ตอนที่ 8 คุณชายหน้าสวย /1

2784 คำ
โรงเตี๊ยม ร่างสูงระหงของลี่มี่มี่ก้าวเข้าไปภายในโรงเตี้ยมใหญ่ที่สุดในย่านนั้น ก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วบริเวณด้วยเพราะจดจำได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อครั้งที่เกิดเป็นหลินลี่ชา ไม่ค่อยได้ก้าวออกมาจากจวนเดินเที่ยวเล่นย่านการค้าภายในเมืองหลวง หรือแม้แต่จะแวะเข้าโรงเตี๊ยมแต่อย่างใด เป็นสิ่งที่สตรีชั้นสูงไม่ได้รับการอนุญาตให้ปฏิบัติได้เช่นนั้นแตกต่างจากบุรุษมากมายยิ่งนัก สตรีต้องอยู่เรือนคอยเฝ้าดูแลความเรียบร้อย เลี้ยงดูบุตรและปรนนิบัติสามี ถึงวัยออกเรือนก็ต้องแต่งงานตามที่พ่อและแม่เห็นชอบและเลือกหาคู่ครองที่สมฐานะและหน้าตาเอาไว้ให้ “ว้าว! ดูท่าทางไม่เลวเหมือนกันแฮะ”หญิงสาวกล่าวออกมาเบาๆ พลางพยักหน้าขึ้นลงอย่างพึงพอใจ เมื่อดวงตาคู่สวยกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณโรงเตี๊ยมชั้นล่างที่เต็มไปด้วยผู้คน ซึ่งเข้ามาพักแรมค้างคืนและแวะทานอาหาร สายตาของทุกคู่หันกลับมามองหญิงสาวเป็นตาเดียวกัน เมื่อเห็นบุรุษแปลกหน้าที่มองอย่างไงหน้าหวานเสียยิ่งกว่าผู้หญิงและรูปงามมากกว่าบุรุษทั่วไปในยุคนี้เสียมากกว่า หญิงสาวเป็นจุดสนใจนับตั้งแต่เดินปรากฏตัวในย่านตลาดร้านค้าใจกลางเมืองหลวงแล้ว เธอตกเป็นเป้าสายตาของสตรีทุกนางที่ได้เห็นลี่มี่มี่ ก่อนจะได้ยินเสียงของเสี่ยวเอ๋อที่กำลังรีบเดินตรงดิ่งมาต้อนรับ “คุณชายท่านนี้เข้ามานั่งข้างในเถิดขอรับ เดินทางมากี่คน ต้องการห้องพักหรือไม่หรือว่าต้องการทานอาหารเพียงอย่างเดียว หรือว่า...”เสี่ยวเอ๋อพูดยังไม่ทันจบลี่มี่มี่ยกมือขึ้นห้ามทันที “พอแล้ว! ตอนนี้ข้าหิวมากไปเอาอาหารดีที่สุดทุกอย่างของที่นี้มาให้กินหน่อย แล้วก็มีชาผู่เอ๋อไหม”ลี่มี่มี่ถามกลับไป เสี่ยวเอ๋อผู้นั้นได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “โรงเตี๋ยมของเราไม่มีชาผู่เอ๋อหรอกขอรับคุณชายเพราะราคาแพงมาก ส่วนใหญ่ชานี้จะเป็นระดับขุนนางใหญ่ได้รับพระราชทานมาจากฮ่องเต้ หรือไม่ก็พวกคหบดีผู้มั่งคั่ง ร่ำรวยมีอันจะกินจึงสามารถซื้อชานี้มาดื่มได้ คนธรรมดาทั่วไปไม่มีโอกาสได้ดื่มชาชนิดนี้หรอกขอรับคุณชาย” “ออ...