“นี่ครับดาว น้ำส้มเย็นสดชื่นผสมเกล็ดส้ม อร่อยมากเลยนะครับ”
อัคนีแอบลอบยิ้ม เมื่อเห็นภรรยาของตนกำลังจัดการกับอดีตแฟนสาวอย่างนิ่มๆ เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับเคยเห็นในละคร ที่นางร้ายกับนางเอกแย่งพระเอกกัน เริ่มเข้าใจอารมณ์ของพระเอกเสน่ห์แรงขึ้นมาก็คราวนี้เอง
“แดดเริ่มแรงแล้วค่ะ เปลี่ยนที่นั่งกันดีไหมคะ ดาวไม่อยากตัวดำ”
เมื่อยายปลิงสาวหุ่นอึ๋มยังหน้าด้านหน้าทน มานั่งดูฉากหวานของคู่สามีภรรยาไม่ยอมไปนั่งที่อื่นทั้งที่มีเก้าอี้ว่างตั้งเยอะ ดารากานต์เลยต้องหาอุบายไล่ทางอ้อม
“ขยับหน่อยครับจ๋า ผมจะพาดาวไปนั่งตรงโน้น”
จามรีขยับลุกออกจากเก้าอี้ปั้นยิ้มให้ทั้งที่ใจเดือดปุดๆ นึกโมโหภรรยาหน้าจืดของอัคนี ที่ออดอ้อนออเซาะชายหนุ่มอย่างน่าหมั่นไส้ อัคนีพาดารากานต์ไปนั่งหลบแดดอยู่ด้านหลังเรือ ครั้นเธอจะตามไปนั่งด้วยก็ดูจะหน้าด้านหน้าหนาเกิน จามรีข่มใจให้เย็นลงรู้ดีว่าเสียเปรียบอยู่ แต่อย่าคิดว่าเธอจะยอมแพ้ง่ายๆ รอให้มีโอกาสเหมาะๆ ก่อนเถอะ จะจัดการอัคนีให้อยู่หมัดจะทำให้ยายหน้าจืดร้องไห้ขี้มูกโป่งขอหย่าแทบไม่ทัน ม่ายสาวอาฆาตไว้ในใจ
เรือมาจอดเทียบท่าและเดินทางมาถึงโรงแรม เมื่อเข้าห้องพักได้ ปฏิบัติการซักฟอกก็เกิดขึ้น ดารากานต์นั่งกอดอกอยู่บนเตียงนอน จ้องหน้าคนตัวโตที่กำลังเก็บข้าวของอย่างกดดันเธอรอให้เขาอธิบายอยู่ ฝ่ายอัคนีเองใช่จะไม่รู้ชายหนุ่มถ่วงเวลาด้วยการเก็บของให้ช้าลง ในสมองคิดหาวิธีการพูดเพื่อให้คนฟังสบายใจ
“คุณอัคนี นี่คุณไม่คิดจะพูดอะไรสักคำเหรอ”
ในที่สุดความอดทนของดารากานต์ก็หมดลง หญิงสาวนั่งมองนั่งรออยู่ครู่ใหญ่ อัคนีก็ไม่ยอมมาอธิบายสักที พอเขาทำท่าจะเข้าไปอาบน้ำ ความอดทนก็ขาดผึงลงตรงนั้น
“ผมขออาบน้ำก่อนนะครับ ร้อนจะแย่” เขาบอก
“คุยก่อน เดี๋ยวค่อยอาบน้ำ” เธอไม่ยอม
อัคนีถอนหายใจยาว มองดวงตาคู่สวยที่จ้องเขาเขม็งอย่างอ่อนใจ คงถ่วงเวลาต่อไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ความจริงก็คือความจริง เขาหวังว่าเธอจะยอมรับได้
“คุณอยากรู้เรื่องจ๋าใช่ไหมครับ” เขาไม่อ้อมค้อม
“ยังจะมาถามอีก ฉันไม่ได้ฉลาดน้อยนะ ถึงจะได้ไม่รู้ว่ายายนั่นกับคุณไม่ได้เป็นแค่คนรู้จักกันเฉยๆ”
ดูสิ... เขายังมีหน้ามาถามอีก ดารากานต์อยากทุบคนปากหนักให้กระอักเลือดจริงเชียว
“ผมกับจ๋าเราเคยคบกัน แต่เราไปกันไม่ได้จ๋าเลยไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น”
