ดนตรีจึงกล้าบรรเลงเพลงรื่นเริงอีกครั้งกระทั่งการคัดเลือกที่อาศัยการร่ายโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน บังหน้าโดยสองอ๋องมีผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นสำนักกวีของสำนักติดตามมาด้วยเพื่อตัดสินหาผู้ชนะ
ดนตรีถูกสั่งให้หยุดลงการประลองร่ายบทกวีจึงเริ่มขึ้นโดยมีสายตาดุดันของสองอ๋องและบัดนี้มีสายตาคมของอ้ายเจิงที่เข้าร่วมด้วย
ขันทีผู้หนึ่งเอ่ยนำขึ้นทันใด
"วันนี้เป็นโอกาสอันดีที่ทุกท่านจะได้แสดงความสามารถ หากผู้ใดชนะการร่ายกวีในคืนนี้ฝ่าบาทมีรางวัลพระราชทาน อีกทั้งยังมีรางวัลของซู่อ๋องลู่หนิงหวังและอวิ๋นอ๋องหานเซียวที่รอพวกท่านอยู่ ผู้ชนะในคืนนี้นับว่าได้รับเกียรติอันหาที่สุดมิได้แล้ว ทว่าฝ่าบาทตรัสว่าไม่ว่าจะแพ้หรือชนะหากสามารถทำให้ท่านอ๋องทั้งสองเห็นความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยวและความเฉลียวฉลาดของพวกท่านได้ก็จะทรงประทานรางวัลให้เป็นพิเศษ เช่นนี้ขอให้ทุกท่านที่ร่วมแข่งขันทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่"
สิ้นเสียงขันทีผู้นั้
