“ก็เพราะกลัวว่าจะเก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่ได้ยังไงล่ะครับ ผมถึงไม่ต้องการเป็นบอร์ดี้การ์ดของเธอ”
นิโคลัสย้อนกลับทันทีที่ผู้เป็นลุงพูดจบ เขากล้าเอาหัวเป็นประกันว่าหากได้อยู่ใกล้นารินดา เขาคงไม่อาจกักเก็บความเกลียดชังที่มีต่อเธอไว้ได้นานเกินควร
“เฮ้อ...นิค ลุงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนคุณหนูนาเดียจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ลุงไม่รู้ว่าคืนวันนั้นแกทะเลาะกับคุณนาเดียเพราะเรื่องอะไร แต่ลุงอยากให้แกเก็บความเกลียดชังเหล่านี้ไว้ในใจก่อนได้ไหม ลุงอยากให้แกไปเป็นบอร์ดี้การ์ดให้กับคุณหนูนาเดีย มีแค่เพียงแกคนเดียวเท่านั้นที่จะดูแลคุณหนูนาเดียได้ดีที่สุด”
“ดีที่สุดแน่ คงได้จับเธอหักคอภายในนาทีสองนาทีที่เห็นหน้ากัน”
นิโคลัสเค้นเสียงลอดไรฟัน รู้สึกอึดอัดใจในทุกนาที ที่ผู้เป็นลุงเข้ามาขอร้องให้เขาทำหน้าที่นี้ เพราะนั่นมันเป็นสิ่งที่เขาต้องการหลีกหนีให้ไกลที่สุด
“นิโคลัส...”
คราวนี้ไมเคิลเค้นเสียงเรียกหลานชายเต็มยศ ซึ่งคำเรียกของเขา ทำเอาผู้เป็นเจ้าของชื่อต้องถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดใจ รู้ว่าหากผู้เป็นลุงเอ่ยเรียกเช่นนี้แล้ว เขาคงต้องถูกอีกฝ่ายวิงวอนให้ทำตามคำขอร้อง
และก็เป็นดั่งที่บอร์ดี้การ์ดมือพระกาฬผู้นี้คิดไว้ไม่มีผิด เมื่อไมเคิลได้ลั่นวาจาขอร้องแกมออกคำสั่งในตัวว่า
“ถือว่าทำเพื่อลุง ทำเพื่อบุญคุณที่เจ้านายมีต่อเราสองคน”
ถูกขอร้อง ถูกย้ำเตือนให้นึกถึงอดีตที่ผ่านมา บุญคุณที่มิสเตอร์ฮาเวิร์ดได้ชุบเลี้ยงชายฉกรรจ์กับเด็กผู้ชายผอมกะหร่องกะแหร่ง เพราะขาดอาหารมาหลายมื้อ เล่นจู่โจมเข้าสู่หัวใจ ส่งให้นิโคลัสต้องกัดฟันแน่นจนเส้นเอ็นปูดโปน
“เมื่อไร คำว่าบุญคุณมันจะหมดสิ้นสักที”
นิโคลัสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก เป็นคำถามที่ถูกถามขึ้นมานานหลายปีแล้ว แต่คนถามก็ไม่ได้รับคำตอบแม้แต่ครั้งเดียว
ไมเคิลไม่อาจให้คำตอบกับผู้เป็นหลานได้ นอกจากจะตบลงไปบนบ่ากว้างแข็งแกร่งของอีกฝ่ายอย่างหนักมือ พร้อมกับเอ่ยตอบเสียงเศร้าว่า
“บุญคุณคงหมดลง พร้อมๆ กับลมหายใจที่หมดไปจากชีวิตของลุงด้วย”
นิโคลัสจ้องสบตากับผู้เป็นลุงเขม็งกับคำตอบที่ได้ยิน “ทำไมลุงถึงพูดแบบนี้ล่ะครับ”
“เพราะลุงกำลังรู้สึกเหมือนที่พูดออกไป”
ไม่ใช่แค่เพียงรู้สึกตามที่บอกออกไป แต่ไมเคิลรู้สึกว่ามันเป็นลางสังหรณ์ ทว่าเขาไม่ต้องการพูดไปมากกว่านี้ ไม่ต้องการให้นิโคลัสเกิดอาการไม่สบายใจเพราะเขา
“นิค ลุงขอร้อง...ไปดูแลคุณหนูนาเดียตามที่เธอต้องการ”
นิโคลัสถอนหายใจยาว แล้วเอ่ยตอบเสียงเครียดๆ ว่า “ผมยังไม่รับปากนะครับ ว่าจะทำตามที่ลุงขอร้องได้หรือเปล่า”
การตอบรับแบบแบ่งรับแบ่งสู้ ทำให้ไมเคิลคลี่ยิ้มออกมาได้บ้าง “คุณหนูมาถึงที่บ้านตอนบ่ายสองโมง อย่าลืมลงไปต้อนรับคุณหนูด้วย”
คราวนี้นิโคลัสเลือกอาการนิ่งเงียบเป็นคำตอบให้กับผู้เป็นลุง ทางด้านของไมเคิล เมื่อเอ่ยบอกทิ้งท้ายแล้ว ก็เดินออกไปจากห้องของหลานชาย ยังคาดเดาไม่ได้ว่านิโคลัสจะทำตามที่เขาขอร้องหรือไม่
“บ้าชะมัด...กลับมาสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นทำไม นาเดีย”
นิโคลัสสบถเสียงลั่น ใครจะรู้คำตอบดีมากกว่าตัวเขา ว่าเพราะเหตุใดเขาไม่ต้องการเข้าใกล้นารินดา เขาต้องการอยู่ห่างจากคุณหนูผู้นี้ให้ไกลที่สุด และถ้าหากเป็นไปได้ เขาอยากออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้ด้วยซ้ำไป ซึ่งนั่นมันเป็นเพราะคำพูดของนารินดาประโยคเดียว ก่อนที่เธอจะเดินทางไปประเทศอังกฤษ
‘ฉันต้องการเป็นเมียของคุณ นิโคลัส คาร์ลอส’
สนามบินสุวรรณภูมิคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่หลั่งไหลเดินทางเข้า-ออกในประเทศไทย อาคารผู้โดยสารฝั่งขาเข้า เต็มไปด้วยบรรดาญาติมิตรที่มารอรับคนรัก คนในครอบ
ครัวของตนเองกลับสู่อ้อมกอด
มิสเตอร์ฮาเวิร์ด ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้คนที่มารอรับลูกสาวสุดที่รักกลับอ้อมกอด สี่ปีเต็มสำหรับการไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ นารินดาไม่เคยกลับมาเยี่ยมบ้าน ไม่เคยกลับมาเยี่ยมบิดา
ไม่ใช่เพราะไม่มีค่าตั๋วเครื่องบินกลับบ้าน แต่เป็นเพราะนารินดาเบื่อการนั่งเครื่องบินนานหลายสิบชั่วโมง และคนที่ทนคิดถึงลูกไม่ไหว อย่างมิสเตอร์ฮาเวิร์ดต้องเป็นฝ่ายไปเยี่ยมลูกสาวแทน
แต่ในวันนี้ นารินดาสำเร็จการศึกษาและกลับบ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากไม่ได้กลับมานานหลายปี มิสเตอร์ฮาเวิร์ดจึงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขณะรอเครื่องบินที่ลูกสาวโดยสารมา ลงจอดในสนามบิน และรอเวลาที่ลูกสาวผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองออกมาพบกับตนเองตรงจุดนัดพบ
“อีกไม่กี่นาทีก็ได้พบนาเดียแล้ว นาเดียจะต้องดีใจที่เห็นเรามารอรับ”
มิสเตอร์ฮาเวิร์ดเอ่ยพูดกับบอร์ดี้การ์ดที่เดินทางมากับตนเองด้วยความตื่นเต้นดีใจ ดวงตาของผู้เป็นพ่อประกายไปด้วยความสุขกับการรอคอยสวมกอดลูกสาวไว้ในอ้อมแขน
แต่! สตีฟ บอร์ดี้การ์ดคนสนิท ที่เดินทางมากับผู้เป็นเจ้านาย กลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะพวกเขาไม่สามารถทำตามคำสั่ง ที่ถูกสั่งกำชับนักกำชับหนาของคุณหนูนารินดาได้
“เจ้านายคิดว่าคุณหนูจะดีใจหรือครับ ที่เห็นหน้าพวกเรา”
“ทำไมจะไม่ดีใจ”
มิสเตอร์ฮาเวิร์ดถามเสียงแข็ง และเมื่อได้รับคำตอบจากสตีฟ ก็ต้องหน้าถอดสีเล็กน้อยกับความจริงที่ได้ยิน
“เจ้านายลืมคำสั่งของคุณหนูแล้วหรือครับ”
“ไม่ลืม” มิสเตอร์ฮาเวิร์ดตอบเสียงห้วนๆ ก่อนจะพูดต่อว่า “แต่เราไม่มีเวลารอ เราอยากมารอรับนาเดีย อยากเห็นหน้าลูกของเรา”
สตีฟถอนหายใจยาวให้เจ้านายได้ยิน พลางเอ่ยพูดถึงผลลัพธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เพราะเจ้านายและตัวเขาไม่สามารถทำตามที่นารินดาต้องการได้
“ภาวนาว่าคุณหนูจะไม่อาละวาดจนสนามบินแตกนะครับ”
“หุบปากซะไอ้สตีฟ”
มิสเตอร์ฮาเวิร์ดสั่งเสียงห้วนจัด ตีหน้าเป็นกังวลไปกับคำพูดของลูกน้อง เพราะรู้ดีว่าลูกสาวจะต้องอาละวาด โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