บทที่ 8 คำตัดสินของอ้ายเจิง

1797 คำ
หว่านเอ๋อร์พลันรู้สึกว่ามีบางอย่างอัดแน่นอยู่ในอกกระทั่งหายใจลำบาก ไม่ว่าทำเช่นไรก็ยังหายใจไม่ออกกระทั่งวาจาที่เตรียมไว้ใส่ร้ายองค์หญิงที่นางคิดว่าเป็นบ้าใบในคราแรกพลันหายไปในที่สุด อาฉียังคงอมยิ้มน้อย ๆ แต่ดวงตาของนางนั้นมิได้คล้ายคนที่มีเมตตาหรือไร้เดียงสาเหมือนเด็กเลยแม้แต่น้อย "ว่าอย่างไรเล่า พูดออกมาสิ พูด ไม่ใช่เพราะเจ้าหรอกหรือที่ยื่นเท้ามาขัดขาของข้าจนข้าล้มแล้วหัวกระแทกเช่นนี้" อ้ายเจิงขมวดคิ้ว "เป็นเจ้าหรือ" "ข้าน้อย มะ มิได้ ขะข้าน้อย" "ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ใช้ให้ข้าเช็ดตัวเอง ไม่ได้ใช้ให้ข้าแต่งตัวเอง ไม่ได้กินอาหารของข้าจนหมด ไม่ได้ทำร้ายข้าจนได้รับบาดเจ็บ เจ้าจะปฏิเสธเรื่องใด" อาฉีจับจ้องอยู่บนร่างที่เริ่มสั่นเทาของหว่านเอ๋อร์ จากคำที่หว่านเอ๋อร์พร่ำออกมาหลายประโยค นางก็รู้แล้วว่าหว่านเอ๋อร์ผู้นี้คือคนที่ได้นอนร่วมเตียงกับอ้ายเจิง อาฉีไม่รู้ว่าหว่านเอ๋อร์เป็นคนโปรดของเขาหรือไม่ ระหว่างเด็กเช่นนางที่เพิ่งได้พบหน้ากับสตรีร่างอรชรใบหน้างดงามนางนี้อาฉีไม่กล้าพูดได้แน่ชัดว่าอ้ายเจิงจะเข้าข้างผู้ใด แม้ว่าเขาจะคือพี่ชายบุญธรรมแต่อย่างไรก็ยังเป็นคนแปลกหน้าอยู่ดี เดิมทีแค่ต้องการหลักฐานเล็กน้อยว่าบ่าวนางนี้กำเริบเสิบสาน ไม่คิดว่านางจะกล้าลงมือถึงขั้นเลือดตกยางออกเช่นนี้ อาฉีได้หลักฐานอันแน่นหนา แต่ไม่รู้ว่าคุ้มค่าหรือไม่กับการที่ตนเองต้องมาเจ็บตัวเช่นนี้ "นี่เจ้ากล้าหรือ อาฉี นางให้เจ้าแต่งกายเอง มิหนำซ้ำยังกล้ากินอาหารของเจ้า ทั้งยังไม่ปรนนิบัติเจ้าเช่นนั้นหรือ" "พี่ชายน้องมิได้โกหกเจ้าค่ะ" ว่าแล้วอาฉีพลันซบหน้าลงบนไหล่ของอ้ายเจิงร่ำไห้เสียงดัง "นางผู้นี้กลั่นแกล้งน้องเจ้าค่ะ ฮือ ฮือ ฮือ" อ้ายเจิงตบพัดเข้าที่มือด้วยโทสะที่พลันเกิดขึ้น ในใจของเขาย่อมเชื่อองค์หญิงน้อยโดยมิต้องสงสัย นางเป็นเพียงเด็กผู้หนึ่งที่ต้องการคนดูแล ตัวเขาเองเห็นว่านางอุ่นเตียงของตนคล้ายจะลืมตนไปแล้วว่าตนเองอยู่ในฐานะอันใด ต้องการให้นางสำนึกในฐานะของตนจึงส่งมาดูแลองค์หญิงน้อย คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพียงแต่มีเรื่องให้เขาติดใจอยู่เล็กน้อย