“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะไม่รายงานเรื่องนี้ให้คุณท่านทราบ” ธนาวิชญ์ตอบแบบไม่คิดนาน
“จริงๆ นะคะพี่พีท” ดานิตายิ้มกว้างอย่างดีใจ ถามธนาวิชญ์กลับราวกับว่าต้องการความมั่นใจ
“จริงสิครับ พี่เคยโกหกคุณหนูหรือครับ”
ด้วยความสงสารธนาวิชญ์จึงทำตามที่ริคคาร์โด้บอก ยอมละเมิดคำสั่งของเจ้านายแสนเคร่งคัดเป็นครั้งแรก
“ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณพี่พีทมากๆ ค่ะ”
ดานิตาดีใจจนเนื้อเต้น ทำท่าทางราวกับเด็กที่ได้ไปเที่ยวครั้งแรก ชายหนุ่มที่มองเห็นกิริยาของเธอนั้นมองด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน ธนาวิชญ์มองดานิตาด้วยความเอ็นดูและเคารพรัก ส่วนริคคาร์โด้มองเธอด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยไอแห่งรัก ความน่ารักและไร้เดียงสาของเธอมัดใจเขาตั้งแต่แรกเห็นก็ว่าได้
“งั้นเราไปกันเลยนะครับ จะได้กลับเร็วๆ ดานี่จะได้พักผ่อนเพราะพรุ่งนี้ต้องมีประชุมตอนเช้า”
เจ้าของความคิดให้ดานิตาหนีบิดาเที่ยวเอ่ยเร่ง
“ไปค่ะคุณริค พี่พีท”
หญิงเพียงหนึ่งเดียวตื่นเต้นกับการท่องราตรีครั้งแรกในชีวิตสาว เธออยากรู้เหลือเกินว่า ผับที่ริคคาร์โด้พาไปนี้จะเหมือนกับในหนังในละครที่ตนดูหรือไม่ แสงสีที่ประดับในผับจะมืดครึ้มหรือว่าสว่างไสว เสียงเพลงก็เช่นเดียวกันจะกระหึ่มจนพูดกันไม่รู้เรื่องหรือเคล้าคลอเบาๆ เธอเองคาดเดาไม่ได้ นอกจากจะได้เห็นกับตา
ริคคาร์โด้พาดานิตากับธนาวิชญ์มาเที่ยวผับประจำของเขา ผับแห่งนี้เขามักมาพักผ่อนคลายเครียดเรื่องงานประจำสัปดาห์ละสามครั้ง จึงคุ้นเคยกับพนักงานเป็นอย่างดี อีกทั้งยังปลอดภัยเรื่องเหล่ามาเฟียอีกด้วย เนื่องจากเจ้าของร้านก็ดังใช่หยอก ใครกล้าล้ำเส้นมีหวังได้กินลูกปืน ที่เขารู้เป็นเพราะเจ้าของร้านเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกับเขา ความสนิทสนมก็ระดับหนึ่ง
ดานิตากวาดตามองดูภายในผับที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยท่าทางตื่นตาตื่นใจและตื่นเต้น ผับแห่งนี้ไม่มีเสียงเพลงดังลั่น มีเพียงเสียงเพลงจากนักร้องที่ร้องได้อย่างไพเราะประสานกับเสียงเปียโนและไวโอลีน ยิ่งทำให้เพลงที่ขับร้องไพเราะมากขึ้น เธอมองลูกค้าแต่ละโต๊ะนั่งดื่มเคล้าคลอกับฟังเพลงไปด้วย เป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี
“เป็นไงบ้างครับดานี่มาเที่ยวผับครั้งแรก” ริคคาร์โด้เอ่ยถาม
“ตื่นเต้นค่ะ” คนที่ไม่เคยมาเที่ยวในสถานที่แบบนี้ตอบตามความรู้สึกของตน “มันก็เหมือนกับผับที่ดานี่เคยเห็นในทีวีแต่ว่ามันต่างกันที่บรรยากาศค่ะ ตอนที่เห็นในทีวีไม่ตื่นเต้น แต่ตอนนี้ตื่นเต้นมากๆ”
“ดูในทีวีหรือว่าในหนัง เราได้แค่มองเห็น รู้ว่ามันเป็นยังไง แต่เราไม่ได้บรรยากาศ ไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเราเองเพราะในทีวี ในหนังมันเป็นการจัดฉากให้เป็นไปตามที่ผู้กำกับต้องการ แต่ตอนนี้เรายืนอยู่ในสถานที่จริงที่คนในที่นี้เป็นตัวของตัวเอง”
