ภายใต้เงื่อนไข

1333 คำ
หลายวันผ่านไป อาร์มันโด้ได้ส่งตัวแทนที่มีนามว่าเจสัน ซึ่งเป็นมือขวาของเขา เดินทางไปที่บ้านกสิเทพพาณิชย์ เพื่อเจรจาตามเงื่อนไขในสัญญา ที่เขานั้นได้เซ็นเขาไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่นายศรเทพ เซ็นลงไปเอกสารฉบับนี้ก็จะสมบูรณ์ในทันที "นี่ครับเอกสารที่คุณอาร์มันโด้ให้ผมมาเสนอ หากท่านตกลงก็แค่เซ็นลงไป ทุกอย่างก็จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์" ชายสูงวัยหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านภายใต้เงื่อนไข แล้วเขาต้องแปลกใจ เมื่อข้อความในเอกสารนั้นระบุเอาไว้ว่าหากนายศรเทพยินยอมให้ลูกสาวคนเล็กของบ้านคือนารีแต่งงานกับอาร์มันโด้ เขาจะร่วมลงทุนในธุรกิจนี้เป็นเงินหนึ่งร้อยล้าน และค่าสินสอดที่ชายสูงวัยจะได้รับอีกหนึ่งร้อยล้าน แต่ภายใต้เงื่อนไขเจ้าสาวของเขา ต้องเป็นนารีเพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงตามนี้ไม่มีปัญหาอะไร ทำไมอาร์มันโด้ถึงต้องการนารี แต่ก็ช่างเถอะ ดีเหมือนกันนังกาลกิณีจะได้ออกไปจากบ้านหลังนี้สักที" ชายสูงวัยยอมเซ็นลงไป โดยไม่ได้สนใจในเงื่อนไข ภายใต้พันธสัญญา เพราะยังไงลูกสาวคนเล็กของบ้านก็แทบจะไม่มีตัวตน แม้วันนี้นารีนั้นกำลังจะทำให้ธุรกิจของครอบครัวเฟื่องฟูขึ้นมาอีกครั้ง แถมผู้เป็นบิดายังจะได้ค่าสินสอดมาแบบไม่คาดฝัน แต่ในความรู้สึกของทุกคนนารีก็ยังคงหนีไม่พ้นเป็นนางซินที่ต้องอยู่แค่ก้นครัวเหมือนเดิม "ใครมาคะ แล้วนั่นเขากลับไปแล้วเหรอ แล้วทำไมถึงนั่งยิ้มอยู่คนเดียว มีเรื่องอะไรให้ปลื้มใจ ตั้งแต่เช้าเชียวคุณศรเทพ" คุณนายพิกุลภรรยาของเขาเดินเข้ามาพร้อมกับคำถาม เมื่อพบว่าผู้เป็นสามีนั้นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างสุขใจอยู่ที่ห้องรับแขก "ตัวแทนของคุณอาร์มันโด้ แต่แปลกใจนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างเขาไปรู้จักมักคุ้นกับนารีตอนไหน ทำไมคุณอาร์มันโด้ถึงต้องการแต่งงานกับนารีเท่านั้น" ผู้เป็นสามีพูดออกมาพร้อมกับมีสีหน้าที่สงสัย ทั้งที่เพิ่งมีท่าทีดีใจจนออกนอกหน้า "ฮ๋า! ..คุณว่าอะไรนะคะ คุณอาร์มันโด้ต้องการแต่งงานกับนังนารี แล้วรวีล่ะคะ นี่มันเรื่องอะไรกันอยู่ดีๆ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ทำไมถึงต้องการจะแต่งงานกับนังนารี แม่นั่นไปอ่อยคุณอาร์มันโด้ตอนไหน พูดมาแล้วเจ็บใจ คุณพี่ต้องจัดการเรื่องนี้ให้รวีนะคะ ถ้ารวีรู้คงโวยวายบ้านแตกแน่! " คุณนายพิกุลสาธยายพูดโวยวายออกมายาวยืด "แต่ภายใต้เงื่อนไขเขาจะยอมลงทุนกับบริษัทเราร้อยล้าน ที่สำคัญสินสอดที่เราจะได้ โดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลยอีกร้อยล้าน" คำพูดของสามีทำให้คุณนายพิกุลถึงกับทำตาโตเท่าไข่ห่าน จนยิ้มหน้าบานให้กับสินสอดอีกร้อยล้าน "จริงเหรอคะคุณพี่ ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่านังนารีจะทำเงินให้กับเราได้มหาศาลถึงเพียงนี้ ยังไงคุณพี่ก็หาวิธีพูดจาเกลี้ยกล่อมรวีให้เข้าใจด้วยนะคะ" คราวนี้คุณนายพิกุลพูดออกมา ด้วยสีหน้าที่ยังคงเป็นกังวลไม่น้อย "ไอ้เชิด ไปตามนารีมาพบฉันหน่อยซิ" น้ำเสียงของชายสูงวัยที่ยังคงทรงพลังเปล่งออกมาอย่างน่าเกรงขาม "ครับคุณท่าน" เชิดคือลูกน้องคนสนิทอีกคน ที่นายศรเทพไว้ใจ และเขาก็ยังมีหน้าที่ขับรถให้กับประมุขของบ้านหลังนี้ด้วย สักพักนารีก็เดินตามหลังนายเชิดมา ก่อนจะนั่งพับเพียบลงกับพื้นเหมือนอย่างเคย ช่างน่าน้อยใจในโชคชะตา "ขึ้นมานั่งที่โซฟาสิ พ่อมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย" น้ำเสียงและคำพูดของผู้เป็นบิดา