องค์หญิงน้อยดูเหมือนจะอดทนให้บ่าวข่มเหง และตั้งใจที่จะเก็บหลักฐานเพื่อเอาผิดนางผู้นี้กระทั่งยอมเจ็บตัว ความคิดเช่นนี้คล้ายจะไม่ใช่ความคิดของเด็กผู้หนึ่งเสียแล้ว เขาย่อมมองออกว่าเป็นแผนของนาง น่าประหลาดที่มันแยบยลเกินกว่าที่เด็กเช่นนางจะคิดได้ แต่ครั้นมองดูดวงตาใสกระจ่างของนางเช่นนี้ก็ให้รู้สึกว่าตนเองจะคิดมากไป หว่านเอ๋อร์คล้ายจะสติล่องลอยครู่หนึ่ง ด้วยคาดไม่ถึงทั้งเรื่ององค์หญิงน้อยมิใช่คนบ้าใบ้ ทั้งคาดไม่ถึงว่าจู่ ๆ ความผิดที่ก่อจะแดงขึ้นมาและท่าทางของอ้ายเจิงเองก็เชื่อองค์หญิงน้อยโดยมิต้องสงสัย นางมองดูท่าทางอ่อนแอขององค์หญิงน้อยอย่างงวยงง หากเป็นเด็กผู้อื่นคงได้ร้องไห้ตั้งแต่ศีรษะกระแทกแล้ว แต่เด็กคนนั้นไยสามารถอดกลั้นมาหลั่งน้ำตาต่อหน้าอ้ายเจิงได้เช่นนี้ ที่แท้องค์หญิงผู้นี้ก็คือเด็กเลวผู้หนึ่ง ที่หมายคิดจะเล่นงานตนเอง เมื่อคิดได้ดังนั้นจู่ ๆ น้ำตาของหว่านเอ๋อร์พลันไหลทะลักออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างแล้วร่ำไห้เสียงดัง นางพุ่งตัวเข้าไปกอดขาของอ้ายเจิงเอาไว้แล้วเอ่ยว่า "นายท่าน ความจริงเป็นองค์หญิงน้อยที่ไล่บ่าว และไม่ต้องการให้บ่าวแตะต้องตัว องค์หญิงเหตุใดท่านต้องใส่ร้ายบ่าวด้วยเจ้าคะ เหตุใดท่านต้องทำถึงเพียงนี้ บ่าวทำสิ่งใดให้องค์หญิงไม่พอใจเจ้าคะ" ท่านหมอเองดูเหมือนจะปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่ไม่น้อย เมื่อใส่ยาพันแผลให้องค์หญิงเสร็จถึงกับกุมขมับตนเอง เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ว่ากันว่าเด็กและสตรีคือบ่อเกิดของความหายนะเห็นจะเป็นเรื่องจริง ในขณะที่อ้ายเจิงรู้สึกปวดหัวเป็นที่สุด น้ำตาของสตรีทั้งสองทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่มบางส่วน เขาจับมือขององค์หญิงน้อยแน่นแล้วตบหลังนางเบา ๆ ในขณะที่เอ่ยว่า "ไม่ต้องกลัวพี่ชายจะให้ความเป็นธรรมกับเจ้าเอง" เขาเช็ดน้ำตาให้อาฉีเบา ๆ หว่านเอ๋อร์ยังร่ำไห้ไม่หยุดดูแล้วน่าสงสารเป็นอย่างมาก "หว่านเอ๋อร์เจ้าบอกว่าเป็นเพราะองค์หญิงไม่ให้เจ้าปรนนิบัติแล้วใส่ร้ายหรือ" หว่านเอ๋อร์รีบพยักหน้า น้ำเสียงของอ้ายเจิงยามเมื่อเอ่ยกับนางช่างอ่อนโยนนัก "เจ้าค่ะ องค์หญิงไม่รู้ว่าไม่พอพระทัยสิ่งใด