“รอนานไหมครับ” คุณเคนกลับมาพร้อมขวดน้ำ
“อ๋อ ไม่นานค่ะ เรากลับกันเถอะนะคะ ดาไม่อยากไปดูที่อื่นต่อแล้ว” บอกพลางเก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋า ไม่สนใจจะอ่านข้อความจากคนพาลที่กระหน่ำส่งมาด่าหาว่าตนเองอ่านแล้วไม่ยอมตอบกลับ
“ได้ครับ ผมไปส่ง” ผายมือเชิญหญิงสาวกลับมายังรถยนต์ ทำหน้าที่เป็นสารถี
“คุณดาตัดสินใจหรือยังเรื่องที่ผมเสนอ ผมสามารถเพิ่มเงินเดือนให้คุณได้อีกนะครับ สองหมื่นอาจจะน้อยเกินไป”
“ไม่น้อยหรอกค่ะ ดาไม่ได้ทำงานนานมากแล้ว”
“ผมตั้งใจให้ในช่วงทดลองงานสามเดือนเท่านั้น พ้นเวลาไปจะอัปขึ้นตามความสามารถ และผลงานของคุณดา”
ดรุณีทอดสายตามองท้องถนนในกรุงเทพ “บอกตามตรงนะคะ ว่าดาสนใจมากๆ แต่ดายังติดภาระมากมาย น้องดรีมก็ยังเรียนไม่จบยังมาดูแลร้านเต็มตัวไม่ได้ อย่างน้อยดาต้องการเวลาประมาณสามสี่เดือน”
“คุณดารับปากผมแล้ว ห้ามคืนคำนะครับ” ชายวัยกลางคนเอ่ยยิ้มๆ ระยะเวลาแค่นั้นสำหรับเขาถือว่าน้อยมาก
“จริงเหรอคะ” ดรุณีมองชายชาวญี่ปุ่น ใบหน้ายิ้มแย้มริมฝีปากเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะนอกจากเรื่องน้องสาวแล้วก็อยากจัดการเรื่องหย่า จะได้ไม่ต้องใช้นามสกุลของภูดิศไปสมัครงานให้คนอื่นจับผิด
“จริงสิครับ ผมมีตำแหน่งงานว่างให้คุณดาเสมอนะครับ จะที่ไทยหรือญี่ปุ่นก็มีที่ว่างเสมอ”
“ขอบคุณนะคะ ดาจะยื่นใบสมัครแน่นอนค่ะ”
คุณเคนหันหน้ามายิ้ม จากนั้นก็กลับไปมองทางตามเดิมเคลื่อนรถยนต์ทะยานกลับมาจอดหน้าเรียนบ้านขนมหวาน เขากินมื้อเที่ยงฝีมือดรุณีร่วมกับน้องสาว และลูกสาวของหล่อน ภาพนั้นอยู่ในสายตาของภูดิศตลอดเวลา เป็นอย่างที่มารดาเล่าจริงๆ ด้วย ว่านายเคนชวนดรุณีไปทำงานด้วย
โต๊ะนั้นมีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ บรรยากาศสนุกสนาน รวมทั้งลูกสาวเขาก็มีความสุขตามผู้ใหญ่ไปด้วย หัวใจภูดิศเจ็บจี๊ดๆ เขาละสายตาภาพนั้น ยกมือเรียกพนักงานมาเก็บเงิน ยื่นแบงค์ห้าร้อยไปให้และเดินออกจากโต๊ะโดยไม่รอเงินทอน แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่าทำไมดรุณีถึงอยากหย่า
ก็เพราะหล่อนมีผู้ชายคนใหม่มาคุย และหล่อนเองก็มีใจให้มัน!