ริคคาร์โด้บอกข้อแตกต่างระหว่างการมองเห็นในโทรทัศน์หรือในภาพยนตร์ให้ดานิตาได้รับรู้ ซึ่งเธอก็เหมือนจะรับรู้ในข้อที่เขากล่าวมา
“จริงค่ะ มันแตกต่างกันจริงๆ ด้วย”
“เราไปนั่งโต๊ะประจำของพี่ดีกว่านะ หลบมุมดี” เขาเดินนำหน้าดานิตาและธนาวิชญ์ไปยังโต๊ะวีไอพีโซนในที่มุมของผับ
“พี่จะสั่งพันซ์ผสมเชมเปญให้ดานี่ดื่มนะ รับรองไม่เมา” ริคคาร์โด้ผู้ชำนาญการเรื่องเครื่องดื่มมึนเมาเอ่ยบอกดานิตา “ตกลงไหมพีท ให้ดานี่ดื่มพันซ์ผสมเชมเปญนะ แค่แก้วเดียวพอ”
“ได้ครับ” ธนาวิชญ์ตอบกลับทันควัน เพราะคิดว่าไม่มีอะไรเยหายหากเจ้านายสาวของตนจะดื่มน้ำชนิดนั้น ซึ่งเขาเองก็รู้จักน้ำพันซ์ดีว่าคือน้ำหวานผสมกับน้ำผลไม้ หากอยู่ในผับในบาร์ก็จะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่ด้วยแต่ไม่มากเท่าไหร่นัก เพียงแค่มีกลิ่นบางๆ เท่านั้น เพียงแค่แก้วเดียวไม่สามารถทำให้เมาได้ แต่ไม่รู้ว่าคนที่ไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์อย่างดานิตาจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเขาก็ต้องดูแลดานิตาอย่างดีที่สุด แบบไม่ให้คาดสายตา
“โอเค ถ้าอย่างนั้นคุณกับผมดื่มวิสกี้กันนะ” คราวนี้มาถึงเครื่องดื่มของฝ่ายชายบ้าง
“ได้ครับ” หลังจากที่ได้รับคำตอบจากธนาวิชญ์ ริคคาร์โด้ก็สั่งเครื่องดื่มที่ตั้งใจไว้ ไม่นานนักเครื่องดื่มสามแก้วก็ถูกนำมาเสิร์ฟ
“ดานี่ลองดื่มดูนะ” ริคคาร์โด้หยิบแก้วน้ำพันซ์ผสมแชมเปญให้ดานิตาที่ยื่นมือมารับไว้แล้วยกขึ้นจิบตามที่เขาบอก
“อร่อยดีค่ะ เหมือนน้ำผลไม้แต่ก็มีกลิ่นแอลกอฮอล์อยู่นิดๆ” เธอตอบหลังจากจิบเครื่องดื่มในมือ
“ใช่ครับ มันมีส่วนผสมของผลไม้อยู่หลายชนิด แต่ถ้ามาอยู่ในผับในบาร์ก็จะแต่งกลิ่นให้เข้ากับสถานที่ด้วยการใส่แชมเปญบ้าง วิสกี้บ้างให้พอมีกลิ่นแอลกอฮอล์ ผู้หญิงที่ไม่เคยดื่มเหล้าก็สามารถดื่มได้แก้วสองแก้วรับรองไม่เมาครับ” ริคคาร์โด้ขยายความให้คนที่มีประสบการณ์เรื่องนี้รู้เพิ่มเติม
“อ๋อค่ะ” เธอทำเสียงรับรู้ ก่อนจะดื่มน้ำในแก้ว “อร่อยดีค่ะ ดานี่เริ่มติดใจซะแล้ว”
“ถ้าดานี่ติดใจ ผมจะทำให้ดื่มนะ ผมทำเป็นและอร่อยด้วย”
ริคคาร์โด้เสนอตัว ดานิตายิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่มอิตาเลี่ยน เธอรู้ดีว่าตนเองคงไม่มีโอกาสมาดื่มและเที่ยวผับบ่อยเหมือนคนอื่น การที่จะได้ดื่มพันซ์รสชาติอร่อยคงต้องทำทานเอง
ทั้งสามนั่งดื่ม พูดคุยและฟังเพลงกันอย่างเป็นกันเอง ดานิตาดูท่าทางมีความสุขที่สุดเพราะได้มาท่องโลกยามราตรีเป็นครั้งแรกในชีวิต เธอตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศรอบกาย จนกระทั่งถึงเวลาเกือบห้าทุ่มก็ถึงเวลาที่จะต้องกลับบ้าน
ริคคาร์โด้เดินมาส่งดานิตากับธนาวิชญ์ที่รถยนต์ ซึ่งต้องเดินไปห่างจากราวห้าสิบเมตร ระหว่างทางที่เดินไปยังรถยนต์ทั้งสามได้ผ่านกลุ่มวัยรุ่นห้าคนที่ยืนดื่มเบียร์บนฟุตบาท หนึ่งในสี่ของวัยรุ่นกลุ่มนั้นมองดานิตาอย่างสนใจ จึงหันไปพยักพเยิดหน้ากับเพื่อนอีกสี่คนอย่างรู้กัน เพื่อนของชายคนนั้นยิ้มก่อนที่ทุกคนจะเดินตามทั้งสามไป