อย่างนั้นเหรอ”ลี่มี่มี่กล่าวเสียงเบาพร้อมเอ่ยขึ้น “ถ้าเช่นนั้นเอาชาดีที่สุดของที่นี่มาให้ข้าหนึ่งกา รีบไปเอามาหน่อยนะข้าหิวน้ำมากเลย”ลี่มี่มี่กำชับกลับไป “ขอรับคุณชาย เชิญตามข้าน้อยมานั่งในห้องส่วนตัวดีกว่าขอรับ ทางโรงเตี๊ยมเรามีห้องส่วนตัวรับรองเอาไว้ด้วย” “อย่างนั้นเหรอ นำทางไปสิ”หญิงสาวพูดพลางเดินตามหลังเสี่ยวเอ๋อคนดังกล่าว ท่ามกลางสายตาของผู้คนในโรงเตี๊ยมต่างมองตามคุณชาย รูปงามหน้าหวานเสียยิ่งกว่าสตรี ร่างสูงโปร่งแต่ไม่ผอมแห้งเหมือนคนขี้โรคแต่อย่างใด ลี่มี่มี่ล่วงรู้ดีว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาจึงหันหลังกลับพร้อมกวาดสายตามองผู้คนในโรงเตี๊ยม ในขณะที่ทุกคนรีบหันกลับไปมองทางอื่นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “มองมามองกลับไม่โกง เรื่องอะไรจะถูกมองฝ่ายเดียว..ชิ!”หญิงสาวพูดพลางโบกพัดที่อยู่ในมือสะบัดไปมาพร้อมหันกายเดินตามเสี่ยวเอ๋อที่หยุดยืนรอไปชั่วขณะก่อนจะทำหน้าที่นำทางต่อไปจนถึงห้องรับรองส่วนตัว ครั้นร่างระหงก้าวเข้ามาภายในห้องรับรองดังกล่าว ใบหน้าสวยคมเฉี่ยวพยักขึ้นลงอย่างพึงพอใจกับการตกแต่งภายในห้องดังกล่าวซึ่งในยุคปัจจุบันไม่หลงเหลือให้เห็นเสียเท่าใดนัก “เข้าท่า”หญิงสาวพูดพลางนั่งลงบนเก้าอี้เอนหลังพิงพนักพร้อมเอ่ยขึ้น “รีบไปเอาน้ำชามาให้ข้าหนึ่งกาเร็วเข้า!”ลี่มี่มี่กล่าวเสียงดุ “ขอรับคุณชายรอสักครู่”เสี่ยวเอ๋อรีบรับคำอย่างรวดเร็วหันกายกลับเดินออกจากห้องดังกล่าวเพื่อไปจัดหาในสิ่งที่คุณชายหน้าหวานต้องการ ครึ่งชั่วยามผ่านไป ตึก! ถ้วยชาถูกวางลงบนโต๊ะ ท่ามกลางอาหารที่มีถึงสิบอย่างด้วยกัน มาบัดนี้กลับเหลือเพียงจานเปล่า หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือสืบเนื่องมาจากแม่สาวคนงามหิวข้าวอย่างหนักจึงทานอาหารไม่ยั้งด้วยความหิวโหย พร้อมดื่มชาหมดไปถึงสองกาเลยทีเดียว “เก็บตังคด้วย!”ลี่มี่มี่ตะโกนเรียกด้วยความเคยชินก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าควรพูดตามแบบฉบับของผู้คนในยุคนี้ “เสี่ยวเอ๋อคิดเงิน!!”หญิงสาวร้องเรียกเป็นครั้งที่สอง หญิงสาวล้วงไปที่อกเสื้อดึงก้อนเงินออกมาจากถุงผ้าแต่ยังคงอยู่ภายในสาบเสื้อด้านในเมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “จริงสิ! ทำไมเราไม่ลองสอบถามเรื่องราวของสกุลหลินเผื่อบางทีจะได้ล่วงรู้อะไรมากไปกว่านี้ก็อาจเป็นได้”ลี่มี่มี่พูดพึมพำ รอยยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นที่มุมปากของหญิงสาวเมื่อร่างของเสี่ยวเอ๋อก้าวเข้ามาภายในห้องรับรอง “ค่าอาหารของคุณชายรวมหมดทุกอย่างแล้วคิดเป็นเงินทั้งหมดหนึ่งตำลึงกับห้าร้อยเหวินขอรับ”เสี่ยวเอ๋อบอกจำนวนค่าอาหารกลับไป ลี่มี่มี่พยักหน้าขึ้นลงพร้อมเอ่ยขึ้น “ข้าต้องการห้องพักของที่นี่หนึ่งห้อง จะพักสักระยะหนึ่งจนกว่าจะทำธุระเสร็จค่าที่พักและอาหารอย่างดีครบสามมื้อนำไปส่งที่ห้องเมื่อถึงเวลา จัดมาให้ครบตามที่ข้าบอกทุกวันคิดราคาต่อเดือนเท่าไรจงว่ามา”หญิงสาวถามกลับไป ครั้นเสี่ยวเอ๋อได้ยินเช่นนั้นร่างสันทัดยืนนิ่งงันไปชั่วขณะ “ถ้าเช่นนั้นคุณชายโปรดรอสักครู่ ข้าน้อยจะรีบกลับไปบอกเถ้าแก่ให้มาพบท่านเพื่อคิดราคาจะดีกว่านะขอรับ” “รีบไปสิ! ข้าจะรอ ตอนนี้อยากจะพักผ่อนและต้องการอาบน้ำเต็มทนแล้ว..บอกตามตรงว่าเหนื่อยม้าก!”ลี่มี่มี่บ่นออกมา และนั้นทำให้เสี่ยวเอ๋อรีบพยักหน้ารับคำสั่งอย่างรวดเร็วพร้อมหันหลังเดินกลับไปรายงานเถ้าแก่เจ้าของโรงเตี๊ยมดังกล่าว ก่อนจะเดินตามกันมามุ่งหน้ามายังห้องรับรองที่มีคุณชายหน้าสวยนั่งรออยู่ในขณะนั้น “คุณชายท่านนี้ต้องการห้องพักแบบไหนขอรับ โรงเตี๊ยมที่นี่มีห้องพักแบบพิเศษที่แบ่งส่วนห้องโถงรับรองและห้องนอนต่างหาก หรือห้องพักธรรมดาทั่วไปและห้องพักราคาประหยัดที่นอนรวมหลายคน”เถ้าแก่โรงเตี๊ยมถามกลับไป และนั่นทำให้ลี่มี่มี่นั่งมองหน้าเถ้าแก่คนดังกล่าวอยู่เพียงครู่ ก่อนจะก้มลงสำรวจตัวเองทันใด “นี่เราแต่งตัวกระจอกขนาดนั้นเลยเหรอถึงดูไม่ออกว่าควรจะอยู่ห้องพักแบบไหนกันแน่”ลี่มี่มี่บ่นอยู่ในใจ “เอาห้องพักพิเศษแล้วกันจะได้ไม่อึดอัด ข้าต้องการห้องริมมีระเบียงและเงียบสงบหน่อยมีไหม ข้าจะใช้เวลาพักสักประมาณหนึ่งเดือน ถ้าธุระยังไม่เสร็จค่อยว่ากันอีกที”ลี่มี่มี่ถามกลับไป และนั่นทำให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยมยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น “มีขอรับคุณชาย...ถ้าเช่นนั้นราคาที่พักตลอดหนึ่งเดือนและค่าอาหารสามมื้อ มื้อละสิบอย่าง ส่วนค่าทำความสะอาดและเปลี่ยนเครื่องนอนไม่คิดเงินขอรับ ทั้งหมดรวมแล้วก็ห้าสิบตำลึงเงิน”เถ้าแก่โรงเตี้ยมบอกราคาอย่างละเอียด ลี่มี่มี่ล้วงเข้าไปในอกเสื้อพร้อมเปลี่ยนเป็นดึงตั๋วแลกเงินออกจากถุงผ้าใบละหนึ่งร้อยตำลึงเงินยื่นส่งให้แทน “ข้าจ่ายให้ล่วงหน้าหนึ่งร้อยตำลึงเงินเผื่อมีส่วนเกินกว่านี้ บางทีอาจมีสหายของข้าแวะเวียนมาหาหรืออาจจะต้องอยู่ที่เมืองหลวงนานกว่านี้จนกว่าจะสามารถหาซื้อบ้านและที่ดินภายในเมืองนี้ได้สมความตั้งใจ”ลี่มี่มี่ตั้งใจเอ่ยออกมา เถ้าแก่โรงเตี๊ยมยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจรีบรับตั๋วแลกเงินจากมือคุณชายหน้าสวยมาเก็บไว้ใต้แขนเสื้อกว้างอย่างรวดเร็ว พร้อมเอ่ยถามกลับไปเมื่อได้ยินว่าผู้ชายตรงหน้ากำลังหาซื้อบ้านในเมืองหลวง “ท่านต้องการหาซื้อบ้านและที่ดินในเมืองหลวงนี้หรือขอรับ ข้าน้อยพอจะแนะนำท่านได้นะอยากได้ตรงไหน หรือว่าไปเห็นหลังที่ถูกใจบ้างหรือยังขอรับภายในบริเวณแถบนี้ก็มีพื้นที่ว่างและบ้านที่ต้องการขายก็มีหลายแห่งพอสมควร” ทันทีที่ลี่มี่มี่ได้ยินเช่นนั้นรอยยกยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากพลางใช้นิ้ววนปากถ้วยชาไปมาพร้อมเอ่ยขึ้น “ก่อนจะมาถึงโรงเตี๊ยมนี้ ข้าผ่านไปเห็นจวนใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือมีหมายของทางการปิดอยู่ด้านหน้าและถูกล่ามโซ่คล้องกุญแจเอาไว้ พอข้าเห็นก็ชอบทันทีต้องการซื้อบ้านและที่ดินผืนนั้นทั้งหมด ผู้ใดเป็นเจ้าของบอกได้หรือไม่”ลี่มี่มี่หันกลับไปถามโดยใช้คำพูดไม่ติดขัดแต่อย่างใด เธอสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ในยุคอดีตเมื่อเกือบเจ็ดร้อยปีก่อนได้อย่างรวดเร็วและคิดเร็วลงมือทำทันทีชนิดที่ไม่ทันให้ผู้ใดได้ตั้งตัวเช่นเดิม ใบหน้าของเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเจื่อนลงทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ดูท่าคุณชายต้องผิดหวังเสียแล้ว แสดงว่าท่านต้องเป็นคนต่างถิ่นมาจากเมืองอื่นใช่หรือไม่จึงไม่ทราบเหตุการณ์เกี่ยวกับจวนหลังนั้นแต่อย่างใด”เถ้าแก่โรงเตี๊ยมถามกลับไป ลี่มี่มี่พยักหน้าขึ้นลงเป็นการยอมรับพร้อมตอบกลับไป “ข้าเป็นชาวเมืองลั่วหยางต้องการมาตั้งรกรากในเมืองหลวง เพื่อทำการค้าและสืบหาญาติสนิทที่อยู่ในเมืองแห่งนี้ เพียงแต่ยังตามหาไม่เจอและไม่รู้ว่าจะพบเมื่อไร ทำไมเหรอข้ามีเงินมากพอที่จะซื้อบ้านและที่ดินผืนนั้นได้ทั้งหมดเลยนะ อีกทั้งยินดีให้ค่าน้ำร้อนน้ำชาแก่ผู้ที่ประสานงานให้จนได้บ้านและที่ดินผืนนั้นมาเป็นของข้า”ลี่มี่มี่บอกอีกฝ่ายกลับไป ร่างสันทัดของเถ้าแก่โรงเตี้ยมค่อยๆ ก้าวเข้ามาภายในห้องรับรอง ก่อนจะมองซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคนของทางการอยู่บริเวณแถวนี้ “ข้าน้อยขอเตือนคุณชายด้วยความหวังดี ต่อไปอย่าถามซื้อจวนและที่ดินผืนนั้นอีกเลยเพราะไม่มีทางเป็นไปได้ จวนที่ท่านต้องการพร้อมที่ดินผืนนั้นเป็นของทางราชสำนัก ที่อดีตฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งแผ่นดินต้าหมิงพระราชทานให้แก่ตระกูลหลินเข้าไปพำนักเพื่อถวายการรับใช้ราชสำนัก สถานที่แห่งนั้นเป็นจวนขุนนางใหญ่ระดับเสนาบดีใหญ่เท่านั้น” “มิน่าเล่าจึงมีพื้นที่กว้างใหญ่และจวนถูกสร้างออกมาอย่างสวยงามจริงๆ แต่เหตุใดจึงถูกปิดตาย อีกทั้งรกร้างและมีบรรยากาศช่างหดหู่เสียเหลือเกินเวลาเดินผ่าน”ลี่มี่มี่แสร้งถามกลับไปก่อนจะได้ยินเสียงของเถ้าแก่โรงเตี๊ยมอธิบายกลับมา “เรื่องที่เกิดขึ้นภายในจวนนั้นเป็นที่โจษขานกันไปทั่วและเป็นที่เศร้าใจยิ่งนัก เพราะเมื่อหกเดือนก่อนถูกพระราชโองการจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันประหารเก้าชั่วโคตร ผู้คนในจวน 228 ชีวิตถูกประหารไม่เหลือรอดแม้แต่ผู้เดียว และญาติพี่น้องที่สืบสายโลหิตตามหัวเมืองต่างๆ ถูกนำมาประหารไม่เหลือสิ้น นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมามาจวนแห่งนั้นก็ถูกปิดตายมาโดยตลอด” “ไม่เหลือรอดเลยเหรอเถ้าแก่”ลี่มี่มี่ถามย้ำกลับไป เถ้าแก่คนดังกล่าวพยักหน้าเป็นการยอมรับ “ไม่เหลือเลยแม้แต่คนเดียว สกุลหลินสูญสิ้นไปทั้งหมดเพราะถูกประหารเก้าชั่วโคตร ดังนั้นหากฮ่องเต้ไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงก็ต้องถูกปิดตายไปตลอดกาล เพราะเจ้าของจวนและที่ดินผืนนั้นก็คือฮ่องเต้ ท่านไปหาบ้านและที่ดินผืนอื่นเถอะแล้วก็ไม่ต้องถามเรื่องเหล่านี้อีก ดีไม่ดีจะถูกสั่งประหารไปด้วย”เก้าแก่กล่าวเตือนด้วยความหวังดี และนั้นทำให้ลี่มี่มี่หูผึ่งขึ้นมาทันใดเมื่อได้ยินเช่นนั้น “อะไรกันเถ้าแก่! แค่พูดถึงก็ไม่ได้เหรอมีโทษประหารถึงขนาดนั้นเชียว”หญิงสาวถามกลับไปด้วยความสงสัย “ปัดโธ่! ได้โปรดเชื่อข้าเถอะคุณชายเอาชีวิตของตัวท่านให้รอดก่อน ขืนท่านต้องการซื้อจวนและที่ดินผืนนั้นก็จะถูกเข้าใจว่าเป็นสายเลือดของสกุลหลินที่ยังเหลือรอดมีชีวิตอยู่ จะทำให้ท่านถูกประหารเอาชีวิตมาทิ้งโดยใช่เหตุนะขอรับ” ลี่มี่มี่พยักหน้าขึ้นลงเป็นสัญญาณแห่งการรับรู้ ก่อนจะก้มลงมองถ้วยชาที่ว่างเปล่าอยู่ภายในมือ ดวงตาคู่สวยของนางร้ายคนงามที่ถูกกรีดอายไลเนอร์จนคมเข้มลุกโชนและแข็งกร้าวขึ้นมาทันที “ฆาตกรชัดๆ”หญิงสาวสบถออกมาท่ามกลางความงุนงงของอีกฝ่ายเมื่อได้ยินเช่นนั้นด้วยไม่เข้าใจความหมาย “คุณชายว่าอย่างไรเหรอขอรับ”เถ้าแก่โรงเตี๊ยมถามกลับไปด้วยความอยากรู้ ลี่มี่มี่ยิ้มเหยียดตรงมุมปากก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป “ข้าแค่คิดว่าถ้าสกุลหลินถูกผู้อื่นใส่ร้ายละจะมีผู้ใดล่วงรู้บ้างหรือเปล่า”ลี่มี่มี่ถามกลับไป และนั่นทำให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยมถึงกับผงะทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น มือหนารีบล้วงเข้าไปภายในแขนเสื้อพร้อมหยิบตั๋วแลกเงินที่เพิ่งได้รับวางลงบนโต๊ะตรงหน้าหญิงสาว “ข้าน้อยขอคืนตั๋วแลกเงินให้แก่ท่าน ส่วนค่าอาหารไม่คิดเงินแต่อย่างใดขอเพียงอย่างเดียวคุณชายรีบออกไปจากโรงเตี๊ยมของข้าด้วยเถิดบอกตามตรงว่า ข้าและครอบครัวไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องแบบนี้ ท่านเป็นคนต่างเมืองจริงหรือไม่เรื่องนั้นข้าก็ไม่รู้แต่กลับถามในเรื่องที่เป็นภัยร้ายถึงแก่ชีวิตของตัวเองเช่นนี้ ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนข้าก็ไม่เอาเชิญคุณชายไปพักที่อื่น”เถ้าแก่โรงเตี๊ยมกล่าวตัดบท และนั่นทำให้ลี่มี่มี่มองหน้าเถ้าแก่ตรงหน้าเขม็งก่อนจะล้วงเข้าไปในอกเสื้อพร้อมดึงก้อนเงินวางไว้บนโต๊ะ “นี่คือค่าอาหารของเจ้าข้าไม่ชอบเอาเปรียบผู้ใดแม้ว่าเรื่องเงินสำหรับข้าคือเรื่องใหญ่ในชีวิตก็ตาม ส่วนที่เหลือคือสินน้ำใจที่อุตส่าห์เล่านิทานให้ข้าฟัง!”ลี่มี่มี่กล่าวด้วยน้ำเสียงขุนเคือง ร่างสูงระหงลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้เดินออกจากห้องรับรองไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของเถ้าแก่โรงเตี๊ยม “วอนหาที่ตายแล้วเจ้าหนุ่ม! ถามอะไรไม่ถาม อยากรู้อะไรไม่รู้ดันอยากรู้เรื่องพวกต้องโทษประหาร ความซวยเกือบมาเยือนข้าและครอบครัวแล้วไม่ละ”เถ้าแก่โรงเตี๊ยมพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบก้อนเงินพร้อมเอ่ยขึ้น “แต่จะว่าไปก็น่าเสียดายจริงๆ ที่สูญเสียลูกค้ารายใหญ่และมีเงินถึงเสียขนาดนั้น ขนาดแค่ค่าอาหารยังให้มาตั้งห้าตำลึงเงินเกินราคาอาหารและค่าน้ำชาไม่รู้ตั้งเท่าไรยิ่งตั๋วแลกเงินใบนั้นออกมาจากโรงแลกเงินจินหมิงเสียด้วย ดูท่าเด็กหนุ่มผู้นี้ร่ำรวยไม่ธรรมดาเลยทีเดียว”เถ้าแก่ร้านโรงเตี๊ยมพูดพลางเก็บเงินเข้าใต้แขนเสื้อ ในขณะเดียวกันห้องรับรองที่อยู่ติดกันปรากฏร่างใหญ่ของบุรุษผู้หนึ่งกำลังนั่งดื่มชาอยู่เพียงลำพังภายในห้องดังกล่าว มือที่กำลังถือถ้วยชายกค้างเอาไว้อยู่เช่นนั้นเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายที่หลุดออกจากปากเถ้าแก่โรงเตี๊ยมได้อย่างชัดเจน “โรงแลกเงินจินหมิงอย่างนั้นเหรอ”เสียงพูดพึมพำทวนสถานที่ดังกล่าว ตึก! ถ้วยชาที่ยังไม่ทันยกขึ้นดื่มวางลงบนโต๊ะทันที ร่างใหญ่ของคนผู้นั้นคว้าดาบที่วางอยู่รีบเดินออกจากห้องดังกล่าวไปอย่างรวดเร็ว เป้าหมายคือคุณชายหนุ่มหน้าสวยที่นั่งอยู่ห้องรับรองติดกันเมื่อครู่ที่ผ่านมา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม