บทที่ 4
ลัคณาช้อนตามองเขาและเกิดอาการเขินหนักเพราะสายตาของจอมทัพกำลังจับจ้องอยู่ที่หน้าของเธอ บ้าจริง!...ทำไมถึงได้มานั่งจ้องหน้ากันอย่างนี้ ไม่รู้หรือยังไงว่าทำแบบนี้มันทำให้เธอเกิดอาการขวยเขินจนแก้มแดงก่ำ
และท่าทีของเธอที่ปกปิดความเคอะเขินไว้ไม่มิดทำให้จอมทัพมองเห็นอย่างชัดเจนเพราะเขาเองก็เกิดความรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมากะทันหันเมื่อได้มองหน้าสวย ๆ ของรุ่นน้องสาวเบื้องหลังแว่นตาหนาเตอะ สักครู่ลัคณาก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“พี่แจ็ค...คือว่า...ฉันต้องกลับไปที่ผับแล้วล่ะค่ะ”
“หืมม์?...ไหนว่าไม่มีใครจีบไง แล้วนี่คงจะรีบกลับไปหาแฟนที่ผับล่ะสิท่า”
“ปละ...เปล่านะคะ...คือว่าฉันต้องรีบไป...อ๊ะ!”
ลัคณาพูดไม่ทันจบประโยคก็เกือบจะเซล้มอีกหนเมื่อทรงตัวขึ้นยืนแล้วเกิดอาการมึนหัวขึ้นมากะทันหัน แต่จอมทัพก็เข้าไปรับร่างบอบบางไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะประคองให้เธอนั่งบนโซฟา หญิงสาวส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่ความมึนงง และเมื่อรู้สึกตัวว่าอยู่ในอ้อมแขนของเขาเธอก็ทำท่าจะขยับออกห่างแต่กลับถูกรุ่นพี่หนุ่มกระหวัดไว้ในอ้อมแขน
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า เมื่อกี๊เธอเกือบจะล้มแล้วรู้ไหม”
จอมทัพเอ่ยถาม เขาเห็นหญิงสาวอ่อนปวกเปียกและได้กลิ่นแอลกอฮอล์บางเบาเลยสงสัยว่าลัคณาจะเมาไวน์ที่เขาให้ดื่มเข้าไป ส่วนเธอก็ส่ายหน้าไปมาพร้อมทั้งพูดว่า
“มะ...ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่แจ็ค ฉันอาจจะ...จิบไวน์เยอะเกินไป”
“แค่ไวน์ก็เมาแล้วเหรอ...มานี่ก่อนสิ พี่จะพาเธอไปนั่งสูดอากาศที่นอกระเบียงจะได้รู้สึกสดชื่นขึ้นไง”
หญิงสาวไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธก็ถูกเขาประคองตัวออกไปที่นอกระเบียง ตรงนั้นมีลมพัดเข้ามาและทำให้ลัคณาแทบจะหายมึนเป็นปลิดทิ้ง นั่นเพราะระเบียงห้องของจอมทัพมองออกไปเห็นทัศนียภาพริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา ห้องของเขาอยู่ชั้นบนสุด ช่างเป็นบรรยากาศที่น่าสบายและเธอรู้สึกชื่นชอบขึ้นมาในทันใดแต่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้มาอยู่แบบนี้เพราะคงหาโอกาสมาที่คอนโดหรูของจอมทัพไม่ได้อีกในเมื่อคืนนี้ทุกอย่างล้วนเป็นเหตุบังเอิญ สักครู่ชายหนุ่มก็จับเธอนั่งลงบนเก้าอี้และเขาก็นั่งลงข้าง ๆ ในระยะชิดกันทำให้ลัคณายิ่งเขินมากขึ้นไปอีกแต่เธอก็ไม่ลืมว่าตอนนี้อัญชัญเพื่อนสนิทกำลังรออยู่ที่ผับ
“พี่แจ็คคะ...”
“เธอยังไมตอบคำถามพี่เลยนะลัคกี้ว่าที่จะเรีบกลับไปผับน่ะเพราะว่าแฟนรออยู่ใช่ไหม”
“เปล่าค่ะ...แต่ว่า...”
“มาเที่ยวกลางคืนแต่งตัวสวยดีแต่ทำไมไม่ยอมถอดแว่นตาออกเสียล่ะ”
เขาไม่พูดเปล่าแต่ยังดึงแว่นตาออกจากใบหน้าของรุ่นน้องสาวที่นั่งอ้าปากค้าง ไม่ทันได้ตอบคำถามและอธิบายเหตุผลอะไรให้เขาฟังสักอย่างแต่กลับต้องมาอยู่ใกล้ชิดกับรุ่นพี่หนุ่มซึ่งเธอถูกชะตากับเขาตั้งแต่แรกเห็น ลัคณาบอกตัวเองว่าเธอพยายามแล้วแต่ก็ดูเหมือนแทบกระดิกตัวทำอะไรไม่ได้เลย หรืออาจเป็นเพราะเธอประหม่ามากเกินไป ขณะนั้นเองจอมทัพก็จ้องตาเธอ เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลสุกใสเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างและทำให้ลัคณานั่งนิ่งเหมือนหินแทบไม่กล้าขยับตัวหรือแม้แต่หายใจ สักครู่เธอก็รวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นว่า
“คะ?...พี่แจ็ค...มีอะไรเหรอคะ?”
“ทำไมพี่ไม่เคยเห็นลัคกี้ตอนอยู่มหาวิทยาลัย หรือเป็นเพราะว่าเราไม่มีโอกาสได้เจอกัน”
“คงอย่างนั้นกระมังคะ ก็...พี่แจ็คออกจะเป็นคนดัง”
“รู้ได้ยังไง?”
“เพื่อนของลัคกี้พูดถึงพี่แจ็ค เอ้อ...พูดบ่อย ๆ ว่าพี่แจ็คเป็นนักกีฬาที่เก่งมาก”
แถมหล่อมากซะด้วย...ลัคณาละคำนั้นไว้ซึ่งมันก็เป็นความจริงอย่างที่อัญชัญพูดจริง ๆ นั่นก็คือจอมทัพเป็นผู้ชายหน้าตาดี ไม่ใช่แค่หล่อ เหลาอย่างเดียวแต่เขายังมีเสน่ห์ดึงดูดใจ รูปร่างของเขาสูงใหญ่บึกบึนจนเธออดที่จะจินตานาการต่อไปไม่ได้เลยว่าถ้าเขาถอดเสื้อผ้าออกแล้วข้างในจะยิ่งดึงดูดความรู้สึกสักแค่ไหน แต่ตอนนี้หญิงสาวไม่รู้ว่าจะดีใจที่ได้มาอยู่กับเขาในห้องของเขาสองต่อสองหรือว่าต้องรู้สึกแย่ที่ปล่อยให้อัญชัญรออยู่คนเดียวที่ผับซึ่งนี่เวลาก็ล่วงเลยมากว่าชั่วโมงแล้ว อัญชัญต้องสงสัยเป็นแน่ว่าเพื่อนสนิทหายไปไหน เวลานั้นจอมทัพก็ยกยิ้มมุมปาก เป้นรอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่แทบจะละลายหัวใจของลัคณาได้เลยทีเดียว
“พี่ก็ได้ยินมาว่างั้น...แต่ว่าพี่ไม่ได้เก่งกาจอะไรขนาดนั้นเลยนะ”
“แต่ก็มีผู้หญิงชอบพี่แจ็คเยอะนะคะ...เอ้อ...อันนี้ลัคกี้ได้ยินมาเหมือนกัน”
“แล้วลัคกี้คิดอย่างที่ได้ยินเพื่อนเขาพูดบ้างหรือเปล่า?”
ลัคณานิ่งไปเพราะไม่รู้เหตุผลอะไรที่จอมทัพถามอย่างนั้น รู้แต่ว่าตอนนี้ตัวเธอสั่นไปหมด มือเย็นและปั่นป่วนในท้องขณะที่ความง่วงงุนก็เริ่มแทรกเข้ามาในหัวอีกครั้ง พอเธอเงียบไปจอมทัพก็ทำให้หญิงสาวใจสั่นด้วยการก้มหน้าลงมาใกล้
“หืมม์?...ว่าไงล่ะ อืม...ลัคกี้ก็เหมือนกันนะ...ถอดแว่นแล้วลองปล่อยผมสยายดูหน่อยเป็นไร”
จอมทัพรุกคืบมากกว่านั้นด้วยการดึงริบบิ้นผูกผมหางม้าของรุ่นน้องสาวให้ผมยาวดำขลับเป็นเงาสยายเต็มแผ่นหลังของเธอ ลัคณาบอกตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงได้ปล่อยให้รุ่นพี่ของเธอซึ่งพึ่งรู้จักกันทำอย่างนั้นได้