ตอนที่ 5
หญิงสาวพลิกตัวกลับมามองหน้าเขา และนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาร่างสูง
“หน้าที่อะไรคะ”
“อยากรู้แล้วจะรับได้รึเปล่า ไม่ใช่วันนี้รู้ พรุ่งนี้เธอหนีฉันไปซะล่ะ”
“ฉันไม่มีวันหนีคุณหรอกค่ะ ฉันจะอยู่ใช้หนี้คุณทุกบาททุกสตางค์ จนกว่าคุณจะพอใจ” ปรินดาคว้ามือใหญ่มาวางแนบแก้มนวลของตน เธอรู้สึกอบอุ่นเสมอเมื่อได้รับสัมผัสจากเขา แม้เขาจะไม่ได้รักเธอเลยก็ตาม ปรินดาเอ่ยบอกความในใจของเธอบ้าง
“คุณรู้ไหมคะ....ถ้าเราไม่ได้เจอกันฉันต้องไปทำงานขายบริการ เพราะแม่เลี้ยงของฉันให้ไปทำงานในที่นั่นแทน เพราะว่าพ่อของคุณเข้าโรงพยาบาล ไม่อย่างนั้นฉันก็คงเป็นเมียน้อยพ่อคุณไปแล้ว
“แต่แม่เลี้ยงเธอก็ขายเธอให้ฉันเหมือนกันนะ เราถึงได้เจอกันไง”
“ก็ใช่ค่ะ...แต่ว่าถ้าพ่อคุณไม่ป่วยจนเข้าโรงพยาบาลคุณกับฉันคงไม่ได้เจอกันและฉันคงเป็นเมียน้อยพ่อคุณไปแล้ว”
“อืม..ก็ใช่ ฉันคงไม่กลับมาหรอกถ้าพ่อไม่ป่วยจนทำอะไรไม่ได้เลย” ดรัณพูดเหมือนไม่อยากเจอกับบิดาจนปรินดาต้องถามขึ้น
“คุณมีปัญหาอะไรกับพ่อหรือเปล่าคะ ถึงบอกว่าจะไม่กลับมา ถ้าพ่อคุณไม่ป่วยเสียก่อน”
“ฉันไปทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ที่เกาะ เพราะไม่อยากสานต่องานของพ่อ แต่ตอนนี้มันไม่มีทางเลือกจริง ๆ”
“แล้วคุณเลือกไม่ได้เหรอคะ”
“ฉันก็อยากจะเลือกนะ ถ้าเลือกได้”
“ก็จริงอยู่ ถ้าคนเรามีโอกาสเลือกทำไมถึงจะไม่เลือกล่ะ ดูอย่างฉันสิ แม่เลี้ยงฉันขี้เกียจแบกรับภาระ และอยากให้ฉันหาเงินเลี้ยงเขาแทน ดีนะคะที่คุณเรียกฉันมาที่นี่เสียก่อน วิภาดาเพื่อนที่ทำงานที่นั่นก็บอกว่า บางทีเราอาจมีเสี่ยกระเป๋าหนักรับเลี้ยงไว้ เราจะได้ไม่ต้องไปนอนกับคนอื่น นอนกับคน ๆ เดียวยังไงก็ยังดีกว่านอนกับผู้ชายหลายคน แล้วฉันก็ได้เจอเสี่ยกระเป๋าหนักอย่างที่เพื่อนว่าจริง ๆ” ปรินดาเล่าเหตุการณ์ของเธอให้ดรัณฟัง
“แต่ฉันไม่ใช่เสี่ย ฉันเป็นนายหัว แถมยังหล่อลากดินอีกด้วย ฮึ ๆ” ดรัณมองรอยยิ้มและฟังเสียงหัวเราะใส ๆ นั้น ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจ มือใหญ่ลูบไล้แก้มนวลไปมา เกลี่ยปลายนิ้วหัวแม่มือกับริมฝีปากนุ่มเบา ๆ ก่อนกดริมฝีปากร้อนผ่าวของตนลงไปช้า ๆ กลีบปากหนาบดคลึงอย่างหยอกเย้า ก่อนไล่ปลายลิ้นสากไปตามผิวเนื้อบางนุ่ม ชายหนุ่มใช้ไรฟันขบผิวเนื้อนุ่มและดึงเบา ๆ ก่อนสอดเรียวลิ้นช่ำชองไล้ไรฟันซี่เล็ก ล่อหลอกให้สาวน้อยเผยอเรียวปากออก
ชายหนุ่มส่งเรียวลิ้นหนาทักทายเรียวลิ้นเล็ก ๆ น่ารักของปรินดา ดูดรัดลิ้นนุ่มที่แสนหวาน เกี่ยวพันตวัดไล้ดื่มด่ำความหวานล้ำอย่างหิวกระหาย ก่อนถอดถอนออกอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตาคมกริบวับวาวเป็นประกายหยอกล้อกับแสงจากโคมไฟหัวเตียง
