิวเนื้อนวลผ่องของเธอ
ดวงตาคมเฉี่ยวของลี่มี่มี่ปลายตามองไปที่คมดาบที่กดลงบนลำคอของเธออยู่ในขณะนั้นรู้สึกได้เป็นอย่างดีว่าคมดาบนั้นกำลังบาดลึกเข้าไปในผิวเนื้อด้านใน
“ที่แท้ก็มีคนคอยแกะรอยตามตั๋วแลกเงินจินหมิงอยู่จริงๆ ถ้าเช่นนั้นจะต้องมีใครบางคนมอบตั๋วแลกเงินเหล่านี้ให้กับท่านพ่อ แล้วหาทางเอากลับคืนไป แต่เป็นเพราะทรัพย์สินของสกุลหลินเก็บซ่อนในห้องใต้ดินพวกมันจึงค้นหาไม่พบ แสดงว่าโรงแลกเงินจินหมิงจะต้องล่วงรู้ทุกอย่าง”ลี่มี่มี่คิดในใจพลางปลายหางตาเหลือบมองอยู่เพียงครู่พร้อมเอ่ยขึ้น
“เล่นกันซึ่งหน้าแบบนี้เลยเหรอพี่ชาย..ค่อยๆ พูดกันก็ได้อยากได้อะไรก็บอกไม่เห็นจะต้องพาดดาบบนคอกันแบบนี้เลย”
“ก็ข้าบอกอยู่นี่ไงว่าเจ้าไปเอาตั๋วแลกเงินจินหมิงใบนั้นมาจากที่ไหน! อย่าปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น ในเมื่อเพิ่งใช้มันเป็นค่าห้องพักที่หยงไท่ หลักฐานเห็นอย่างเด่นชัดเช่นนี้อย่ามาบอกว่าไม่รู้มันยากแล้วละเจ้าหนุ่ม”ไอ้โม่งคนดังกล่าวถามเสียงกร้าวพยายามคาดคั้นเอาความจริงจากบุรุษหน้าสวย รูปร่างอ้อนแอ่นราวอิสตรีตรงหน้า
“แสนรู้จริงเชียว! กินอาหารเม็ดยี่ห้ออะไรกันเหรอช่างฉลาดลึกล้ำยิ่งนัก ข้าน้อยขอนับถือ แล้วนี่อะไรแห่แหนกันมาตั้งมากมายเพื่อมาล้อมจับข้าเพียงคนเดียวนี่นะ...กลัวข้าเหรอถึงยกพวกมาเป็นฝูงขนาดนี้เชียว”
ลี่มี่มี่พูดประชดเปรียบเปรยชายชุดดำกลุ่มนั้นบริโภคอาหารหมาพร้อมหลอกด่าเป็นความนัยซึ่งแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดเข้าใจในสิ่งที่เธอกล่าวออกมาแต่อย่างใด
“พูดจาไม่รู้ความ! บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าไปเอาตั๋วแลกเงินมาจากที่ไหน! เก็บซุกซ่อนเอาไว้ที่ใด”ชายชุดดำคนเดิมตวาดถาม
ดวงตาคมเฉี่ยวแข็งกร้าวขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าสวยแสยะยิ้มเหยียดพร้อมจ้องหน้าชายชุดดำตรงหน้าที่กำลังล้อมตัวเธอเอาไว้ไม่มีทางวิ่งหนีไปไหนได้เลย
“กลับไปถามมารดาของพวกเจ้าในนรกซะ! ไอ้ลูกเต่า!”ลี่มี่มี่ก่นด่ากลับไปอย่างไม่กลัวเกรง
และนั่นทำให้กลุ่มชายชุดดำต่างพากันหัวร้อนกันถ้วนหน้าเมื่อถูกด่ากลับมาเช่นนั้น
“ลากตัวมันกลับไป! อยากจะรู้นักว่าจะทนการทรมานได้แค่ไหนจะปิดปากได้สักกี่น้ำ! พาตัวไป!!!”ชายชุดดำที่คล้ายเป็นหัวหน้าสั่งการออกมาทันที
ทันใดนั้นเอง
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! มีดสั้นไม่รู้มาจากแห่งหนใดลอยคว้างแหวกว่ายมาตามกระแสลมแรงพุ่งตรงไปที่กลุ่มชายชุดดำเหล่านั้น
ฉึก! ฉึก! ฉึก! มีดสั้นจำนวนสามเล่มพุ่งตรงเข้าปักไปที่กลางหน้าอกของกลุ่มชายชุดดำดังกล่าวจนมิดด้าม ร่างร่วงหล่นทรุดฮวบไปกับพื้นขาดใจตายคาที่ต่อหน้าสหายที่มาด้วยกัน พร้อมร่างสูงใหญ่ของชายลึกลับผู้หนึ่งใช้วิชาตัวเบากระโดดเข้ามาคว้าร่างของลี่มี่มี่จนสามารถดึงออกจากกลุ่มคนเหล่านั้นได้เป็นผลสำเร็จ
“หนีไป!”เสียงตะโกนก้องหันกลับมาสั่งหญิงสาว ทันทีที่กระชากร่างออกมาจากกลุ่มมือสังหารนับหลายสิบชีวิตได้สำเร็จ
ลี่มี่มี่ที่กำลังยืนตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้ามองผู้ชายที่เข้ามาช่วยชีวิตเธอและจำได้ขึ้นมาทันทีว่าเป็นคนเดียวกันที่ตามเธอมาตลอดทั้งวัน
“ขอบคุณพี่ชายที่ช่วยชีวิต บุญคุณครั้งนี้ข้าจะต้องตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”ลี่มี่มี่กล่าวขอบคุณโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ยินคำกล่าวของเธอเสียด้วยซ้ำ
ด้วยเพราะร่างสูงใหญ่ตรงหน้าชักดาบยาวออกจากฝักทันทีที่หันกลับมาตะโกนบอกเธอ ร่างใหญ่วิ่งเข้าปะทะกับกลุ่มคนชุดดำอย่างรวดเร็วไปเพียงลำพัง
“เอาชีวิตรอดก่อนดีกว่ามี่มี่! ขืนตายก่อนได้จบเห่กันพอดี”หญิงสาวพูดพร้อมหันหลังกลับวิ่งหน้าตั้งโกยอ้าวอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะได้ยินเสียงของหนึ่งในชายชุดดำตะโกนก้องออกมา
“คนผู้นี้คือจอมอำมหิตแห่งตงฉ่าง! ถอย! รีบหนีเอาชีวิตรอดเร็วเข้า!!!”เสียงตะโกนก้องร้องเตือนเพื่อนพ้องก่อนจะรีบแยกย้ายตัวใครตัวมันเพื่อไม่ให้ถูกจอมอำหมิตไล่ล่าหรือถูกจับกุมตัวเพื่อเค้นหาความจริงจากพวกมัน
ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้ารีบดึงปืนไฟที่เหน็บอยู่ทางด้านหลังหันปากกระบอกปืนไฟไปทางลี่มี่มี่ที่กำลังวิ่งหนีไปที่กำแพงจวนเพื่ออ้อมไปทางลัดหมายที่จะซุกซ่อนตัวอยู่ที่ห้องใต้ดิน พร้อมตะโกนสั่งลูกน้องที่วิ่งตามมาติดๆ
“ไปสกัดเอาไว้ ข้าจะต้องปิดปากเจ้าเด็กหนุ่มผู้นั้นไม่ให้ตกไปอยู่ในกำมือของจอมอำมหิต หาไม่แล้วนายท่านจะต้องเดือดร้อนหากถูกสาวมาถึง”
“แต่เด็กหนุ่มผู้นั้นจะเป็นเบาะแสที่นายท่านสามารถติดตามตั๋วแลกเงินสองล้านตำลึงและทรัพย์สินมหาศาลอื่นๆ ได้อีกนะหัวหน้า หากฆ่ามันแล้วจะไปตามแกะรอยได้ที่ไหน”ลูกน้องคนสนิททักท้วงกลับไป
“ขืนไม่ฆ่าจะให้ความตายย้อนกลับมาหานายท่านอย่างนั้นเหรอเจ้าโง่! ไม่ใช่ตายเพียงแค่คนเดียวนะแต่ตายสิบชั่วโคตรเลยทีเดียวจะเอาแบบนั้นเหรอ...บอกให้ไปทำอะไรก็รีบไป!!!”คนเป็นหัวหน้าตวาดกลับไป
ลูกน้องคนสนิทพยักหน้ารับคำสั่งทันทีพร้อมหันกายวิ่งกลับไปทางเดิม
วี้ดดดด!!!! เสียงหวีดหวิวดังออกจากปากส่งสัญญาณลับให้ล้อมชายผู้มีฉายาว่า จอมอำมหิตแห่งตงฉ่าง ไม่ให้หันกลับไปปกป้องเด็กหนุ่มที่พวกตนไม่สามารถนำกลับไปได้
“ล้อมไว้!”เสียงสั่งการดังก้องพร้อมชายชุดดำวิ่งกรูเข้าหาบุรุษปริศนาที่กลุ่มคนชุดดำล่วงรู้ดีว่าเป็นผู้ใด ก่อนจะถูกเจ้าของสมญานามอันลือลั่น ลงคมดาบฟาดฟันมาที่ร่างเหล่านั้นอย่างไม่ยั้งมือคนแล้วคนเล่าดั่งใบไม้ปลิดปลิว
อ๊าคคค!!!! เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังออกมาเป็นระยะๆ กึกก้องอยู่ภายในจวนร้างสกุลหลิน ดาบยาวคมกริบเปื้อนโลหิตมากมายจนไหลอาบจากปลายดาบหยดลงไปตามพื้น บุรุษนักล่าจอมอำมหิตแห่งตงฉ่าง หมุนกายคว้างดั่งลูกข่างพร้อมกวัดแกว่งดาบยาวที่อยู่ในมืออย่างคล่องแคล่ว
ดวงตาสีนิลมองตามร่างของชายชุดดำที่ใช้วิชาตัวเบาพุ่งตรงเข้าไปหาเด็กหนุ่มชุดขาวที่กำลังวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตอยู่ในขณะนั้น
“เจ้าหนุ่มระวัง!!!!”เสียงตะโกนก้องร้องเตือนลี่มี่มี่ให้ล่วงรู้ตัว
ในขณะเดียวกันหัวหน้ากลุ่มชายชุดดำใช้วิชาตัวเบากระโดดลอยละลิ่ว ม้วนตัวตีลังกาไปยืนดักหน้าเป้าหมายของตนโดยที่ลี่มี่มี่ซึ่งกำลังวิ่งอยู่ในขณะนั้นไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางการวิ่งได้ทัน
ปืนไฟที่อยู่ในมือของหัวหน้าชายชุดดำหันปากกระบอกปืนไปที่ร่างของลี่มี่มี่ที่กำลังวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต พร้อมเหนี่ยวไกลั่นกระสุนปืนออกไปทันทีในระยะเผาขนเมื่อหญิงสาววิ่งเข้ามาหาวิถีกระสุนปืนดังกล่าว
เปรี้ยง! เสียงคำรามลั่นของอาวุธที่มีอานุภาพมากเสียยิ่งกว่าคมดาบและคมธนู ดังกึกก้องขึ้นภายในจวนสกุลหลินที่ปิดร้างจนชาวเมืองที่อยู่ในละแวกนั้นต่างได้ยินกันจนทั่ว
ฟิ้วววว!!!! ลูกกระสุนพุ่งหลาวแหวกอากาศมุ่งตรงไปที่ร่างของลี่มี่มี่อย่างรวดเร็ว
ฉึก! กระสุนนัดแรกเจาะเข้าทะลุเต้านมจนกระสุนฝังในอยู่แถบบริเวณทรวงอกของหญิงสาว
เฮือก!!! ร่างระหงของลี่มี่มี่ผงะไปตามแรงกระสุน
เปรี้ยง!!! เสียงคำรามลั่นดังออกไปอีกครั้งเมื่อกระสุนนัดที่สองพุ่งออกจากปากกระบอกปืนไฟตามมาติดๆ เพื่อให้แน่ใจว่าได้ปิดปากผู้ที่ล่วงรู้แหล่งที่มาตั๋วแลกเงินดังกล่าว
ฉึก! กระสุนนัดที่สองเจาะเข้าที่หน้าท้องและนัดนี้ทำให้ร่างของหญิงสาวผงะหงายท้องทรุดฮวบลงไปนอนกับพื้นทันที พร้อมร่างของชายชุดดำใช้วิชาตัวเบากระโดดหนีข้ามกำแพงเล็ดรอดออกไปจากจวนได้เป็นผลสำเร็จ
ตุบบบ! ร่างระหงของลี่มี่มี่ถูกวิถีกระสุนเจาะเข้าทะลุส่วนสำคัญของร่างกายอย่างรุนแรง ร่างงามของเธอถึงกับผงะถอยหลังจนกระแทกลงกับพื้นดิน กวานที่ครอบผมอยู่ในขณะนั้นกระเด็นออกจากมวยผมจนเส้นผมสีดำยาวสยายกระจายเต็มพื้น
ร่างงามของลี่มี่มี่ล้มลงกระแทกกับพื้นดินในท่านอนหงายอยู่ใต้ต้นอวี้หลัน ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ใบหน้าบิดเบี้ยวไปมาด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับอย่างยิ่งยวด
“จะ..เจ็บ..เจ็บจัง...เจ็บ..จังเลย”ลี่มี่มี่พึมพำเสียงสั่น
ฉับพลันใบหน้าแสนสวยค่อยๆ คลายความเจ็บปวดลงเมื่อเห็นดอกอวี้หลันสีม่วงผลิบานเต็มต้นไปหมด และร่างของน้องสาววัยสี่ขวบหลินซูเจิน ปรากฏกายอยู่ใต้ต้นอวี้หลัน นางกำลังยืนส่งยิ้มให้อย่างไร้เดียงสา
“ท่านพี่!”หลินซูเจินร้องเรียกลี่มี่มี่
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าครั้นเห็นเช่นนั้น พร้อมหยาดน้ำไหลรินออกมาจากขอบตาเป็นทางยาว
“จะ..เจิน..เจิน”หญิงสาวพยายามเรียกชื่อน้องสาว
พรืดดด!!! ลี่มี่มี่กระอักเลือดออกมากองใหญ่จนโลหิตไหลออกจากปากเปรอะเปื้อนแก้มและลำคอไหลเป็นทางยาวไปถึงพื้น
ฉับพลันปรากฏท่อนแขนใหญ่ตรงเข้าช้อนร่างระหงของลี่มี่มี่รีบยกขึ้นจากพื้นดินรวดเร็ว
ตึก! ตึก! ตึก! นิ้วแข็งตรงเข้าสกัดจุดเพื่อห้ามเลือดให้แก่เธอ แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักเมื่อนิ้วมือสัมผัสถูกเต้านมของหญิงสาวเข้าให้อย่างจัง
“นี่เจ้า!”เสียงทุ้มใหญ่เอ่ยออกมาได้เพียงแค่นั้น
เมื่อปลายนิ้วสัมผัสส่วนสำคัญของสตรีด้วยความบังเอิญ หากแต่ไม่มีเวลาสอบถามให้มากความเพราะบาดแผลที่กำลังเห็นอยู่ในขณะนี้ช่างสาหัสยิ่งนัก ท่อนแขนใหญ่ตรงเข้าช้อนร่างของลี่มี่มี่เพื่ออุ้มนางไปรักษา
“ข้าจะรีบพาเจ้าไปโรงหมอ”จอมอำมหิตบอกหญิงสาว
“ยะ...อย่า...ขะ..ข้าไม่รอดหรอกพี่ชาย..อย่า...เสียเวลา...ปล่อยให้ข้าตายที่บ้านของข้าเถิด”หญิงสาวบอกกลับไป
และนั่นทำให้จอมอำมหิตแห่งตงฉ่างถึงกับหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินลี่มี่มี่กล่าวออกมาเช่นนั้น
“เจ้าคือคนสกุลหลินอย่างนั้นเหรอ”เสียงห้าวถามกลับไป
ลี่มี่มี่ค่อยๆ พยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันเป็นการยอมรับ
“ขะ...ขอบ...ขอบคุณพี่ชาย...ที่ช่วยชีวิต..ตะ..แต่ข้าไม่รอดละ...แล้ว..บุญคุณคะ..ครั้งนี้..ขะ..ข้า..ขอทดแทนท่านในชาติหน้า”หญิงสาวบอกกลับไปเสียงสั่น