เขาเล่าคร่าวๆ ไม่กล้าลงรายละเอียดว่า คบหากันลึกซึ้งถึงเนื้อตัวกันแค่ไหน
“คุณยังรักเขาอยู่หรือเปล่าคะ”
ดารากานต์กัดฟันถามออกไป ไม่แปลกใจที่รู้ว่าเขากับผู้หญิงคนนั้นเคยเป็นแฟนกันมาก่อน ก็สาวเจ้าแสดงออกโจ่งแจ้ง จนใครเดาไม่ออกก็ฉลาดน้อยแล้ว
“ไม่ ผมไม่เคยรักจ๋า แค่รู้สึกชอบๆ เท่านั้น ตอนนี้ยิ่งไม่รู้สึกอะไรเลย”
เขาตอบพร้อมรอยยิ้ม ร่างหนาขยับเข้ามานั่งข้างคนตัวเล็ก เมื่อเห็นสีหน้าโล่งใจของเธอ
“ฉันจะเชื่อใจคุณได้เหรอคะ คนเคยสนิทแบบนั้น” เธอยังกังขา
“ดาวครับ ผมเป็นผู้ชายอายุก็เท่านี้แล้ว ย่อมต้องเคยคบหาผู้หญิงมาก่อน ถ้าผมชอบเขาจริงๆ ผมคงไม่ยอมเลิกกับเขาง่ายๆ หรอกครับ”
“ฉันจะพยายามเชื่อค่ะ”
ดารากานต์ยิ้มหวานพยักหน้ารับ เธอไม่ใช่คนจู้จี้จุกจิกชอบรื้อฟื้นอดีตของใคร ขอแค่อัคนีไม่โกหกและยอมพูดความจริง เธอก็คิดว่าพอแล้ว แค่เขาเห็นเธอสำคัญกว่ายายอึ๋มนั่น เธอก็พร้อมจะเชื่อและดับเครื่องชนหากอีกฝ่ายคิดมาตอแยกับคนของเธอ
“ต่อไปนี้ผมจะมีแค่คุณคนเดียวเป็นยอดดวงใจ เป็นคนที่ผมจะดูแลให้ดีที่สุด”
“พูดแล้วต้องทำให้ได้ด้วยนะคะ” เธอบอกเขาเสียงหวาน
อัคนียิ้มกว้างขยับเข้ามาชิดอีกนิด วาดแขนโอบร่างนุ่มนิ่มมากอดไว้ พร้อมกับหอมแก้มนวลเอาใจ
“ขอบคุณครับ ที่เชื่อใจผม”
“ขอบคุณแบบนี้ ไม่เอานะ”
ดารากานต์หน้าแดง ผลักคนตัวโตที่ชอบฉวยโอกาสออกห่างอย่างเขินๆ
“ก็ดาวน่ารักนี่ครับ ใครจะอดใจไหว”
อัคนียิ้มกริ่ม มองหน้าแดงๆ ของภรรยาสาวอย่างเอ็นดู แค่จูบนิดหอมหน่อยเธอก็ขยันหน้าแดง หัวใจคนมองเต้นรัวแรงอยากหอมอีก
“น่ารักสู้แฟนเก่าคุณได้หรือเปล่าล่ะ”
“ได้ไม่ได้ ผมจะพิสูจน์ให้ดู”
เมื่อเริ่มทนเสน่ห์เย้ายวนของสาวเจ้าไม่ไหว เขาก็ก้มลงแตะริมฝีปากจุมพิตปากนุ่มของเธอ บดเคล้าส่งความหวานผ่านปลายลิ้นร้อนอย่างนุ่มละมุน ดารากานต์พริ้มตาลงปล่อยกายปล่อยใจให้เคลิ้มไหวไปกับรสจูบไม่คิดขัดขืน
ร่างบางถูกประคองให้เอนลงบนที่นอนนุ่ม ร่างหนาขยับแนบชิดโดยไม่ยอมละริมฝีปากออกห่าง กายสาวหอมนุ่มจนคนสัมผัสแทบคลั่งตาย แต่ไม่กล้ารุกรานมากกว่านี้อยากทะนุถนอมร่างงามไว้ไม่ให้บอบช้ำ ได้แต่มอบจุมพิตหวานล้ำให้เธอจนอิ่มเอมใจ ก่อนจะกอดร่างน้อยไว้แนบอก
“ดาวจ๋า ผมอยากให้คุณเชื่อใจผมนะ”
“คุณต้องพิสูจน์ตัวเองค่ะ ฉันถึงจะยอมเชื่อ”
ดารากานต์ลูบแก้มสากคายของเขาไปมา ขณะจ้องมองดวงตาคมเข้มอย่างอ่อนหวาน เธอพร้อมจะเชื่อเขาแต่ขอความมั่นใจอีกนิด
“ถ้าผมทำให้คุณเชื่อใจผมได้ คุณจะยอมเป็นภรรยาผมจริงๆ ไหมครับ”
คนตัวโตเริ่มเจ้าเล่ห์ขึ้น ระบายรอยยิ้มพอใจกับท่าทางโอนอ่อนของหญิงสาว มือหนาลูบไล้แผ่นหลังบางแผ่วๆ ริมฝีปากกระตุกยิ้มเมื่อเห็นแก้มนวลแดงซ่านขึ้นมาอีก
“ยังทำไม่ได้ก็อย่าเพิ่งมาพูดเลยค่ะ รอให้ถึงวันนั้นก่อนค่อยว่ากันอีกที” เธอไม่ยอมตกหลุมเขาง่ายๆ
“ว้า... ผมจะรู้ได้ยังไงว่า วันนั้นคือวันไหน” เขาท้วง
ดารากานต์ยิ้มขำ “วันไหนก็วันนั้นแหละค่ะ” เธอแกล้งเล่นลิ้น
คนฟังนิ่วหน้าหมั่นไส้จนอดไม่ไหว จนต้องขอเอาคืนคนช่างพูดโดยการก้มลงจุมพิตริมฝีปากนุ่มนั้นอีกหน ดารากานต์ส่ายหน้าหนีแต่ถูกเขาจับต้นคอบังคับไม่ให้หนีไปพ้น ริมฝีปากหยักหนาทาบทับสนิทแนบ กดจูบหนักหน่วงจนหายใจแทบไม่ทัน มือหนาอีกข้างลูบไล้ไปทั่วร่างงาม จนกายสาวบิดเร่าด้วยความวาบหวาม เสียงครางประท้วงแผ่วดังอยู่ในคอ เมื่อริมฝีปากถูกกดประทับไว้ไม่ยอมปล่อย
อัคนีละเลียดชิมกลีบปากบางอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะผละออกให้เธอได้หายใจ แล้วเปลี่ยนเป้าหมายมาซุกไซ้ซอกคอขาวผ่องแทน เขายิ้มพรายเมื่อคนตัวเล็กครางเบาๆ ออกมา จากที่คิดจะหยุดกลับลืมสิ้น ปลายนิ้วเรียวสอดเข้าใต้เสื้อลูบไล้ผิวเนียนละเอียดราวกำมะหยี่ ปลายนิ้วแตะไล้มากอบกุมทรวงอวบนุ่มตึงมือ คลึงเคล้าผ่านบราเซียร์ เสียงครางครวญดังขึ้น เมื่อเขาใช้ริมฝีปากแกะกระดุมออกทีละเม็ด ก่อนจะซบซุกใบหน้ากับทรวงอิ่มที่ลอยเด่นพ้นขอบบราเซียร์นั้นอย่างหนักหน่วง
ดารากานต์หลับตาพริ้มร้อนวูบวาบไปทั้งกาย เมื่อถูกผู้ชำนาญการปลุกเร้าอย่างเร่าร้อน มือบางยกขึ้นเกาะบ่าหนาของเขาไว้ ปลายนิ้วเรียวขยุ้มแรงเมื่อเขาสัมผัสเธออย่างวาบหวาม ร่างกายพลิ้วไหวไปกับทุกสัมผัสของเขา เพลิดเพลินจนหลงลืมไปหมด ว่าเขากับเธอเป็นแค่คู่แต่งงานกำมะลอ
“ดาวจ๋า... สวยเหลือเกิน”
เขาปลดบราเซียร์ออก ปากเอ่ยชมความงามของปทุมคู่สวยที่เด้งผึงหลุดออกจากบังทรวง อัคนีตาพร่าพรายกับความขาวเนียนราวกับไข่มุก ปลายยอดสีชมพูเม็ดกะจิดริดยั่วเย้าสายตา ชวนให้คอแห้งผาก ชายหนุ่มอดใจไม่ไหวก้มลงไปพิสูจน์ความงามด้วยปลายลิ้นร้อนและฝ่ามือ เขาอ้าปากครอบอมเม็ดมณีสีสวยเข้าไปในอุ้งปากร้อน ดูดเม้ม สลับกับตวัดไล้เลีย สองมือกอบกุมความนุ่มหยุ่นไว้เต็มอุ้งมือ เคล้าคลึงราวกับนวดแป้งขนมปังกระตุ้นเร้าให้เธอซ่านเสียวมากขึ้นอย่างคนมีชั้นเชิง
“อย่าค่ะ... พอเถอะ”