จึงขับไล่หว่านเอ๋อร์" "เจ้ายังปฏิเสธว่าไม่ได้กินอาหารขององค์หญิงเช่นนั้นหรือ" "เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ หว่านเอ๋อร์มีหรือจะกล้า" อ้ายเจิงจึงกล่าวต่อ "และเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มิใช่ฝีมือของเจ้าเลยแต่เป็นองค์หญิงที่สะดุดล้มเองหรอกหรือ" หว่านเอ๋อร์ก้มตัวลง แนบแก้มลงบนเท้าของอ้ายเจิง ร่ำไห้กระซิกดูน่าสงสาร ในสายตาของผู้อื่นแล้วนางช่างดูน่าทะนุถนอม กระทั่งอาฉีเกิดหวั่นใจ หรือว่าท่านพี่จะเชื่อคำโกหกของนางผู้นี้จริง ๆ "พี่ชาย นางโกหกเจ้าค่ะ เป็นนางที่ทำข้าเจ็บข้าพูดความจริง" อ้ายเจิงกลับยืนขึ้น มือของเขาไพล่หลังแล้วเดินมาที่โต๊ะอาหาร ทั้งยังคงมองพื้นที่ยังเปียกน้ำด้วยยังไม่ได้รับการเช็ดถูจากผู้ใด "พวกเจ้าทั้งสองต่างอยู่กันลำพัง ไม่มีพยานสักคนเอาล่ะข้าจะให้ความเป็นธรรมกับผู้บริสุทธิ์เอง" "พี่ชายข้ามิได้โกหก" "นายท่านข้ามิได้โกหก" หนึ่งองค์หญิงหนึ่งบ่าวเอ่ยพร้อมกันทั้งเสียงแหบเครือน้ำตาของสตรีทั้งสองไหลออกมาเป็นสาย อ้ายเจิงถอนหายใจใบหน้างดงามแย้มยิ้ม ทว่ามีประกายพร้อมสังหารอยู่ในนั้น เขามองเด็กน้อยตัวอ้วนที่อยู่ในชุดรัดติ้วแทบจะปริแตกเหมือนบ๊ะจ่างที่ถูกห่อและมัดด้วยเชือกอันแน่นหนาศีรษะมีผ้าพันแผลทั้งมือและเท้าก็ล้วนถูกพันด้วยผ้าขาว ดูแล้วชวนให้เวทนายิ่ง ในขณะที่สตรีอีกคนใบหน้างามพริ้งรูปร่างอรชรกำลังเช็ดน้ำตาด้วยท่าทางงดงามชวนให้บุรุษตกตะลึงและอยากโอบประคองเอาไว้ในอ้อมแขน ช่างแตกต่างกันโดยแท้ เห็นแล้วก็ตัดสินใจไม่อยากว่าควรทำเช่นใด เขาค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินมาแล้วพยุงหว่านเอ๋อร์ขึ้นช้า ๆ อย่างทะนุถนอม หัวใจของหว่านเอ๋อร์พลันเต้นไม่เป็นจังหวะ ยิ่งแสร้งอ่อนแอประดุจว่าตนเองถูกองค์หญิงผู้นั้นรังแกโดยไม่มีทางสู้ ท่านหมอเองกลับมององค์หญิงอย่างเวทนา จะทำเช่นไรกันในเมื่อหว่านเอ๋อร์คือนางอุ่นเตียง อย่างไรคนสองคนก็นอนคุยกัน จะผิดถูกอย่างไรก็ย่อมละเว้นโทษให้ได้ การเจ็บตัวขององค์หญิงครานี้สงสัยคงต้องเสียเปล่าเสียแล้ว อ้ายเจิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล สายตาอ่อนโยนคู่นั้นจับจ้องหว่านเอ๋อร์ไม่ลดละ "เจ้าหยุดร้องเถิด