จอมอำมหิตนั่งมองใบหน้าสวยคมเฉี่ยวอยู่เช่นนั้น เด็กหนุ่มที่เฝ้าตามติดมาตลอดทั้งวันแท้จริงแล้วคือสตรี มิน่าเล่าขนาดปลอมตนเป็นบุรุษนางยังมีใบหน้าสวยและงดงามมาก ความงามที่ผิดแปลกตาไปจากผู้คนทั่วไปไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน
“เจ้ามีนามว่าอะไร ข้าจะทำป้ายหลุมฝังศพให้”ชายหนุ่มเอ่ยถามกลับมาด้วยความอยากรู้
รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้างามเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ละ..หลิน..ละ..ลี่...ชะ...ชา”หญิงสาวบอกชื่อของเธอออกไป
ดวงตาสีนิลกาฬคมกล้าเบิกกว้างขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินชื่อดังกล่าวออกมาจากปากของร่างตรงหน้า เพราะจดจำได้เป็นอย่างดีว่าชื่อแซ่นามนี้เป็นบุตรีลำดับที่สิบหกของเสนาบดีหลินเหยียนเจิ้งและฮูหยินเซียวที่ถูกไฟคลอกตายในบ่อน้ำที่อยู่ตรงหน้าในขณะนี้
“เป็นไปไม่ได้!”เสียงทุ้มใหญ่เอ่ยออกมาทันที
ทันใดนั้นเอง
กลิ่นหอมฟุ้งของดอกอวี้หลันตลบอบอวลแผ่ไปทั่วบริเวณ ม่านหมอกสีขาวบางเบาเริ่มเข้ามาปกคลุมโดยรอบ พร้อมกลีบดอกอวี้หลันสีม่วงเริ่มโปรยปรายลงมาที่ร่างของลี่มี่มี่ หญิงสาวเอื้อมมือหยิบดอกอวี้หลันขึ้นมาพร้อมเอ่ยขึ้น
“ฝะ..ฝังข้า..ใต้ต้นอวี้..หลัน...ข้าชอบ...ดอก..ไม้สีม่วงนี้มาก”ลี่มี่มี่พูดพร้อมส่งยิ้มให้กับชายปริศนาที่มาช่วยชีวิตเธอ
ในขณะที่คนฟังนั้นกำลังนั่งสับสนและงุนงงในสิ่งที่ได้ล่วงรู้เมื่อสตรีในอ้อมแขนบอกชื่อแซ่ของนางว่าแท้จริงแล้วคือผู้ใด แต่แล้วเพียงครู่ดวงตาสีนิลกาฬกลับต้องเบิกกว้างด้วยอาการตื่นตะลึง
เมื่อปรากฏม่านหมอกหนาเข้าปกคลุมพร้อมกลิ่นหอมของดอกอวี้หลันทวีมากยิ่งขึ้น และร่างของสตรีที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนในขณะนั้นค่อยๆ เลือนรางหายไปอย่างช้าๆ
จวบจนกระทั่งร่างของนางหายลับไปในที่สุดต่อหน้าต่อตา หัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรซือหม่าเยี่ยคัง ซึ่งกำลังนั่งนิ่งงันอยู่กับที่ดวงตาเบิกค้างอยู่เช่นนั้นอยู่เป็นเวลานาน และทันทีที่รู้สึกตัว
“หลินลี่ชา! หลินลี่ชา!!!”! เสียงเรียกชื่อสตรีลึกลับที่เลือนหายไปต่อหน้าดังกึกก้องท่ามกลางความเงียบงัน
ดวงตาสีนิลคมกล้ากลอกไปมาด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็นเมื่อครู่ที่ผ่านมา ภายในอ้อมแขนเวลานี้ไม่ปรากฏร่างของสตรีที่ปลอมตัวเป็นบุรุษอีกต่อไป หลงเหลือไว้แต่เพียงดอกอวี้หลันสีม่วงตกอยู่และสร้อยล็อกเก็ตซึ่งเป็นนาฬิกาบอกเวลาของลี่มี่มี่ที่เธอทั้งรักและหวงแหนมากที่สุดร่วงหล่นตกอยู่ที่พื้น