“ฉันไม่ใช่คนดีอย่างที่เธอคิดหรอก ฉันทำธุรกิจที่ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมายตอนนี้ฉันเจริญตามรอยพ่อแล้ว ฉันก็เลยต้องขึ้นขี่หลังเสือแทน พ่อเคยบอกฉันว่าขึ้นแล้วมันลงยาก ถ้าตกลงมาก็ตาย แต่ถึงจะลงได้ก็ต้องเจ็บปางตายเหมือนกัน”
ดรัณชี้ไปที่อกด้านขวาที่มีรอยกระสุนที่ปักลงบนอก ชีวิตฉันแขวนอยู่บนเส้นด้าย ถ้าไม่สู้ก็จะเป็นแบบนนี้” ดรัณ มองคนตัวเล็กที่ทำหน้างง ๆ อย่างสงสัย
“เฮ้อ...พูดไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก เรื่องราวของฉันมันลึกลับซับซ้อน คนอ่อนต่อโลกอย่างคุณไม่เข้าใจหรอก”
“แล้วคุณทำอะไรอยู่ที่เกาะค่ะ”
“ฉันทำสัมปทานรังนก..แล้วเก็บรังนกขาย”
“อ๋อ!!!.. แล้วอยู่จังหวัดอะไรคะ”
“ทางใต้..พัทลุง”
“อ๋อถึงว่าล่ะ ไม่ใช่เสี่ย แต่เป็นนายหัว นี่เอง”
“ใช่...ถ้าลูกน้องฝั่งเกาะ ก็จะเรียกนายหัว”
“ถ้าพ่อฉันหายดีแล้ว เธอจะไปอยู่กับฉันที่เกาะมั้ย”
“อืม!..ฉันอยากไปนะ แต่ฉันยังเรียนไม่จบเลย”
“ก็เรียนให้จบสิ ฉันก็ยังไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าจะไปวันนี้พรุ่งนี้”
“ถ้าถึงวันนั้นฉันค่อยให้คำตอบคุณได้มั้ยคะ” ปรินดาพูดอยากมาแววตาเธอไม่ได้โกหก แต่เธอยังอยากเรียนต่อจริง จนต้องเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“เออ!.. ถ้าเปิดเทอมแล้วฉันขอไปเรียนนะคะ”
“ก็ได้ ฉันอนุญาต แล้วเธอเรียนคณะไหนเหรอ?
“ฉันเรียนบัญชี ปี4 แล้วคะ ฝึกงานอีกเทอมเดียวก็จบแล้ว”
“ดีเลย เธอไปฝึกงานที่บริษัทฉันสิ ถ้าอยากรู้ว่าที่นั่นเป็นยังไงจะพาไปดูวันหลังนะ จริง ๆ ถ้าเธอโตมากกว่านี้ฉันก็อยากพาเธอไปอยู่ที่เกาะเลย”
“ฮึ ฉันไม่ได้อ่อนต่อโลกนะ ไม่ต้องไปก็ได้ ไม่เห็นจะอยากรู้เลย เชิญคนเจนโลกเข้าใจอยู่คนเดียวเถอะ” พูดจบปรินดาก็สะบัดหน้าพรืด จนดรัณกลัวว่าคอของเธอจะหลุด และสาวน้อยก็พลิกตัวนอนหันหลังให้ทันควัน เล่นเอานายหัวหนุ่มมึนเล็กน้อย
“เฮ้อ...ไม่อ่อนต่อโลกก็ไม่อ่อนต่อโลก แต่ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ” ประโยคสุดท้าย ดรัณลดเสียงลงให้เบาที่สุด แต่ก็ยังคงเข้าหูปรินดาอยู่ดี
“คุณดรัณ!!!.. ฉันได้ยินนะ” ปรินดาลุกขึ้นมาวีนด้วยความลืมตัว เธอจะไม่พอใจทุกครั้งที่มีคนมาพูดให้ได้ยินว่าเธอยังเป็นเด็ก ก็เธออายุ 21 ปีแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะครบ 22 ปีแล้ว เธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ใช่เด็ก ๆ อย่างที่คนอื่นเข้าใจ