ข้าบอกแล้วว่าจะให้ความเป็นธรรมกับคนที่ไม่ได้กระทำความผิด" หว่านเอ๋อร์ซบหน้าลงบนอกของเขาแล้วพยักหน้าเบา ๆ "ให้ความเป็นธรรมกับหว่านเอ๋อร์ด้วยนะเจ้าคะนายท่าน" อ้ายเจิงยิ้มบางแล้วหันไปมองอาฉีที่กำลังร้องงอแงอยู่เช่นกัน "พี่ชายนี่ท่าน ไม่เชื่อข้าหรือ" อาฉีนึกด่าเขาในใจคิดไม่ถึงว่าเขาจะเชื่อนังจิ้งจอกตนนั้น ในขณะที่หว่านเอ๋อร์แสร้งอ่อนแอล้มตัวลงในอ้อมแขนของอ้ายเจิง อาฉีน้ำตาไหลพรากด้วยเข้าใจว่าอ้ายเจิงได้เข้าข้างหว่านเอ๋อร์ไปเสียแล้ว "หว่านเอ๋อร์ เจ้าเงยหน้า" อ้ายเจิงเอ่ยเบา ๆ แล้วเชยคางของนางขึ้น ในขณะที่ทุกคนในห้องจับจ้องเขากลับไม่มีความละอายใจเลยสักนิด เมื่อบดริมฝีปากลงมาจุมพิตหว่านเอ๋อร์อย่างหวานซึ้ง "อื้อ นายท่าน" หว่านเอ๋อร์แสร้งขัดขืนเล็กน้อยก่อนจะเผยอปากให้อ้ายเจิงสัมผัสเรียวลิ้นของตนเองเบา ๆ สัมผัสของเขาอ่อนโยนบางเบาประดุจผีเสื้อที่โฉบลงมาหยอกเย้ากลีบดอกไม้ชวนให้หัวใจล่องลอย หว่านเอ๋อร์หัวเราะในใจอย่างผู้กุมชัยชนะ เมื่ออ้ายเจิงปล่อยนาง หว่านเอ๋อร์พลันชำเลืองมององค์หญิงน้อยด้วยสายตาเยาะหยัน นังเด็กบ้ายังเร็วไปที่คิดจะมาเทียบชั้นกับข้า องค์หญิงแล้วอย่างไรมีสิ่งใดมาสู้ข้าได้ แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็ผลักหว่านเอ๋อร์ออกโดยไม่ไยดี แล้วนั่งลงเคียงข้างอาฉีที่กำลังทำท่ามึนงง "นายท่านเหตุใดท่านผลักข้า" หว่านเอ๋อร์เองก็มึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อ้ายเจิงสะบัดพัดในมือแล้วพัดเบา ๆ ทั้ง ๆ ที่อากาศเย็นเฉียบ เขาจับมืออาฉีเอาไว้แล้วสั่งทหารติดตามของตนเองเสียงดัง "เจ้าให้คนนำน้ำชาร้อนมาให้ข้า และเตรียมอาหารให้องค์หญิงใหม่" "ขอรับ" ท่ามกลางความงุนงงของทุกคนแต่มิมีผู้ใดกล้าเอ่ยคำใด องค์หญิงน้อยจึงปาดน้ำตาของตนเองแล้วถามเขา "พี่ชายท่านเชื่อข้าหรือไม่" อ้ายเจิงพยักหน้า เขาหยิกแก้มกลมของนางเบา ๆ "พี่ชายเป็นพี่ของเจ้าไม่เชื่อเจ้าแล้วจะเชื่อผู้ใด" หว่านเอ๋อร์คุกเข่าและขยับมาหาเขา แต่อ้ายเจิงขยับเท้าคล้ายจะถีบนาง หว่านเอ๋อร์จึงไม่กล้าเข้าใกล้เขานัก "นายท่าน ท่านหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ หว่านเอ๋อร์ถูกใส่ร้าย เป็นองค์หญิงที่ไม่ชอบหว่านเอ๋อร์ องค์หญิง" "หุบปาก"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม