ซ่าาา~
แกร๊ด!! ฉันอาบน้ำเสร็จก็ปิดน้ำก่อนจะเอาผ้ามาเช็ดตัวและเดินออกจากห้องน้ำ ในเมื่อฉันยังไม่สามารถกลับหอตัวเองได้ทั้งที่ตัวเปียกฉันเลยต้องอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนและค่อยกลับหอ
ตึก...ตึก...ตึกก
ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำก็พบกับเสื้อผ้าวางอยู่ที่ปลายเตียงห้องนี้เซย์ให้ฉันใช้ตามสบายเพราะเป็นห้องที่เตรียมไว้รับแขก ที่บ้านนี้หลังใหญ่และมีหลายห้องเขาเลยให้ฉันใช้ห้องหนึ่ง ฉันจัดการใส่เสื้อผ้าที่เขาเตรียมเอาไว้ให้มีทั้งชั้นในกางในพร้อม -////-
รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกันแหะที่มีคนมาเตรียมอะไรแบบนี้ให้ เมื่อแต่งตัวเสร็จฉันก็เดินออกจากห้องเพื่อจะหอของตัวเอง
เปรี๊ยง!!!
ซ่า!!!!
เปรี๊ยง!!!
ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างก็พบว่าเกิดพายุทั้งลมทั้งฝนอย่างรุนแรง อยู่ใกล้ทะเลมันเป็นแบบนี้นี่เองสินะ
ก๊อก ๆ
“ฉันเข้าไปนะ”
“....” เสียงของเซย์บอกฉันยังไม่ได้บอกอนุญาตเขาก็เปิดประตูเข้ามาเลย ก็นะนี่มันบ้านของเขานิเพราะงั้นจะเอาเข้าออกเมื่อไหร่ก็ได้อยู่แล้ว
“ยังกลับไม่ได้นะ” เขาบอกกับฉันเมื่อเข้ามาแล้ว
“...?” ฉันมองของเขาอย่างงง ๆ
“เพราะว่าเกิดพายุรุนแรงอย่างที่เธอเห็นนั่นแหละ ทำให้ต้นไม้ล้มปิดถนนหลายสายเลยไปไม่ได้”
“อ่อ” ฉันตอบแค่ก่อนจะหันกลับไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้งมันแรงจริง ๆ นั่นแหละ
“งั้นลงไปกินข้าวก่อนเถอะเธอคงยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า” หมับ! เขาบอกแต่ว่าทำไมจับมือด้วย
“ปล่อยมือ”
“ไม่ปล่อยอยากจับ” เขาตอบออกมาอย่างหน้าด้าน
“แล้วเคยอยากตายไหม?”
“ถ้าตายเพราะเธอฉันก็ยอม^^”
“ประสาท-_-” ฉันด่าเขาแต่เขากลับยิ้มอย่างไม่สลดและเดินจับมือฉันออกจากห้องฉันพยายามสะบัดออกแต่ไม่ได้ผล เฮ้อ!
ห้องอาหาร
ครืนน!!
“นั่งสิพี่เติร์ดเตรียมอาหารไว้แล้วแต่ไม่อร่อยเท่าไหร่หรอก” เขาพูดเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง อ่อ เพราะฉันมองหน้าของคนที่ชื่อเติร์ดและเหมือนว่าเขานั่นแหละที่เอาข้อมูลของฉันให้กับเซย์
“ฉันกินได้หมดแหละ” เรื่องอาหารฉันไม่เรื่องมากอะไรก็กินได้ทั้งนั้นแหละ ฉันมองอาหารมากมายบนโต๊ะเซย์คงบอกให้เขาเตรียมไว้ขนาดนี้สินะ
“ทานให้อร่อยนะครับ” เติร์ดบอกกับฉัน
“...” ฉันแค่พยักหน้าเท่านั้น
“ออกไปได้แล้ว” เซย์ไล่เติร์ดออกไป
“ครับบบบ” และเขาก็เดินออกไปภายในบ้านไม่มีใครนอกจากคนที่เติร์ด
“อยากได้อะไรก็บอกฉัน บ้านนี้มีฉันกับพี่เติร์ดสองคนเพราะฉันไม่ชอบวุ่นวายเท่าไหร่เขาทำหน้าที่ทุกอย่างให้ฉัน” เขาอธิบาย
“รวมทั้งเรื่องของฉันที่นายให้ไปสืบด้วยสินะ?” ฉันไปและก็กินข้าวไปด้วยไม่ได้กดดันแต่อย่างไร ความลับไม่มีในโลกนี้คือเรื่องจริงที่คนเราต้องยอมรับแม้จะเก่งแค่ไหนก็ต้องมีคนที่เก่งกว่าเราอยู่แล้วอย่างมั่นใจในตัวเองมากเกินไป
“รู้ตั้งนานแล้วสินะ”
“...” ฉันตั้งหน้าตั้งตากินข้าว
“ไม่โกธรเหรอ?” เขามองหน้าฉัน
“ฉันไม่สนใจหรอก” ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นในโลกนี้
“ไม่สนใจแม้กระทั่งฉันสินะ...” น้ำเสียงของเขาทำให้ฉันเงยหน้ามองหน้าของเขาซึมเศร้าไปเลยและมองตาของเขาไม่วางตา ในนั้นแสดงความเจ็บปวดออกมาแต่ฉันเลือกที่จะสะบัดมันทิ้งไป
“อืม” จากนั้นฉันก็ก้มหน้ากินข้าวต่อแม้ว่าภายในใจของฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจอะไร
“เหอะ!!”
ครืนนน!!เขาลุกออกไปจากโต๊ะทานข้าว...
ฉันมองเขาเดินออกไปก่อนจะวางช้อนลงและพ่นลมหายใจออกอย่างแรงทิ้งตัวพิงเก้าอี้ ภายในหัวของฉันคิดอะไรไม่ออกเลยถ้าเรื่องของเขาฉันแทบไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง
หลายชั่วโมงต่อมา
ซ่าาา~
ครืนนนน!!!เปรี๊ยงง!!เปรี๊ยงงงงงง!!!!!
ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วแต่ตอนนี้ไม่มีท่าทีว่าพายุจะสงบลงเลยสักนิด ฉันนั่งมองและรอเวลาอยู่นานแล้วออกไปไหนไม่ได้ส่วนเซย์คงงอนละมั้ง ไม่เห็นหน้าตั้งแต่ตอนนั้น
“ท่าทางพายุจะหยุดอยากนอนนี่ก่อนแล้วกัน” เสียงของเซย์บอกกับฉันคิดว่าจะไม่มาคุยแล้วซะอีก
“เดี๋ยวฉันกลับเองยืมรถหน่อย”
“อย่าดื้อได้ไหม?!” เขาพูดเสียงดังใส่ฉัน
“...”
“จะทำอะไรดูสภาพอากาศด้วยออกไปก็มีแต่ตายลูกเดียวอย่าดื้อและขึ้นห้องนอนซะ” เขาบอกแบบนั้นแหละแต่ฉันไม่ได้กลัวตายสักหน่อย แต่ก็ยังตายตอนนี้ไม่ได้ด้วย
Rrrrr
และขณะที่เรากำลังเล่นเกมจ้องตาอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น มันวางอยู่บนโต๊ะทำให้เซย์ที่ยืนอยู่มองเห็นชื่อที่ขึ้นอยู่บนนั้น
‘อาโป’
“ไม่รับสายมันได้ไหม?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“ฉัน...ไม่จำเป็นต้องทำตามที่นายบอกนะ” ฉันพูดแบบนั้นออกไปก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดรับสาย
ติ๊ด!
“ฮัลโหล...” พรึ่บ!! และอยู่ ๆ ก็มีแรงกอดจากด้านหลังจะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่เซย์ เฮ้อออ
(อยู่ไหน?) เขาถาม
“อยู่หอไง”
(วันนี้ไม่ได้ไปเรียนสินะเราตามไปแต่ไม่เจอ..) เขายอมรับมันออกมา
“อ๊ะ!” ฉันเผลอหลุดเสียงออกมาเมื่อเซย์กอดรัดฉันแรงขึ้น ฉันพยายามแกะมือของเขาออกไปแต่ไม่ได้ผลเพราะมือเดียวมันไม่ถนัด
“ก็เรารู้ไงว่าอาโปต้องตามไปอ่ะ เราเลยไม่เรียน...เรายังไม่พร้อมเจอ” นึกถึงเรื่องเมื่อเช้าก็ขยะแขยงขึ้นมายิ่งได้ยินเสียงที่มันคุยกับไอ้ไพรัตน์ยิ่งอยากอ้วก
(เราขอโทษนะวันนี้มีพายุดูแลตัวเองดี ๆ นะ)
“...”