มือหนาเอื้อมหยิบดอกอวี้หลันสีม่วงและสร้อยล็อกเก็ตที่ตกอยู่ตรงหน้าขึ้นมาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ดวงตาเฝ้ามองสลับไปสลับมาอยู่เช่นนั้น ก่อนจะเปิดสร้อยที่ห้อยบางอย่างมีลักษณะวงกลม
ผลัวะ!!! ฝาล็อกเก็ตดีดขึ้นพร้อมเปิดอ้าออก ก่อนจะพบว่าภายในนั้นคือนาฬิกาบอกเวลา ซึ่งไม่เคยพบเห็นจากที่ไหนมาก่อน
และภายในล็อกเก็ตดังกล่าวมีรูปถ่ายในยุคปัจจุบันของลี่มี่มี่ ดวงตาสีนิลกาฬคมกล้า สบประสานเข้ากับกับดวงตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยความสดใสผ่านทางภาพถ่าย แม้ว่าดวงตาของนางจะคมดุแต่มีเสน่ห์ชวนมอง
รูปถ่ายของลี่มี่มี่กำลังมองตรงมาที่ใบหน้าจอมอำมหิตแห่งตงฉ่างอยู่ในขณะนั้นเช่นกัน
พรึบ! ฝาล็อกเก็ตพลันปิดลงทันใดพร้อมเปลือกตาปิดลงทันทีอยู่เช่นนั้นนิ่งนาน ก่อนจะเปิดขึ้นอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปเกือบครึ่งก้านธูป
“นี่ข้ากำลังพานพบกับอะไรกันแน่! หลินลี่ชาตายไปแล้วเมื่อหกเดือนก่อน นางถูกไฟคลอกตายพร้อมกับน้องสาวภายในบ่อน้ำตรงหน้าข้าอยู่ในขณะนี้ไม่ใช่เหรอ”คำพูดดังกล่าวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“หรือว่าศพที่ถูกเผาไม่ใช่หลินลี่ชา...แต่เป็นผู้อื่นในขณะที่ตัวจริงก็คือนาง!”เสียงทุ้มเฝ้าตอกย้ำเตือนในสิ่งที่เพิ่งพานพบพลางยกดอกอวี้หลันสีม่วงและล็อกเก็ตที่อยู่ในมือขึ้นมามองอีกครั้ง
“เป็นไปได้หรือนี่!”หัวหน้าหน่วยองครักษ์เสื้อแพรพึมพำออกมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเฝ้าทบทวนอย่างไรเขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เห็นนั้นคือความจริง
แต่ในขณะเดียวกันดอกอวี้หลันสีม่วงและสร้อยรูปร่างแปลกประหลาดที่ไม่เคยพานพบเห็นมาก่อน ซึ่งซือหม่าเยี่ยคังเก็บได้มาพร้อมกันและมีรูปถ่ายของลี่มี่มี่อยู่ภายในล็อกเก็ตนั้น
สตรีสาวผู้นั้นบอกว่านางคือหลินลี่ชา และได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยต่อหน้าต่อตาองครักษ์หนุ่ม ผู้ที่ไม่เคยหลงเชื่อและงมงายในเรื่องพวกนี้แต่อย่างใด
แต่เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อครู่ที่ผ่านมากลับย้ำเตือนยิ่งขึ้นไปอีกว่าสิ่งที่เห็นนั้นคือความจริง ไม่ใช่ภาพหลอนลวงตาอย่างแน่นอน
ครั้นก้มลงมองพื้นที่เต็มไปด้วยโลหิตมากมายของนางยังคงไหลนองอยู่บนพื้นปรากฏให้เห็นอยู่เช่นนั้นอย่างชัดเจน รวมไปถึงหยาดโลหิตของนางที่เปื้อนแขนเสื้อของซือหม่าเยี่ยคังทำให้องครักษ์เสื้อแพรผู้กล้า ไม่สามารถหาข้อปฏิเสธอื่นใดมาลบล้างสิ่งที่เห็นนั้นได้แต่อย่างใด
“หลินลี่ชา! เจ้าหายตัวไปที่ไหน..เจ้าหายไปไหน!!!”