เคยได้ยินมาว่า ‘ความรักไม่มีเหตุผล’
แต่ในความคิดของฉัน ‘ความรัก... มีเหตุผลในตัวของมันเองเสมอ’
อยู่ที่คุณจะหามันเจอรึเปล่า ก็เท่านั้น...
ฤดูร้อน มวลดอกชมพูพันธุ์ทิพย์พากันอวดโฉมเบ่งบานสะพรั่ง ขณะเดียวกันเหล่าเด็กนักเรียนที่เพิ่งออกจากห้องสอบวันสุดท้าย ก็ต่างจับกลุ่มคุยกันอย่างผ่อนคลายเพื่อละลายความเครียด
หากแต่ที่ใต้ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ต้นใหญ่ที่สุดหลังตึกวิชาการ กลับมีเด็กสาวในชุดเครื่องแบบคอบัวแขนยาว ผูกเนกไทสีเขียวลายสก็อตเช่นเดียวกับกระโปรงยาวแค่เข่า ติดตราโรงเรียน ST. Khonkaen (เซนต์คอนคาเอน) ยืนเหม่อมองละอองดอกไม้แสนสวยที่ถูกสายลมพาพัดให้โปรยปรายลงสู่ผืนดินเบื้องล่างบางเบา ก่อนยื่นมือไปแบรับกลีบดอกสีชมพูปลั่ง และเธอก็กำมันไว้ด้วยแววตาที่ฉายประกายมุ่งมั่น
เป็นไงเป็นกัน... ไม่ว่ายังไงวันนี้ก็ต้องสารภาพรักกับหมอนั่นให้ได้!
“โย่ว!”
ฉันสะดุ้งสุดตัว เผลอกำกลีบดอกไม้ในมือซะแน่น เมื่อถูกอ้อมแขนแสนคุ้นกระโดดกอดจากทางด้านหลัง กระแสเลือดในกายป่วนปั่นสูบฉีดเลือดฝาดแล่นพล่านมารวมกันที่พวงแก้มจนร้อนผ่าว
“อ... อ๊าย บลู! แกเลิกนิสัยกระโดดกอดฉันวันนี้เลยนะ!”
ฉันหลับตาปี๋สะบัดแขนเร่าๆ ขณะยกมืออีกข้างยันคางผู้ชายร่างเล็กที่สูงกว่าฉันนิดหน่อยให้ถอยออกไป แต่อีตาเพื่อนลามกกลับขมวดคิ้วมุ่น ดึงมือฉันออกจากคางด้วยสีหน้างงงัน
“ทำไมอะ ฉันทำแบบนี้มาตั้งแต่จำความได้จนป่านนี้ แกยังไม่ชินอีกเหรอ?”
“ไม่ชิน!”
ฉันตวาดแหว หอบแฮ่ก แก้มแดงจัด ก่อนสะดุ้งในใจเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าวันนี้ฉันตั้งใจจะทำตัวเป็นผู้หญิงอ่อนหวานเต็มที่เพื่อพิชิตใจผู้ชายตรงหน้านี่หว่า?!
โฮ... คนสวยพลาดครั้งที่ร้อยล้าน~
ฉันกับบลูรู้จักกันมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกก็ว่าได้เพราะบ้านเราอยู่ติดกัน แถมแม่เรายังท้องพร้อมกัน คลอดพร้อมกันที่โรงพยาบาลเดียวกันอีกต่างหาก พวกเราอยู่ท่ามกลางเสียงล้อเลียนว่าเป็นแฟนกันมาตั้งแต่อนุบาล แต่ตอนนั้นฉันไม่เห็นว่ามันจะเหมือนตรงไหน?
ตาเนี่ยเคยขี้แย ตอนประถมก็โดนพวกผู้ชายแกล้งจับแก้ผ้าประจำ ฉันเลยได้เป็นพระเอก (?) ขี่ม้าขาวไปช่วยไล่เตะเด็กเกเรพวกนั้นกระเจิงซะทุกที จนบางทีฉันก็งงๆ กับเพศตัวเองอยู่เหมือนกัน -_-
แต่ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้วละ ว่าฉันเป็นผู้หญิงที่กำลังมีความรัก...
...กับผู้ชายตรงหน้าฉันนี่ไง ♥
“ไม่สบายรึเปล่าพิ้งค์ แก้มแกแดงยังกะตูดจิ้งเหลนแน่ะ”
=[]= แกไม่มีอย่างอื่นที่เปรียบแล้วดูดีกว่านี้เรอะ!
ฉันแยกเขี้ยว กะวีนเต็มกำลังแต่กลับต้องชะงัก เมื่อบลูโน้มกายลงมาจนหน้าผากชนกับฉันเพื่อวัดไข้ อ๊าย! หัวใจฉันคงไม่เต้นแรงเกินไปจนกระเด้งออกมาทางปากหรอกนะ!
เมื่อบลูถอยกลับไปยืนตรงพลางเลิกคิ้วรอฟังว่าฉันจะพูดอะไร ฉันก็หลับตาปี๋ รวบรวมความกล้าตะโกนออกไปสุดเสียง
“บลู! ฉัน!!”
“อะไร?” บลูหรี่ตามองอย่างสงสัย กับท่าทางเหมือนอยากวิ่งหนีไปตามควายของฉัน
“ฉัน! ...ฉันชอบแก!”
ฉันบีบมือทั้งสองกำแน่น ดวงหน้าแดงจัดเหมือนเพิ่งกลับจากไปฟัดกับสุนัขข้างทาง ร้อนผ่าวไปทั่งทั้งเรือนร่างราวกับว่าฉัน... กำลังจะระเบิดตัวเอง!
แต่เมื่อคนตรงหน้าเงียบไปนาน...นานอย่างรุนแรง ฉันจึงค่อยลืมตาขึ้นมองไปด้วยความสงสัยว่าหมอนั่นวิ่งหนีไปเพราะตกใจเสียงฉันรึเปล่า แต่ปรากฏว่าบลูยังยืนอยู่ที่เก่า ดวงตาตี่เล็กหม่นแสงราวกับกำลังเศร้าเสียใจ ก่อนที่บลูจะก้มหน้าลงต่ำและอ้อมแอ้มบอกฉันมาเบาๆ
“ขอโทษ”
“...”
“จริงๆ แล้ว”
“...”
“ฉันชอบผู้ชายว่ะแก”