รถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามาจอดในบ้านหลังใหญ่ ที่ใครต่อใครก็หมายตาอยากเข้ามาอยู่ เพื่อเป็นนายหญิงของที่นี่ แต่วันนี้โชคชะตาได้นำพานารีเข้ามาในที่แห่งนี้ โดยบังเอิญหรือว่าชีวิตขอเธอถูกลิขิตเอาไว้กันแน่ และนั่นก็เป็นเรื่องที่ทุกคนคาดเดาไม่ได้เช่นกัน อาร์มันโด้อุ้มนารีเข้าไปในบ้าน ก่อนที่เจสันนั้นจะเอารถไปเก็บ
"ว้าย! คุณหนูอุ้มผู้หญิงที่ไหนมาค่ะนั่น" ป้านวล ซึ่งมีฐานะเป็นแม่นมของอาร์มันโด้ เธอมักจะเรียกชายร่างกำยำนี้ว่าคุณหนูเป็นประจำ หรือไม่ก็เรียกในชื่อนักรบ ซึ่งใช้เรียกเฉพาะคนในครอบครัวหรือที่สนิทสนมกันเท่านั้น
"เธอชื่อนารีครับแม่นวล ยังไม่เข้านอนก็ดีแล้ว งามตาช่วยขึ้นไปเช็ดตัวและก็เปลี่ยนชุดให้คุณนารีที่ห้องฉันด้วยนะ" ชายหนุ่มตอบหญิงสูงวัยออกไป แม้ใครจะเรียกนางว่าป้านวล แต่อาร์มันโด้นั้นจะเรียกแม่นวลตั้งแต่เล็กจนติดปาก ก่อนจะออกคำสั่งงามตาสาวใช้คนใหม่ ที่หล่อนจ้องจะเขมือบเจ้านายหนุ่มอยู่บ่อยครั้ง แต่เขากลับไม่เล่นด้วย
"ป้า ทำไมคุณนักรบถึงได้พาผู้หญิงคนนี้เข้าบ้าน หล่อนคงจะใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนสินะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นคุณนักรบพาใครเข้ามาเลยสักครั้ง มิหนำซ้ำยังจะให้ไปนอนห้องเดียวกันอีก" งามตาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ไม่พอใจ แม้จะมีผู้หญิงแวะเวียนเข้ามาในบ้านหลังนี้มากหน้าหลายตา แต่เธอก็ไม่เคยเห็นใครที่ถูกใจ จนเจ้านายหนุ่มนั้นพาขึ้นห้องแบบนี้มาก่อน
"ดูท่าทางเหมือนคุณนารีจะโดนทำร้ายมา แล้วนี่เป็นอะไร อย่ายุ่งเรื่องของเจ้านาย รีบไปทำตามที่คุณนักรบสั่ง จะได้เข้านอน เพราะพรุ่งนี้เธอต้องตื่นไปจ่ายตลาดตั้งแต่เช้า กับเจสันไม่ใช่เหรอ" ป้านวลพูดจบก็เดินขึ้นห้องไป ปล่อยให้งามตาทำหน้างออยู่ตรงนั้น ก่อนจะรีบเตรียมกะละมังและผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นไปบนห้องของเจ้านายหนุ่ม
เมื่อเข้ามาในห้องชายหนุ่มค่อยๆ วางนารีลงที่เตียงนอนของเขาอย่างเบามือ ใบหน้างามที่มีรอยเขียวช้ำนั้น ทำให้อาร์มันโด้รู้สึกเจ็บแค้นผู้ที่กระทำกับเธออย่างบอกไม่ถูก
"นารี..มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ทำไมถึงมีรอยฟกช้ำเต็มใบหน้าไปหมดแบบนี้.." มือหนาของเขาค่อย ๆ สัมผัสลงไปที่ใบหน้างาม ที่มองยังไงเธอก็สวยไม่สร่าง แม้ว่ารอยเขียวเป็นจ้ำบนพวงแก้มนวลขาวผ่องก็ตาม แต่เขาก็ยังมองเห็นความงามของเธออยู่ดี
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้อาร์มันโด้ผละออกจากสาวร่างเล็ก เขารีบลุกมายืนอยู่ข้างเตียง คนที่เคาะประตูคงจะเป็นงามตาที่จะเข้ามาเช็ดตัวให้กับนารี
"ฉันจะลงไปรอข้างล่าง เช็ดตัวเสร็จก็เอาเสื้อผ้าในกระเป๋าใบนั้นมาสวมใส่ให้เธอ" อาร์มันโด้พูดพร้อมกับชี้ไปที่กระเป๋าใบเล็กของนารี "ค่ะคุณนักรบ" งามตาก้มหน้าตอบเจ้านายหนุ่ม แล้วลงมือจัดการถอดชุดนารีออก เพื่อเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับเธอ ส่วนอาร์มันโด้นั้น ลงไปข้างล่างแล้วเดินตรงไปที่ครัว จุดประสงค์ของเขานั้นคือการทำข้าวต้มให้กับนารี เพราะหากฟื้นขึ้นมาเธอต้องหิวแน่
สักพักงามตาก็เดินลงมา แล้วมองไปที่ห้องครัวอย่างไม่ค่อยพอใจเป็นครั้งที่สอง แม้แต่การเช็ดตัวให้กับนารี เธอก็ไม่ได้เต็มใจที่จะทำ แต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีจากหน้าที่นั้นได้ เมื่อมันเป็นคำสั่งของเจ้านายหนุ่มประมุขของบ้านหลังนี้
"คุณนักรบมีอะไรให้งามตาช่วยไหมคะ" เธอพูดพร้อมกับส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มไปให้เจ้านายหนุ่มเหมือนอย่างเคย
"ไม่ต้อง..ขอบใจ เธอไปพักเถอะ" อาร์มันโด้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ความอ่อนโยนคำพูดที่อ่อนหวาน งามตาเคยได้ยิน แค่เวลาที่เขาพูดกับป้านวลคนเดียวเท่านั้น
เมื่องามตาเดินออกไป อาร์มันโด้จัดการตักข้าวต้มใส่ชาม แล้วถือขึ้นไปบนห้อง พอมาถึงชายหนุ่มไม่ได้สังเกตว่านารี กำลังมองซ้ายขวา ก่อนที่เธอจะมองมาที่เขาด้วยสายตาที่หวาดกลัว
กรี๊ด!! นารีกรี๊ดออกมาจนสุดเสียง อาร์มันโด้วางชามข้าวต้มเอาไว้ที่โต๊ะ แล้วรีบตรงดิ่งมาเอามือปิดปากเธอในทันที
“จะร้องทำไมเนี่ย! เดี๋ยวคนเขาแตกตื่นกันทั้งบ้านหรอก” อาร์มันโด้พูดเอ็ดนารีออกมาเสียงดัง
"ปะ..ปล่อยฉันนะ" นารีพูดจาอู้อี้ออกมา เมื่อชายตรงหน้ายังคงเอามือขึ้นมาปิดปากเธอเอาไว้
"โอ๊ย!! นี่คุณกัดผมทำไม" คราวนี้อาร์มันโด้ตะคอกออกมาเสียงดัง พร้อมกับสะบัดมือออก ซึ่งมีรอยฟันของนารีฝากฝังเอาไว้
"คุณเป็นใครและจับฉันมาทำไม อย่าบอกนะว่าเป็นพวกเรียกค่าไถ่ ที่บ้านของฉันไม่มีใครสนใจหาเงินมาไถ่ตัวฉันหรอกนะ" นารีพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอนั้นกำลังเผชิญ โชคชะตาฟ้าลิขิตช่างไร้ซึ่งความเป็นธรรมให้กับชีวิตของเธอเหลือเกิน
"จะร้องทำไม หิวไหมลุกมาทานข้าว ผมพึ่งทำข้าวต้มร้อน ๆ มาให้ รีบทานซะ ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อน" พูดจบชายร่างบึกบึนก็หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเขานั้นไม่รู้จะพูดปลอบใจเธอยังไงดี ปล่อยให้นารีมองตามแผ่นหลังของเขาออกไปด้วยความสงสัย สรุปแล้วเขาเป็นใคร แล้วทำไมถึงได้พูดอย่างกับว่าคุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างดี ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
"จะทำยังไงดี หนี! ใช่เราต้องหนี" นารีพูดพร้อมกับปาดน้ำตาออกจากแก้มสองข้างพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วลงมาจากเตียงค่อย ๆ ย่องเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูออกไป ก่อนที่เธอเอามือลูบลงที่ท้องวนไปมา เมื่อกลิ่นของข้าวต้มในชามช่างหอมรัญจวนชวนให้รับประทาน มื้อค่ำก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง
"กองทัพต้องเดินด้วยท้อง กินข้าวต้มแล้วค่อยหนีดีกว่า" พูดจบนารีก็นั่งลงรับประทานข้าวต้มในชาม รสชาติของมันนั้นแสนจะอร่อย แปลกลิ้นกว่าข้าวต้มที่เธอนั้นเคยรับประทานมา อาจจะเป็นเพราะว่าเธอหิวหรือยังไงก็ไม่รู้
นารีรับประทานจนเกลี้ยงชาม ก่อนจะดื่มน้ำตาม และเธอก็ต้องตกใจกับกลิ่นอ่อนๆ ของครีมอาบน้ำโชยมาแตะจมูก เพราะชายร่างกำยำกำลังยืนอยู่ข้าง ๆ กายของเธอ
"เฮ้ย!" นารีถึงกับอุทานออกมา เมื่อชายตรงหน้ามีแค่ผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวเอาไว้ หน้าอกแกร่งเปลือยเปล่า ทำให้มองเห็นซิกซ์แพ็คเป็นชั้นๆ ในขณะที่มีขนขึ้นแซม มองยังไงเขาก็ดูเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ แม้แต่นารีในเวลานี้ใจของเธอมันเริ่มเต้นแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ทั้งที่มันไม่เคยเกิดขึ้นกับชายใดมาก่อนเลยในชีวิต