ดรัณกะพริบตาปริบ ๆ ดวงตาคมเบิกกว้างเล็กน้อยและต้องหรี่ลง เมื่อมองความงามพิศุทธิ์ตรงหน้า แม้กระทั่งตอนโมโห เธอก็ยังสวยไม่สร่าง ใบหน้างามนั้นแดงระเรื่อด้วยความโกรธ แต่ดรัณกำลังจินตนาการถึงยามที่เธอส่งเสียงครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา
“ไม่เอา ฉันไม่อยากให้เธอเรียกชื่อเต็มแบบนี้ เรียกฉันว่าพี่รัณสิ แล้วแก้มต้องการอะไร ฉันจะทำให้หมดทุกอย่างเลย” เขากระซิบที่ข้างหู และขบเม้มติ่งหูเล็ก ๆ อย่างหยอกเย้า
“คุณรัณ” ปรินดาเรียกตามที่ดรัณบอก
“ฉันบอกว่าให้ เรียกพี่รัณ ไม่ใช่คุณรัณ มันดูห่างเหิน” ดรัณยกร่างบางขึ้นมาชมเชยบนตัวของเขา
“พะ...พี่รัณ” ปรินดาเรียกเสียงขาดเป็นห้วง ๆ
“แล้วก็ต้องแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นนะ”
“ค่ะพี่รัณแก้มจะทำตามที่พี่รัณบอกทุกอย่างเลย”
“ดีมาก เป็นเด็กดีแบบนี้สิถึงจะน่ารัก”
“พี่รัณ อย่ามองแก้มแบบนั้นนะ ตอนนี้แก้มไม่มีอารมณ์หรอก”
“แต่พี่มีนี่นา” ดรัณดึงรั้งร่างบางให้เอนตัวลงทาบทับร่างแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว
“ว้าย!” ปรินดาอุทานอย่างตกใจ “ปล่อยแก้มนะ บอกแล้วไงว่าแก้มไม่มีอารมณ์”
“ไม่ปล่อย แล้วแก้มมีสิทธิ์ห้ามพี่ด้วยเหรอ พี่เป็นใคร แก้มลืมไปแล้วรึไง”
มือใหญ่กดศีรษะเล็ก ๆ ลงต่ำ จนเรียวปากนุ่มประกอบเรียวปากหนา ดรัณไล้ปลายลิ้นบนกลีบปากนุ่มหวังจะให้สาวน้อยยินยอมอ้าปากรับเรียวลิ้นของเขา แต่ปรินดาดื้อดึง จนดรัณต้องคำรามเบาๆ
“เปิดปากเดี๋ยวนี้นะแก้ม อย่าดื้อกับพี่”
พอเจอเสียงแข็ง ๆ สั่ง ปรินดาจึงยอมเปิดปากรับเรียวลิ้นที่กวาดไล้ลิ้นนุ่มอย่างกระหายเร่าร้อน มือหนาลูบไล้แผ่นหลังบอบบาง เลื่อนต่ำลงเคล้นคลึงสะโพกผายหนักมือ ร่างที่แข็งเกร็งเริ่มอ่อนลงเรื่อย ๆ จากสัมผัสอันเร่าร้อน
ดรัณใช้กำลังที่มีมากกว่าบังคับให้ร่างบางที่ดิ้นรนไปมาให้อยู่นิ่งเฉย เขาจูบอย่างดุเดือดและเรียกร้อง สั่งสอนให้สาวน้อยรู้ว่าไม่ควรคิดปฏิเสธความต้องการของเขาแบบนี้ เพราะจะทำให้เจ็บตัว
“แก้มยังต้องเรียนรู้อะไรจากพี่อีกเยอะ ทางที่ดีอย่าทำให้พี่โกรธ” ดรัณเตือนและผลักร่างบางให้นอนเคียงข้างทำเหมือนหมดอารมณ์ร่วมรักกับเธอ
“พี่รัณ” ปรินดาครางเสียงแผ่ว แต่ร่างหนากลับนอนนิ่งเฉย เธอจึงพลิกตัวหันหลังให้
ดรัณลืมตาเอียงหน้ามองคนตัวเล็ก ลมหายใจที่สม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าสาวน้อยหลับลงไปแล้ว แต่เขาสิที่นอนไม่หลับ ร่างกายปวดหนึบจนต้องขบฟันแน่น อยากพลิกตัวและกระโจนจ้วงเข้าไปในร่างของเธอ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะอยากให้ปรินดาได้พักผ่อนบ้าง และไม่อยากให้สาวน้อยเห็นเขาเป็นไอ้บ้ากาม ตัณหาจัด ไม่หลับไม่นอนเอาแต่คิดจะร่วมรักกับเธอตลอดเวลา