(เราเป็นห่วงเยลลี่นะ)
“หอม...” เสียงพูดเบา ๆ ของเซย์อยู่ตรงบริเวรซอกคอของฉัน
(อยู่กับใคร?!)
“เสียงทีวีไม่มีอะไรหรอก แค่นี้ก่อนนะเราไม่ว่างเท่าไหร่อ่ะ” ฉันรีบบททันที
“คุยเสร็จยัง?” เซย์ซุกไซร้ตามลำคอของฉัน
(เยล...!!) ติ๊ด!! ฉันไม่ฟังอาโปกดวางสายทันที
“เซย์!!!” พรึ่บ!! ฉันผลักเขาออกก่อนจะเรียกเสียงดัง ดูก็รู้ว่าเขาตั้งใจจะให้อาโปได้ยินเสียงของเขา
“ก็ฉันเป็นเครื่องมือของเธอนิมันได้ยินเสียงฉันมันจะได้บ้าไงสะใจดีออก” ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ
“แต่อย่าทำอะไรที่ฉันไม่อนุญาตเป็นเครื่องมือก็รอเวลาทำงานแค่นั้น อย่ามาเกินหน้าที่...” พรึ่บ!! เขาผลักฉันให้ล้มไปที่โซฟาก่อนที่จะขึ้นคร่อมร่างของฉันเอาไว้ “ปากร้ายไม่มีใครเกินเลยนะ”
“ไม่ชอบก็อย่ามายุ่งสิ” เลิกสนใจฉันไปเลยยิ่งดี
“ไม่เลิกฉันมันซาดิกส์อยู่แล้ว โคตรชอบเลยเวลาโดนเธอด่าอ่ะเยลลี่...” เขาเอาหน้าเข้ามาใกล้หน้าของเขา แววตาบ่งบอกว่าที่เขาพูดมันจริงจังแค่ไหน
“เซย์..”
“ฉันชอบเธอนั่นคือความจริง เธอหนีมันไม่ได้หรอก”
“ฉันไม่ชอบนายนั่นก็คือความจริงเหมือนกันนั่นแหละ...”
“ไม่ชอบแล้วตอนนั้นจูบตอบทำไม ทำไมไม่ผลักออกหรือตบฉันแรง ๆ สักทีถ้าเธอทำแบบนั้นฉันจะเชื่อว่าเธอเกลียดฉัน”
“...” กึก!! ฉันชะงักทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้นมันเถียงไม่ออกเลยน่ะสิ
“เถียงไม่ออกสินะนั่นเพราะว่าเธอเองก็รู้สึกอะไรกับฉันเหมือนกัน แต่กำแพงเธอมันสูงไงแต่ต่อให้เธอมีกำแพงแค่ไหนฉันก็จะข้ามไป ระเบิดกำแพงนั่นจนไม่สามารถก่อขึ้นมาได้อีกยิ่งดี...”
“เพราะกำแพงมันค่อยดูแลใจฉันอยู่ไง”
“ไม่จำเป็นเพราะฉันจะดูแลและรักษามันเอง...”
ซ่าาา~
ครืนนนน!!!เปรี๊ยงง!!เปรี๊ยงงงงงง!!!!!
พรึ่บ!!!
“อื้อออ!!” เขาประกบปากลงมาพร้อมกับไฟที่ดับลงพอดีเสียงพายุรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับจูบของเขา
“อื้ออ!!อ่าส์!!” ฉันดันหน้าอกของเขาออกไปแต่ไม่มีแรงพอเลยสักนิด ฉันไม่ยอมเปิดปากให้เขาส่งลิ้นเข้ามาแต่เขามันร้ายกาจส่งมือล้วงเข้าไปในเสื้อของฉัน
“เซย์...อื้ออออออ” เขาอาศัยจังหวะที่ฉันตกใจส่งลิ้นเข้ามากวาดความหวานในช่องปากของฉัน
ฉันเลิกต่อต้านและปล่อยให้เขาทำอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะพอใจ...
“อ่าส์...เยลลี่”
“....”