“กลับไปอาบน้ำแล้วเจอกันหอไอ้เจมส์นะเว้ย”
กลุ่มแก๊งเพื่อนซี้สถาปัตย์เดินออกมาจากสนาม หลังซ้อมบอลเตรียมชิงแชมป์กีฬาภายในอีกไม่กี่วัน ม่อนโบกมือลาเพื่อนก่อนใคร ไม่ลืมสำทับถึงนัดสังสรรค์ในคืนวันศุกร์อย่างนี้ เนื่องจากโปรเจ็คคะแนนดิบสามสิบคะแนนผ่านพ้น ไปได้ด้วยดี ช่วงเวลาตรากตรำ อดตาหลับขับตานอน ช่วยกันเหลาโมเดล คิดคอนเซ็ปต์กันจนหัวหมุน จนกระทั่งถึงการพรีเซนต์ต่อหน้าอาจารย์เสร็จสิ้น จึงต้องถูกปลดปล่อยในคืนนี้ สถานที่ก็ไม่ใช่ที่ไหนอื่นไกล เป็นหอไอ้เจมส์คนล่ำซึ่งถือเป็นที่สังสรรค์ประจำก๊วน
“เออเจอกันเว้ย แล้วไอ้สุดอะ ใครจะไปรับ” ไอ้เจมส์เดินเคียงคนตัวสูง เอาลูกบอลเหน็บสีข้าง “เออ! เดี๋ยวกูว่าจะไปรับชุดนักศึกษาที่ส่งซักไว้แถวหอมันพอดี เดี๋ยวกูไป...” เจมส์คนล่ำพูดเจื้อยแจ้ว แจกแจงรายละเอียด นึกขึ้นได้ว่ามีธุระแถวหอสุดที่รัก เลยขันอาสาจะไปรับด้วยถือคติทางเดียวกันไปด้วยกัน ทว่ายังไม่ทันเอ่ยให้จบ กลับมีเสียงคนข้างกายขัดขึ้นเสียก่อน
“เสือก”
“เอ้า!”
คนถูกด่าฟรี เกาหัวแกรกๆ นี่เขาไปยุ่มย่ามอะไรมันตอนไหนวะครับ มองคนว่าเขาเสือกเต็มปากเต็มคำวาดขาคร่อมบิ๊กไบค์ หมุนกระเป๋าเป้ผ้าร่มสำหรับใส่อุปกรณ์กีฬาไว้ด้านหลัง ก่อนจะสวมหมวกกันน็อคแล้วเปิดกระจก
“กูไปรับมันเอง”
ไอ้เจมส์พยักหน้าแต่โดยดี มองเพื่อนซี้ที่ช่วงนี้มักทำตัวเครียดจนเกินพอดี รู้แหละว่าสาเหตุหนึ่งนั้นมาจากโปรเจ็คสุดโหด แต่ไอ้ชะมันไม่ใช่คนคิดมากกับเรื่องเรียนนี่นา มันต้องมีเหตุผลอื่นแน่นอนที่ทำให้ช่วงนี้มันเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน เหมือนให้มันรีบๆ เสร็จ แถมตอนนั่งปั่นงานกันอยู่ก็เอาแต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทุกๆ ห้านาทีอีกด้วย
เขาคิดพลางขมวดคิ้วมุ่น แต่ก่อนที่จะสันนิษฐานความเป็นไปได้ของไอ้เพื่อนตัวดี กลับมีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นอยู่ไม่ไกล
“คุณจะพาผมไปไหน ปล่อยผม!” ร่างโปร่งเดินตามคนจับลากขาแทบขวิด ระหกระเหินเดินด้วยตัวเองแทบไม่ได้ ความมึนเมาถาโถมพาลเอาหน้าแดงซ่าน สมองร้อนรุ่มนึกคิดอะไรไม่ออก
“เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
“เรามีเรื่องอะไรต้องคุยกันด้วยเหรอครับ?” สุดที่รักมึนงง เรื่องอะไรที่มีระหว่างกัน เขามองไม่เห็นเลยสักเรื่อง
เมื่อถูกถูลู่ถูกังพามาจนถึงรถยนต์คันโต เห็นรุ่นพี่หนุ่มเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ ก็เดาได้ไม่ยากว่าตนกำลังจะถูกลักพาตัว แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เขาก็ไม่ยอมทั้งนั้น สุดที่รักยื้อแขนสุดแรงจนหลุดจากการจับกุม เมื่อเป็นอิสระ ขาเรียวชักถอยหลัง มองด้วยสายตาตื่นตระหนกระคนหวาดระแวง สร้างกำแพงกางกั้นระหว่างคนสองคน
คนหน้ามืดตวัดหน้าหันมามองเด็กหนุ่มร่างโปร่ง ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้หวังจับเจ้าเด็กหน้ามึนให้ขึ้นรถอีกครั้ง แม้จะยังหาเหตุผลของการพาตัวอีกคนไปด้วยกันไม่ได้ ทว่าเลือดกายพลุ่งพล่านนั้นกลับเป็นตัวกระตุ้นทุกสิ่งอย่างในตอนนี้ กว้างขวางบัดนี้คล้ายคนขาดสติ มีเพียงอารมณ์เท่านั้นที่ปลุกปั่นให้ร่างกายเป็นฝ่ายกระทำการ เหงื่อกาฬผุดซึมแผ่กำจายไอร้อนแห่งความกระสันจนควบคุมไม่อยู่
เขารู้ดีว่ามันป่าเถื่อน มันไม่ต่างอะไรกับการขืนบังคับ แต่เขายับยั้งมันไม่ได้ เขาป่วย...และต้องได้รับการบรรเทาเดี๋ยวนี้
เขารู้เพียงเท่านี้
“หยุดนะ!”
เมื่อเห็นว่าคนตัวสูงจะเข้ามาหาตัวเองอีก สุดที่รักจึงตวาดเสียงลั่นพร้อมกับชี้นิ้วใส่คนตรงหน้าอย่างไม่เคยทำกับใครมาก่อน เขาไม่ชอบวิธีการของกว้างขวางที่ทำเหมือนกับเขาไม่ใช่คนแบบนี้ หลายครั้งแล้ว ทั้งคำพูดและการกระทำ ชายหนุ่มมักจะดูถูกเขาและถือวิสาสะอยู่เสมอ คราวนี้มันเลยอดไม่ได้ ที่จะโมโห และคงอาจเป็นเพราะฤทธิ์เหล้ามากดีกรีอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เขามี ความกล้ามากขึ้น
“อย่าสั่งฉัน...”
คนถูกสั่งเค้นเสียงต่ำ ทุกห้วงแห่งลมหายใจหอบถี่ มันหนักขึ้นทุกครั้งที่ชายหนุ่มก้าวเข้าหา ยิ่งหนักมากขึ้นเมื่อคนตรงหน้าชี้นิ้วสั่งเขา ซึ่งไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อน
กว้างขวางค่อยก้าวขายาวต้อนร่างโปร่งจนเรียวขาเล็กสัมผัสเข้ากับพุ่มไม้ประดับหน้าคณะ สุดที่รักถึงได้รู้ว่าไร้หนทางไปต่อ เบือนหน้ามองซ้ายขวาหาทางหนีทีไล่ ทว่าจังหวะนั้นเอง เป็นรุ่นพี่หนุ่มตัวสูงที่ก้าวเข้ามาประชิดตัวด้วยความเร็ว
กว้างขวางตวัดวงแขนดึงรั้งเอวบางให้เข้าหา ตั้งแต่หน้าอกตลอดจนต้นขา ทุกส่วนแนบชิดติดกัน รับรู้เนื้ออุ่นร้อนของกันและกันผ่านเนื้อผ้าเปียกชุ่ม ยิ่งส่วนแข็งขึงตรงกลางกายดุนดัน ยิ่งทำให้คนตัวเล็กกว่าตื่นตระหนก จมูกโด่งแนบชิดใบหู รับรู้ลมหายใจร้อนระอุของคนกระทำการอุกอาจ รับรู้แม้กระทั่งแรงบีบสั่นเทาที่เอว
“คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่?” เขาไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น ผู้ชายคนนี้ทำตัวเหมือนลม เดี๋ยวโหมแรงเข้าใส่ เดี๋ยวพัดผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นายต้องรับผิดชอบ” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าควักเอาโทรศัพท์ในกางเกงเปียกชุ่มออกมาให้อีกฝ่ายดู โทรศัพท์เครื่องหลายหมื่นใช้การไม่ได้อีกแล้ว เขายกมันขึ้นมาอ้าง ทว่าเจตนาแท้จริงไม่ใช่สิ่งนี้ที่เขาต้องการให้สุดที่รักรับผิดชอบ
“ผ...ผมไม่มีเงิน”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลนลาน คนไล่ต้อนกระตุกยิ้มอย่างได้เปรียบ
“งั้นก็ต้องรับผิดชอบด้วยวิธีอื่น”
“วิธีอื่น?” สุดที่รักชะงักงัน เงยหน้าแดงก่ำสบตาคนสูงกว่า
ระยะที่ใกล้ชิดทำเอากว้างขวางแทบทนไม่ไหว ลอบเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเองไปหลายครั้ง เขาอยากพาร่างบางตรงหน้าไปจากที่นี่ ไปตอบสนอง ความต้องการที่พลุ่งพล่านของตัวเองเสียให้รู้แล้วรู้รอด ยังไงมันก็แอบชอบแอบปลื้มเขาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
ที่สุดของความต้องการ ข้างในนั้นคือความอยากรู้อยากลอง
สุดที่รักตอนนี้เหมือนอาหารที่กว้างขวางไม่เคยลิ้มรส
“ช่วยฉัน...”
เสียงกระซิบกระซาบแหบพร่าชวนอ่อนระทวย เกิดมาสุดที่รักไม่เคยได้สัมผัสการถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้จากใคร ยิ่งกับคนที่หลงปลื้มยิ่งไม่เคยคิดฝันว่าจะมีโอกาส กลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำหอมราคาแพงบนกายกว้างขวาง แม้น้ำในบ่อปลาก็ไม่อาจกลบได้ ยิ่งมี ความปั่นป่วนจากเหล้าสูตรใดก็ไม่อาจทราบได้มาช่วยกระตุ้นด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เด็กชายในวันวานผู้ไม่ประสารู้สึกร้อนวูบวาบ หัวใจเต้นรัวหาจังหวะไม่เจอ
“ผมจะช่วยอะไรคุณได้ มีอะไรให้ต้องช่วย...” เด็กน้อยในกำมือเอ่ยถามอย่างซื่อบริสุทธิ์
สุดที่รักไม่เข้าใจถึงคำขอร้อง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนอย่างเขาจะเอาอะไรไปช่วยคนมีพร้อมอย่างกว้างขวาง แต่ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง เขาก็อยากช่วยรุ่นพี่หนุ่มให้คลายจากความกังวลที่เป็นอยู่
กับคนที่แอบปลื้ม ไม่ว่าถูกกระทำให้ชอกช้ำแค่ไหน หัวใจมันก็ยังไม่ยอมหลาบจำสักที
“คุณไม่สบายหรือเปล่า ทำไมเหงื่อออกเยอะขนาดนี้” สุดที่รักเผลอเอ่ยถาม กวาดสายตามองดวงหน้าหล่อเหลาซึ่งเต็มชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดพราย
“นายชอบฉันไม่ใช่เหรอ...”
คำพูดของรุ่นพี่ปีสี่ที่แอบปลื้มทำให้คนฟังขมวดคิ้วงุนงง
ใช่...เขาชอบพี่กว้าง
แล้วยังไง?
นอกจากคำพูดชวนสงสัยแล้ว ยังมีท่าทางของชายหนุ่มที่ทำให้สุดที่รักเป็นกังวล กว้างขวางยามนี้เหมือนคนเจ็บปวดทรมาน เหมือนกำลังต่อสู้อยู่กับตัวเอง เขามองเห็นชายหนุ่มฝืนกลืนน้ำลาย ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำก้มต่ำ เสียงลมหายใจหอบถี่จนน่าเป็นห่วง ฝ่ามือบีบเค้นหนักยังช่วงเอวของเขา ช่วงจังหวะหนึ่งหน้าผากขาวใช้บ่าของเขาเป็นที่พักพิง
“ไปกับฉัน แล้วจะบอกว่านายจะช่วยฉันได้ยังไง”
กว้างขวาง ศิริไพศาล ก็แค่คนอ่อนแอคนหนึ่ง
เป็นผู้ชายที่พ่ายแพ้ต่อความต้องการทางร่างกาย
มือแกร่งบีบจับซึมซับความนุ่มนิ่มเอวบาง เอวเด็กนัยน์ตาเศร้าบอบบางจนแทบจะแหลกคามือของเขา ยิ่งกระตุ้นให้เลือดกายร้อนรุ่มหนักขึ้นไปอีก หมดแล้วซึ่งสติสัมปชัญญะ หลงลืมไปชั่วขณะว่าครั้งหนึ่งเคยเอ่ยไล่คนในอ้อมแขนเองกับปาก
หลายวันที่ลอบมองร่างบางตรงหน้า เขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าสุดที่รัก...
น่าฟัด น่ากลืนกินเป็นที่สุด
ลมหายใจอุ่นร้อนแผ่ซ่านบริเวณข้างแก้ม คนถูกฤทธิ์เหล้าเล่นงานถึงกับสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง จังหวะหนึ่งปรือตาเหลือบมองคนตัวสูง ไม่ต่างจากอีกฝ่าย ที่กวาดตามอง ดวงหน้าเล็ก ไล่จากนัยน์ตาเศร้าที่มักดึงดูดให้จับจ้อง จมูกเล็กไม่โด่งมาก จนกระทั่ง ริมฝีปากเรียวเป็นกระจับชื้นน้ำลายที่เจ้าตัวเอาแต่แลบลิ้นเลียชโลม แม้จะไม่ได้แดงระเรื่อเหมือนริมฝีปากผู้หญิงที่เขาเคยพบเจอ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันดูนุ่มนิ่มน่าครอบครองมากเพียงใด
แต่กว่าที่จะได้คิดไปไกลมากกว่านี้ ความคิดและการกระทำกลับเป็นอันต้องชะงัก ร่างทั้งร่างถูกกระชากให้ห่างออกจากกันอย่างแรง ก่อนจะโดนหมัดหนักอัดกระแทกใส่หน้าโดยไม่ทันได้ตั้งตัว กายสูงใหญ่ล้มหงายหลังไร้ที่จับยึด
กว้างขวางมึนงงไปชั่วขณะ สะบัดใบหน้าหล่อเหลาเพื่อปรับสติความเจ็บแปลบบริเวณมุมปากแสบลามไปถึงก้านสมอง
“มึงจะทำอะไร!”
เสียงตวาดดังลั่นมาพร้อมกับร่างสูงใหญ่ตามคร่อมเขา ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกต่อยเข้าที่ใบหน้าอีกเป็นครั้งที่สอง
“เฮ้ย! ไอ้ชะใจเย็น!”
“ชะ!! ปล่อยเขา!”
ชยางกูรเดือดดาลเป็นที่สุด เมื่อได้เห็นภาพบาดตาบาดใจของคนสองคน ยืนแนบชิดติดกันแสดงกิริยาไม่เหมาะสมแก่สถานที่ อาศัยความมืดบดบัง การกระทำราวกับว่า ไม่มีใครเห็น ทว่ากลับเป็นเขาที่เห็นชัดเต็มสองตาดำ จะเป็นความโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่สนามฟุตบอลอยู่ใกล้กับตึกครุศาสตร์พอดี การกระทำทั้งหมดไม่ได้ทำให้เขาถือเป็นภาพบาดตาบาดใจ เท่ากับการรู้ว่าหนึ่งในนั้นคือ ‘คนของหัวใจ’ ของตัวเอง
ยิ่งรู้ก็ยิ่งโมโหหนัก เมื่อได้เจอคนที่เขาไม่ได้เจอนับสัปดาห์ เพราะโปรเจ็คที่หนักหน่วง เดดไลน์จวนเจียน ทำเอาเขาแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ เป็นกระวนกระวายทุกวันว่าอีกคนจะเป็นยังไง จะใช้ชีวิตยังไง ทำได้มากสุดคือโทรหา จะปลีกตัวไปหาสักครึ่งชั่วโมงก็ยังโดนไอ้พวกเพื่อนมันกดดัน แถมคนที่อยากเจออย่างไอ้สุดมันยังปฏิเสธไม่ให้เขาไปหา กรายๆ สร้างความขุ่นเคืองให้เขาไม่น้อย ชีวิตตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงไม่ต่างอะไรกับนักโทษดีๆ นี่เอง มาวันนี้เห็นมันอยู่กับไอ้รุ่นพี่คู่กรณี เขายิ่งเดือดพล่านยิ่งกว่าน้ำร้อนทะลุร้อยองศา
เขาพลาดอะไรไป
ขณะกำลังจะสตาร์ทรถ สายตาเหลือบไปเห็นเพื่อนของเขาถูกไอ้หมอนี่จับมือถือแขน ลากกันมาถึงรถ ยังดีที่ไ*****อมันยังคิดต่อต้าน แต่ไม่รู้ว่าพูดอะไรกัน ต่อจากนั้นกิริยาต่อต้านกลับแปรเปลี่ยนเป็นโอนอ่อนราวกับถูกสะกดจิต
ไอ้รุ่นพี่เหี้ยนี่มันกล่อมประสาทอะไรเพื่อนเขากันแน่!
ยิ่งเห็นความใกล้ชิดเกินพอดีผ่านเสื้อผ้าเปียกปอนทั้งคู่ ก็ยิ่งบันดาลโทสะ ทั้งที่ปากบอกเป็นเพื่อนกัน แต่ชยางกูร กลับรู้ดีว่าเขาโมโหเกินไปกว่าคำว่าเพื่อนมาก รีบตวัดกายออกจากรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจ เดินอาดไปคว้ารุ่นพี่ระยำมาต่อยจนหน้าหงาย หมดแล้วซึ่งการยับยั้งชั่งใจ
“ไอ้ชะ หยุด!” เจมส์รีบถลาเข้ามาคว้ามือที่ง้างไว้สุดกำลัง
“ชะพอ!”
สุดที่รักเข้ามาช่วยด้วยอีกคน ใช้แรงอันน้อยนิดรั้งไหล่เขาให้ลุกออกจากร่างไร้เรี่ยวแรงของไอ้รุ่นพี่หน้าอ่อน
“อย่ายุ่ง!” สองหมัดที่ปล่อยไปยังไม่สาแก่ใจไอ้ชะ เขาต้องการสั่งสอนคนที่มันมาทำยุ่มย่ามกับคนของเขา เขาสะบัดกายให้หลุดจากการจับกุม และดูเหมือนว่าจะแรงไปสักนิด ไอ้คนยื้อแย่งเท่าแรงมดถึงได้หงายหลังล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่ข้างๆ
ชยางกูรใจอ่อนยวบ ยามได้เห็นเพื่อนรักล้มไม่เป็นท่าด้วยฝีมือของตัวเอง
ท่าทีชะงักของคนเหนือร่าง ถือเป็นโอกาสให้คนใต้ร่างลุกขึ้นสู้บ้าง กว้างขวาง ไม่ยอมให้ไอ้รุ่นน้องคู่อริได้กระทำเพียงฝ่ายเดียวแน่ เขาผลักอกมันจนหงายหลังพลางเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมบ้าง หมัดของเขาหนักไม่แพ้ใคร ปล่อยเข้าใส่ข้างแก้มจนมุมปากแตกยับ
เหตุการณ์ตะลุมบอนเป็นไปอย่างโกลาหล ผู้ชายร่างสูงสองคนโกรธเกลียดปลดปล่อยความคั่งแค้นใส่กันราวกับภูเขาไฟร้อนระอุที่กำลังระเบิดตูมใหญ่ ต่างฝ่ายต่างยื้อแย่งกระชากต่อยกันอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น ทางตัวต้นเหตุอย่างสุดที่รัก และเพื่อนอย่างเจมส์ได้แต่ตะโกนร้องห้ามเพราะสู้แรงไม่ไหว หลังไอ้เจมส์เองก็ได้ปากแตกเพราะโดนลูกหลงมาแล้ว
แต่ดูเหมือนชยางกูรจะหัวร้อนเลือดพล่านยิ่งกว่าใคร ในวินาทีที่ได้เปรียบ เขาใช้หัวเข่าทิ้งตัวอัดกระแทกกับหน้าท้องกว้างขวางจนอีกฝ่ายเจ็บจุก ชายหนุ่มเงื้อหมัดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาจะต่อยไอ้รุ่นพี่หน้าอ่อนนี่ให้ร่วงสลบคาหมัดเขาให้ได้
“ชะหยุด! พอได้แล้ว!” สุดที่รักอดรนทนไม่ไหว ถลาเข้าไปแทรกกลางระหว่างคนสองคน ทั้งยื่นหน้า ทั้งอ้าแขนกางออก หากชะจะต่อย คงเป็นเขาที่โดนมันเต็มๆ
ชยางกูรถลึงตามอง กำปั้นที่เงื้อเหนือหัวสั่นเทา
“มึงปกป้องมันทำไม...”
สุดที่รักส่ายหน้าแทนคำตอบ ใบหน้าร้อนรนระคนหวาดกลัว ที่เขาห้ามก็เพราะไม่อยากให้ใครต้องเจ็บตัว แต่คนมองกลับเข้าใจผิดเต็มประตู หัวใจไอ้ชะเจ็บแปลบแสบชา มองคนของหัวใจกำลังปกป้องอีกฝ่าย ก็เห็นอยู่เต็มตา ว่ามันกำลังหลอกล่อ แล้วนี่ยังจะไปปกป้องมันอีกทำไม
ถ้าไม่ใช่เพราะมีใจให้มัน...
“มันกำลังจะทำอะไรมึง?” เขาต้องการคำตอบดีๆ จากปากสุดที่รักเพื่อมาคลายหัวใจที่ปวดหนึบอยู่ในขณะนี้
เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากคนทำหน้าอ้ำอึ้ง ชะจึงต้องเค้นเอากับคนที่เขากำลังนั่งคร่อม มือแกร่งปัดร่างสุดที่รักให้พ้นทาง ก่อนจะกระชากคอเสื้อเปียกชื้นของรุ่นพี่หนุ่มขึ้นมาเผชิญหน้า
“มึงจะทำอะไรเพื่อนกู?”
“ไอ้ชะใจเย็นๆ ก่อน” ไอ้เจมส์เข้ามาห้ามด้วยอีกแรง เหงื่อแตกพลั่ก ไม่เคยเห็น ไอ้ชะเลือดร้อนขนาดนี้มาก่อน นี่รุ่นพี่เชียวนะ ยังกล้าทำได้ แถมเรื่องราวเป็นมายังไงก็ ไม่แน่ชัดอีก มาถึงก็ซัดเอาซัดเอาอย่างกับโกรธกันมาเป็นชาติ
“ชะ เขาไม่ได้จะทำอะไรทั้งนั้น” สุดที่รักปรี่เข้าไปห้ามด้วย สุดท้ายแรงสองแรงช่วยกันดึงร่างสูงออกมาได้สำเร็จ
“ไม่ได้จะทำไรได้ไง เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันกำลังจะไซ้มึงอะ!”
“นายเข้าใจผิดใหญ่แล้ว มันไม่ใช่อย่างนั้น...” สุดที่รักหน้าเหวอ มันไม่ใช่อย่างที่เห็น เมื่อกี้กว้างขวางกำลังร้องขอความช่วยเหลือเขาต่างหาก เขาคิดอย่างนั้น แต่ก็พูดมันออกมาได้ไม่เต็มปากเสียทีเดียว
“ทำไมทุกครั้งที่กูทำให้มันเจ็บ มึงจะต้องปกป้องมันตลอดเลยวะ?”
ชยางกูรนิ่วหน้า มองเพื่อนรักอย่างคลางแคลง แทนที่จะเข้าข้างกัน กลับเป็นเขาที่เป็นฝ่ายต้องหยุดตลอด “กูบอกแล้วใช่ไหมว่ากูไม่รับประกัน ถ้ามันมาเข้าใกล้มึงอีก” เจตนาของคนเข้าหาไม่มีดีเลยสักนิด เพราะรู้ถึงได้ปกป้อง
เขาไม่อยากให้มันมาเข้าใกล้คนของเขาอีก
“หึ แล้วมึงมาเสือกอะไรด้วย นี่เด็กมึงหรือไง?”
เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น เป็นคนล้มที่ไม่ยอมพ่ายแพ้ กว้างขวางยันกายลุกขึ้นยืนกระท่อนกระแท่น มองสุดที่รัก ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนโมโหร้าย เหยียด มุมปากเย้ยหยัน แสดงท่าทีเป็นต่อ
“แต่โทษทีว่ะ เด็กมึงแม่งมาชอบกูก่อน กูเลยต้องสนองให้ถึงที่ ถ้ามึงไม่มาขัดจังหวะซะก่อน เราคงไปไกลกันกว่านี้”
เขาเอาเรื่องความหลงใหลได้ปลื้มของสุดที่รักที่มีต่อเขามากล่าวอ้าง โดยไม่ทันได้คิดว่าคำพูดเหล่านี้กลับเหยียบย่ำความรู้สึกของใครคนที่ว่าได้อย่างเจ็บแสบ วินาทีที่จงใจพูดจาหยาบคายเพื่อยั่วโมโหรุ่นน้องเลือดเดือด ชายหนุ่มมีท่าทีชะงักเล็กน้อยหลังเหลือบสายตามองเห็นคนที่เขากล่าวอ้างมองกลับมาด้วยแววตาสั่นระริก
“ไอ้เหี้ย!” ชะกัดฟันกรอด เถียงอะไรไม่ออกเพราะสุดจะทนกับคำพูดสกปรกของรุ่นพี่คนนี้ ได้แต่โผกายจะเข้าไปซัดกับรุ่นพี่ปากดีนี่อีกรอบ ทว่าเจมส์ กลับเข้ามารั้งตัวเอาไว้
“ไอ้เหี้ยชะ! มึงพอได้แล้ว จะเอากันถึงตายเลยรึไงวะ! รีบพาไอ้สุดกลับไปเลย” เจมส์ตะคอกใส่หมาบ้า
คนใกล้จะเป็นหมาบ้าอยู่รอมร่อเอาแต่จดจ้องร่างสูงด้านหลังไอ้เจมส์ อย่างเอาเป็นเอาตาย
“ชะ หยุดเถอะ”
เสียงหนึ่งแผ่วพร่าดังขึ้นพร้อมกับร่างโปร่งที่เดินซวนเซเข้าไปแทรกคนเลือดร้อน เผชิญหน้ากับคนตัวสูง นัยน์ตาเศร้าฉาดฉายความคิดที่หลากหลาย แต่ใบหน้ายังคงวางเฉยไม่เปิดเผยความรู้สึก
สุดที่รักเหยียดหยันความรู้สึกของตัวเองอยู่ในใจ รู้ซึ้งถึงเจตนาแล้วว่าหลายวันมานี้ผู้ชายที่ชื่อกว้างขวางคอยมาตามตอแยเขาทำไม
ไม่ได้มีความรู้สึกอื่นใด นอกจากการดูถูกเหยียดหยามความรู้สึกของเขา และเห็นว่ามันเป็นเพียงเรื่องสกปรกพรรค์นั้น ไม่ได้สลักสำคัญอะไรต่อจิตใจ
แต่สำหรับเขามันไม่ใช่...
มันสำคัญที่สุดเท่าที่คนอย่างเขาจะมอบให้ได้
ชีวิตของสุดที่รักไม่มีสิ่งใดล้ำค่าไปกว่าความรู้สึกหนึ่งซึ่งเรียกว่ารัก
ซึ่งคงแตกต่างจากผู้ชายที่ชื่อกว้างขวางลิบลับ รุ่นพี่ผู้แสนอบอุ่นในวันวาน มาวันนี้กลับแตกต่างจากคนในความทรงจำอย่างสิ้นเชิง ชายหนุ่มอาจมอบความรักให้ใครมากมายที่ไม่ใช่เขา นั่นเขาเข้าใจและยอมรับความเป็นจริง
แต่จำเป็นด้วยเหรอ? ที่จะต้องเอาความรู้สึกของเขามาเหยียดหยามกันแบบนี้
“ผมชอบคุณ...”
ประโยคเข้าใจง่าย หากแต่อัดแน่นเต็มไปด้วยความรู้สึกถูกเอื้อนเอ่ยออกมา กว้างขวางได้ยิน และยกมุมปากยิ้มเหยียดอย่างคนเหนือกว่า จังหวะหนึ่งเผื่อแผ่สายตาเยาะเย้ยใส่ใครอีกคนที่นิ่งงัน ชยางกูรยืนอึ้ง ในขณะที่เจมส์ตกตะลึงกับคำสารภาพของเพื่อนในกลุ่มที่มีต่อรุ่นพี่...ซึ่งเป็นผู้ชายไม่ต่างกัน
“แต่มันเป็นความชอบที่บริสุทธิ์ใจ เป็นเพียงแค่การชื่นชมอยู่ห่างๆ ไม่ได้คิดเป็นอื่น แค่ได้มอง ได้เห็นคุณมีความสุข แค่นั้นผมก็พอใจแล้ว แต่ถ้าการกระทำอะไรของผมที่ทำให้คุณคิดไปถึงเรื่องพรรค์นั้น ผมต้องขอโทษด้วย แล้วถ้าการที่ผมชอบคุณมันทำให้คุณลำบากใจ ต่อจากนี้ไป...คุณไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะลดทอนมันไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้ว วันหนึ่ง มันคงหมดไปจากหัวใจ”
สุดที่รักสารภาพหมดเปลือก แม้จะไม่แน่ใจว่าเขาจะทำได้อย่างที่พูดในประโยคสุดท้ายหรือไม่ แต่ก็ยังเลือกพูดให้อีกฝ่ายสบายใจไว้ก่อน
กว้างขวางยืนฟังจนจบ ใบหน้าเปื้อนยิ้มสะใจเลือนหายไปในทันที
เสี้ยวหนึ่งของความคิดมันเกิดความมึนงง
มีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอ? คนที่ชอบใครสักคนแล้วไม่หวังอะไรตอบแทน ได้แค่มอง แค่ชื่นชมอยู่ห่างๆ ก็พอใจแล้ว...
มีด้วยเหรอ? มันเป็น...ความชอบแบบไหนกัน?
ทว่าความมึนงงที่มีก็ยังไม่เท่าความหงุดหงิดเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในใจ ทำไมถึงรู้สึกไม่พอใจที่ได้ยินว่าอีกฝ่ายยอมรามือจากเขาไปง่ายๆ
ชยางกูรกัดฟันแน่น เป็นฝ่ายทำลายความเงียบงันระหว่างคนสองคนจำยอมปล่อยคู่กรณีด้วยการดึงแขนเพื่อนสนิทให้เดินตามไปที่รถ สายตากรุ่นโกรธจดจ้องตลอดทางเดินใส่คนตัวสูง ส่วนเจมส์ก็มองรุ่นพี่หนุ่มอย่างหวาดระแวงระคนเห็นใจ เมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองขึ้นรถมอเตอร์ไซค์แล้วออกไปจากตรงนี้ เขารีบยกมือไหว้ท่วมหัว ก่อนจะลนลานเดินจากไป
ปล่อยทิ้งให้ใครอีกคนยืนเดียวดายอยู่ตรงนั้น เฝ้ามองแผ่นหลังบางนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์คันโตห่างออกไปเรื่อยๆ
ที่เขาเห็นและจดจำได้...คือสีหน้าและแววตาของเด็กนัยน์ตาโศกเมื่อครู่มีแต่คำว่าผิดหวังสะท้อนอยู่
ความชอบที่บริสุทธิ์ใจ...
เขาทบทวนมันซ้ำไปซ้ำมา พลันหัวใจกลับเต้นกระหน่ำ เขาไม่รู้จักความรู้สึกแบบนี้ แต่ยอมรับ ว่ามันตรึงความสนใจและชวนค้นหาไม่น้อยเลยทีเดียว
“กูถามจริงๆ เถอะ พวกมึงมีเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมไอ้เหี้ยนั่นต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับมึงด้วย” ชยางกูรตะโกนแข่งกับเสียงรถมอเตอร์ไซค์ตัวเองที่บิดเร่งความเร็วไปเกือบหนึ่งร้อย ขณะแล่นข้ามสะพานผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา
“......” คนซ้อนท้ายไม่ได้ตอบ หากเอาแต่ทอดมองคลื่นในแม่น้ำอันกว้างใหญ่กระเพื่อมไหว มีแสงจากดวงไฟตามเรือขนทรายส่องแสงประกายสะท้อนคลื่นน้ำ หัวใจเหนื่อยล้ายากเกินอธิบาย เขาไม่ต้องการพูดถึงใครในตอนนี้
แค่นี้หัวใจก็อ่อนแอเต็มทีแล้ว
นานทีเดียวกว่าชยางกูรจะเปิดปากพูดอีกครั้ง ความอัดอั้นตันใจฝากฝังไว้กับคำห่วงหา
“ดูก็รู้ว่ามันคิดไม่ดีกับมึง ต่อไปนี้อย่าไปเข้าใกล้มัน ถ้ามันเข้ามาใกล้ ให้รีบโทรหากูทันที เข้าใจไหม”
“ชะ...”
“หืม”
“การที่เรารู้สึกดีกับคนที่ไม่คู่ควร มันน่ารังเกียจ น่าดูถูกมากเลยเหรอ?”
“......”
“เขาบอกให้เราไปให้พ้นหน้า เราก็ทำตามแล้ว เขายังไม่พอใจอะไรเราอีกเหรอ ถึงได้กลับมาเหยียดหยามศักดิ์ศรี เห็นความรู้สึกของเราเป็นเรื่องเล่นๆ ได้ขนาดนี้”
“......”
“ความรู้สึกของเรามันไม่มีค่าอะไรเลยใช่ไหม?”
หัวใจกลัดหนองระบายมันออกมาผ่านน้ำเสียงสั่นเครือ ทั้งๆ ที่เขาอยู่ในที่ของตัวเองแล้วแท้ๆ แต่ทำไมใครคนนั้นถึงยังเอาความรู้สึกของเขามาพูดหยามกันอีก พูดเหมือนกับว่าความรู้สึกของเขานั้นช่างไร้ค่า ไร้ราคา ต้องการแค่การตอบสนองกลับ เหมือนอย่างที่ใครคนอื่นก็ต้องการจากตัวชายหนุ่มเพียงเท่านั้นเหรอ
กว้างขวางกำลังเข้าใจผิดอย่างรุนแรง ความรู้สึกดีๆ ของสุดที่รักที่มีให้ต่อชายหนุ่ม ไม่ใช่ความรู้สึกที่มีความใคร่เป็นส่วนประกอบ หากแต่เป็นเพียงแค่การแอบปลื้มชื่นชม และหวังดี หวังจะให้มีชีวิตที่ดี มีความสุขในทุกๆ วัน เพียงเท่านั้นเอง
“กับคนไม่เห็นค่า ต่อให้ทำดีมากแค่ไหน เขาก็ไม่เห็น คนอย่างมึงไม่คู่ควรกับมันเลย สุดที่รัก...”
คนอย่างมึงดีเกินกว่าจะไปเป็นของมัน
เอาให้กูนี่...ความรู้สึกของมึง กูจะดูแลมันอย่างดี
ชยางกูรอยากพูดให้หมดเปลือกหัวใจ แต่ก็จำต้องเลือกเก็บมันไว้ หากจะบอกว่าไอ้ชะกำลังปอดแหกก็คงไม่ผิดนัก เพราะเขากลัวว่าความสัมพันธ์ที่มีระหว่างกันจะไม่เหมือนเดิม แค่คิดว่าคำว่าเพื่อนต้องหลุดปลิวไปเพราะคำพูดเอาแต่ได้ของตัวเอง แค่นี้ใจ ไอ้ชะก็สั่นสะท้านร้าวลึกเกินไปด้วยซ้ำ ยิ่งถ้าให้สารภาพรักแล้วถูกปฏิเสธ ถึงตอนนั้นไอ้ชะคนนี้คงยืนทรงตัวไม่ไหวแน่ๆ
ยิ่งขี่ไปเรื่อยๆ บรรยากาศยิ่งชวนให้คนเมาง่วงงุน ลมพัดโกรกร่างเปียกชุ่มมาก่อนหน้าทำเอาเกิดอาการหนาวสั่น
“ชะ หนาว” คนเมาพูดเสียงขึ้นจมูกอู้อี้ผ่านกระจกหมวกกันน็อค
“แล้วพวกมึงไปตกบ่อตกคลองที่ไหนกันมา มันไม่ได้ทำมึงเจ็บตรงไหน ใช่ไหม?”
“......” คนฟังส่ายหน้าแทนคำตอบ “หนาว”
“เฮ้อ!” ชยางกูรถอนหายใจให้กับไอ้คนทำตัวเป็นเด็กงอแง คล้ายระอาเต็มทน เวลาไอ้สุดเมาทีไรชอบมีลูกออดลูกอ้อนทุกที
“กอดกูนี่ เอามือซุกในกระเป๋าเสื้อกู”
สุดที่รักทำตามอย่างว่าง่าย ด้วยสติใกล้รางเลือนเต็มที เขาแค่อยากหาความอบอุ่นให้ตัวเอง แล้วก็อยากหลับตาพักสักนิด จึงเบี่ยงศีรษะไปทางหนึ่ง เพื่อจะได้ซบกับแผ่นหลังกว้าง มือเล็กทั้งสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อผ้าร่มชื้นเหงื่อเล็กน้อยของคนตรงหน้า
ชยางกูรกลืนน้ำลายดังเอื้อก ตามองทางข้างหน้า หากแต่หัวใจกลับพองโต ความรู้สึกรักท่วมท้นล้นใจ ไอ้ชะอิ่มเอมกับการที่มีสุดที่รักอยู่ใกล้ๆ ได้ดูแล ได้ปกป้อง แม้ไม่ได้ครอบครอง เท่านี้ก็สุขใจเกินบรรยาย
ไอ้สุด...สุดที่รัก
ความรู้สึกของกูที่มีให้มึง มึงว่า...มันจะเป็นไปได้หรือเปล่าวะ?
ถ้าสักวันหนึ่งกูยอมเสี่ยง...กูจะยอมรับผลลัพธ์ของมันได้ไหม?
ชยางกูรนึกคิดในใจตลอดทางและตลอดเวลาที่ผ่านมา คนแอบรักเพื่อนสนิท ได้แค่คาดเดาไปต่างๆ นานา ไม่อาจหยั่งรู้อนาคตของตัวเองได้เลยสักนิด ว่าเด็กหนุ่ม สถาปัตย์ในวันนี้ จะถูกผลจากการกระทำพัดพาให้ระเหเร่ร่อนไปไกล ผิดทิศผิดทาง