ทำให้นารีถึงกับน้ำตาเล็ดออกมา เพราะความดีใจ เมื่อชายสูงวัยเรียกแทนตัวเองว่าพ่อครั้งแรกในชีวิต ที่เธอได้ยิน นารีค่อยๆ ขยับขึ้นไปนั่งที่โซฟาอย่างเก้ๆ กังๆ เมื่อเธอนั้นนั่งที่พื้นเสียจนเคยชิน "ตอนนี้เราอายุเท่าไหร่แล้ว" คำถามของผู้เป็นบิดาทำให้นารีนั้นมีใบหน้าที่เศร้าลง แม้แต่อายุของเธอชายสูงวัยตรงหน้าก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับความห่วงใยที่จะมีให้ นอกจากความไม่ไยดี "นาอายุครบยี่สิบหกปี เมื่อเดือนที่แล้วค่ะ" นารียังคงก้มหน้าก้มตาพูดกับผู้เป็นบิดาอย่างเคย แม้แต่งานวันเกิดเธอก็ไม่เคยได้จัดเหมือนกับพี่ๆ เลยสักปี "เงยหน้าขึ้นมาสิ เวลาพูดกับพ่อทำไมต้องก้มหน้าก้มตาแบบนั้นด้วยนารี" เมื่อชายสูงวัยกำลังจะได้รับผลประโยชน์จากลูกสาวคนเล็ก คำพูดคำจาช่างไพเราะ ราวกับว่าเป็นคนโอบอ้อมอารี ทั้งที่เมื่อก่อนเธอทำอะไรผิดนิดหน่อยก็คอยทุบตี "ทำไมต้องก้มหน้าตลอดเวลาแบบนั้นด้วยล่ะนารี พ่อกับแม่ไม่ได้เรียกมาดุสักหน่อย" คำพูดของผู้เป็นมารดายิ่งทำให้นารีนั้นเริ่มสังหรณ์ใจ วันนี้จะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเธออย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นบุพการีคงไม่พูดจาพาทีแบบนี้กับเธอ "คุณพ่อกับคุณแม่ มีเรื่องอะไรที่สำคัญจะคุยกับนาหรือเปล่าคะ" ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจถามออกไปตามตรง เพราะไม่อยากอ้อมค้อม เมื่อเธอนั้นเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรอยู่แล้ว และเธอก็คงหลีกเลี่ยงให้กับโชคชะตาไม่ได้ "อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว เตรียมตัวแต่งงานได้เลยนารี อาจจะเป็นฤกษ์สะดวกตามที่คุณอาร์มันโด้ต้องการ อาจจะพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็เป็นได้ พ่อเองก็ยังไม่แน่ใจ แค่บอกให้รู้เอาไว้ จะได้เตรียมตัวเตรียมใจทัน" คำบอกเล่าของผู้เป็นบิดา ทำให้นารีนั้นถึงกับทรุดตัวลงกับพื้น ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร รูปร่างหน้าตาเธอก็ไม่เคยเห็น แล้วอยู่ๆ จะให้ไปแต่งงานกับเขาได้อย่างไร "เขาเป็นใครคะพ่อ แล้วทำไมนาจะต้องแต่งงานกับเขาด้วย นาไม่แต่งได้ไหมคะ" นารีฟูมฟายพูดออกมาทั้งน้ำตา แต่ผู้เป็นบิดากลับมองอย่างรำคาญใจ "ยังไงก็ต้องแต่ง แกกล้าขัดคำสั่งฉันเหรอนารี!” คำพูดน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนโยนนั้นหายไปสิ้น เมื่อนารีกล้าปฏิเสธออกไป แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่าคำพูดหรือเสียงคัดค้านของเธอคงไม่มีผล "ฮึกฮื้อ! นาขอตัวนะคะ" นารีพูดพร้อมกับสะอึกสะอื้นร้องไห้ออกมา เมื่อเธอนั้นรู้ดีว่าอีกไม่นานก็ต้องออกจากบ้านหลังนี้ไป แม้ที่นี่อาจจะอยู่อย่างไม่สุขใจ แต่สายใยความผูกพันที่มีนั้นทำให้เธอไม่อยากจากไปไกล เพราะยังไงที่นี่ก็คือบ้านเกิดเมืองนอน ที่เธอนั้นอยู่มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก “คุณพ่อคุณแม่ นังนารีมันเป็นอะไรคะ ทำไมถึงร้องห่มร้องไห้ออกไปแบบนั้น น่ารำคาญจัง” รวีพูดออกมาพร้อมกับทำสีหน้าเอือมระอา หากเธอนั้นรู้ว่าสาเหตุที่นารีร้องไห้คือเรื่องอะไร หล่อนคงไม่ทำสีหน้าแบบนี้เป็นแน่ เมื่อรวีต้องการจะสานสัมพันธ์กับใคร ไม่ว่าเขาจะมีใจให้เธอหรือไม่ สิ่งนั้นไม่สำคัญ ขอเพียงแค่เธอพอใจในชายผู้นั้นก็เป็นพอ เมื่อรวีผู้หญิงที่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง และคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้องเสมอจนติดเป็นนิสัย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม