บทที่ 3 น้อยใจ

2121 คำ
พอทานข้าวเสร็จ เฮียมังกรก็มีท่าทีจะกลับไปขึ้นรถเลย แต่ฉันมองเห็นร้านขนมโตเกียวแล้วก็เกิดอยากกินมาก ๆ นั่งมองอยู่นานสองนาน แต่ก็ไม่กล้าขอเฮียไปซื้อ กลัวว่าเขาจะต้องรอนาน แต่มันก็อดไม่ได้จริง ๆ “เฮีย หมวยขอไปซื้อโตเกียวได้ไหม” พอฉันจะอ้อนอะไรเขาสักอย่างก็มักจะพูดแทนตัวเองว่าหมวยเสมอ ซึ่งเฮียมังกรไม่ชอบเท่าไรนัก “ถ้าเธอไป...ก็ไปคอนโดฯเอง” “ง่ะ ฉันอยากกินนี่” เขามองหน้าฉันนิ่ง ๆ ก่อนจะควักกระเป๋าตังค์มาจ่ายเงินค่าข้าว เสร็จก็ลุกขึ้น ทำให้ฉันต้องลุกขึ้นตามอย่างช่วยไม่ได้ พร้อมกับความรู้สึกน้อยใจที่ไม่ได้กินขนม “ขอไปซื้อหน่อยก็ไม่ได้ ชิ” เฮียหยุดเดิน ทำให้ใบหน้าของฉันเกือบจะชนเข้ากับแผ่นหลังหนา แต่ดีที่ชะงักเท้าไว้ได้ทัน “รีบไปซื้อ” ซึ่งคำพูดของเขาก็ทำให้ฉันตาโตอย่างช่วยไม่ได้ แถมเฮียยังเปิดกระเป๋าตังค์เอาเงินให้ฉันด้วย “ขอบคุณค่ะ” ฉันรีบวิ่งไปต่อแถวร้านขนมโตเกียวทันที แต่พอมาต่อแถวก็ได้ยีนเสียงพูดคุยของบรรดาสาว ๆ ที่กำลังเม้าท์ และมองไปที่เฮียมังกรไม่หยุด ซึ่งพี่เขากำลังยืนพิงประตูรถของตัวเอง พร้อมกับมือข้างหนึ่งที่กำลังเขี่ยโทรศัพท์อยู่ อย่าว่าแต่ผู้หญิงคนอื่นที่มองพี่เขาด้วยสายตาชื่นชมในความหล่อ แม้แต่ตัวฉัน...ที่หลายครั้งเผลอใจมองพี่ชายตัวเองด้วยสายตาแบบนี้ไม่ต่างกัน “แกก็เข้าไปขอไอจีเขาสิ ใช่ว่าจะได้เจอกันอีก” มีผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยพูดขึ้น ทำให้ฉันหันขวับไปมองเธอทันที “แก! พูดเสียงดัง เห็นไหมน้องสาวเขามอง!” ฉันขมวดคิ้ว ทำไมสองคนนี้ถึงคิดว่าฉันกับเฮียมังกรเป็นพี่น้องกัน ทำไมไม่คิดว่าเป็นแฟนกันล่ะ ได้ยินอย่างนั้นฉันก็เกิดไม่พอใจขึ้นมาเสียไม่ได้ “เอ่อ พอดีเราเป็นแฟนกันน่ะค่ะ” ฉันทำทีชี้นิ้วใส่ตัวเอง ก่อนจะชี้ไปที่เฮียมังกร ซึ่งคำพูดของฉันก็ทำให้ทั้งสองคนตกใจมาก “จ...จริงเหรอ เอ่อ ขอโทษค่ะ นึกว่าพี่น้องกันเห็นคุณตัวเล็กมาก” ฉันหน้างอเลยทีเดียว ตัวเล็กนี่ใช่เหตุผลหรือเปล่า ตัวเล็กแล้วเป็นแฟนกับคนตัวสูงไม่ได้เหรอ มีใครกำหนดไว้นะ ...ซึ่งพอฉันจะตอบกลับก็ถึงคิวของพวกเธอทั้งสองแล้ว ไม่นานก็ถึงคิวของฉัน ฉันก็เลยสั่งไปสองอันให้เฮียด้วย กลิ่นหอมของขนมโตเกียวนี้ทำเอาฉันฟินสุด ๆ แค่คิดว่าตอนที่ปลายลิ้นแตะลงที่แป้งจะต้องนุ่มลิ้นแน่นอน แค่นี้ก็รู้สึกน้ำลายส่อแล้ว “เรียบร้อยแล้วครับ” ฉันรับมาพร้อมกับยื่นเงินให้กับพ่อค้า ก่อนจะเดินกลับไปหาเฮียที่ยังคงพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์ด้วยใบหน้าเคร่งเครียดราวกับว่ามีเรื่องให้กังวล “หมวยซื้อมาฝากค่ะ” “ไม่กิน” เขาตอบกลับโดยไม่ได้มองหน้าฉัน เลยไม่รู้ว่าหน้าฉันถอดสีมากเพียงใด “ฉันอุตส่าห์สั่งให้เลยนะคะ” “แล้วฉันบอกให้เธอสั่งให้เหรอ” คราวนี้เขาเงยหน้าขึ้นมองฉัน เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเชิงตั้งคำถามว่าเขาสั่งเหรอ แน่นอนว่ามันทำให้ฉันใจแป้วขึ้นในทันที ...เพราะความรู้สึกน้อยใจนี้ฉันก็เลยเดินเอาไปทิ้งถังขยะที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ทิ้งทั้งสองอันก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถด้วยความงอนสุดขีด ไม่ได้อยากทำตัวงี่เง่า แต่ว่าฉันตั้งใจมากจริง ๆ ที่จะซื้อมาฝาก เขาก็น่าจะตอบรับสักหน่อย ไม่นานเฮียก็เปิดประตูรถขึ้นมานั่งประจำคนขับโดยไม่ได้พูดอะไร เขานิ่งและเฉยเมยจนฉันเดาความคิดไม่ออกว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกอะไรอยู่ ซึ่งฉันก็ไม่ได้อยากถามและทำตัวจุ้นจ้านเลยนั่งเงียบ ๆ หันหน้าหนีไปมองข้างทาง อยู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาด้วยความน้อยใจ และฉันก็รู้ด้วยว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกแบบนี้ เพราะจริง ๆ แล้วฉัน...ชอบพี่เขา ...มันเกิดขึ้นนานแล้วล่ะกับความรู้สึกแบบนี้ ตอนแรกฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเรียกว่าอะไรกันแน่ เป็นความรู้สึกน้อยใจในแบบของน้องสาว หรือความรู้สึกเชิงชู้สาว แต่พอนานเข้าฉันก็รู้สึกหึงหวงพี่เขาขึ้นมา ตั้งแต่รู้ว่าพี่เขามีแฟน และก็รู้สึกดีใจมากที่รู้ว่าพี่เขาเลิกกับแฟนแม้นว่าฉันจะไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งมันก็ทำให้ฉันรู้ตัวว่าจริง ๆ แล้วฉันไม่ได้รู้สึกกับเฮียมังกรเหมือนพี่ชายน้องสาว อันที่จริงแล้ว...ถ้าไม่ติดที่สถานะ ฉันเองก็อยากจะสารภาพรักเหมือนกัน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะพูดอย่างนั้น “เธอนอนห้องนั้น” เขาชี้นิ้วไปที่ห้องห้องหนึ่ง เฮียมังกรช่วยถือของขึ้นมาให้หลังจากรถยนต์เคลื่อนมาถึงคอนโดฯหรู แม้นจะไม่อยากพูดคำนี้ในตอนที่น้อยใจ แต่ก็รู้สึกดีที่เขาช่วยถือของ “ขอบคุณค่ะ” “อย่าเสียงดัง ต่างคนต่างอยู่ อย่าเข้าห้องเฮียถ้าไม่ได้บอก” “ถ้าไม่ได้บอก? หมายความว่าเฮียอาจจะบอกถูกไหมคะ” “เปล่า” เขาสวนกลับทันควัน ก่อนจะนั่งลงที่โซฟากลางห้อง ซึ่งคอนโดฯเฮียมังกรใหญ่มาก เตี่ยบอกว่าที่ห้องของเฮียมีห้องนอนสองห้องเพราะเฮียเอาไว้เก็บของสะสมห้องหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาคงเก็บไว้ที่อื่นแล้ว เพราะห้องที่เฮียชี้นิ้วบอกนั้นไม่มีของของเขาแล้ว “เตี่ยให้คนมาแต่งห้องให้ด้วย สวยมากเลยค่ะ” พอเดินเข้ามาห้องนี้ก็ถูกตกแต่งใหม่แล้ว เป็นลายกระต่ายที่ฉันชอบ “หึ” เขาแค่นหัวเราะเบา ๆ ทำให้ฉันหันหลังกลับไปมอง “มีอะไรคะ” พอฉันถาม เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองฉัน “ก็เตี่ยเล่นให้คนมาค้นห้อง เปลี่ยนห้องฉัน...ทำห้องให้เธอ เธอคิดว่าฉันต้องรู้สึกยังไงล่ะ” เขาว่าด้วยความไม่พอใจ ทำให้นึกถึงวันที่เขาขัดหัวชนฝาว่าไม่อยากให้ฉันมาพักด้วย แต่เตี่ยก็ให้คนมาจัดการห้องให้ฉันแล้ว แบบนี้กระมังเขาถึงยอมให้ฉันมาพักด้วย เพราะยังไงก็ขัดคำสั่งของเตี่ยไม่ได้อยู่ดี “ยังไงเฮียก็จบปีหน้าอยู่ดี” ฉันบ่นพึมพำกับตัวเอง ฉันมาอยู่ด้วยแค่ปีเดียว เตี่ยอยากให้ฉันปรับตัวได้และไม่ถูกหลอก อีกนัยหนึ่งเตี่ยก็อยากให้เราสองพี่น้องสนิทกันมากขึ้น แต่ฉันว่า...เขาคงไม่ต้องการ ฉันเอาของใช้ส่วนตัวเข้ามาจัดในห้องของตัวเองอย่างเงียบ ๆ ในตอนแรกรู้สึกดีใจมากที่จะได้ย้ายมาอยู่กับเขาสองคน แต่พอเจอแบบนี้ก็เกิดความอึดอัดขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ทำเอาไม่มั่นใจว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหนอีกด้วย... เวลาต่อมา... -มังกร- …เสียงเพลงดนตรีสดดังกระหึ่มนี้ ผมไม่ชอบเท่าไรนัก เรียกได้ว่าเกลียดและไม่อยากได้ยิน อยากอยู่เงียบ ๆ สงบ ๆ แต่เป็นเพราะเพื่อนสนิทของผมชอบมากบดานกันอยู่ที่นี่ ก็เลยเลี่ยงไม่ได้ที่ผมจะไม่มา “เฮ้ย! พูดไม่ได้ยินเหรอวะ อาหมวยของมึงย้ายมาแล้วใช่ป้ะ” เสียงของไอ้เสือทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด เพราะมันชอบล้อคำว่าอาหมวยของมึงอย่างนั้นอย่างนี้ แน่นอนว่าผมไม่อยากเรียกแก้มใสว่าหมวย เพราะเธอไม่ใช่น้องสาวของผม “เสือกไร ไม่เสือกสักเรื่องจะตายไหม” “ตายดิ โอ๊ย ๆ หายใจไม่ออก” ไอ้เสือมันยกมือขึ้นจับคอตัวเองพร้อมกับทำท่าเหมือนจะหายใจไม่ออก ความกวนตีนของมันทำให้ผมรู้สึกเบื่อหน่าย ไอ้เวรนี่ถ้าไม่กวนตีนสักเรื่องเหมือนจะกินข้าวไม่ได้ “แล้วไงวะ เมื่อไรเอมิจะมาให้กูดูนมเนี่ย” “หึ” ผมหัวเราะเบา ๆ ให้กับคำพูดนี้ เอมิเลียคือเพื่อนสนิทผมอีกคนที่ตอนนี้ก็ยังไม่มา เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างเปิดเผย ชอบแต่งตัวด้วยชุดน้อยชิ้น ทำให้ไอ้เสือนี่มันชอบที่จะมองนมเพื่อนตัวเอง ซึ่งความคิดมันทุเรศมาก แต่มันก็ทำได้แค่มองนั่นแหละเพราะเอมิเลียมีแฟนแล้ว ทว่าทันใดนั้นเอง “อ้าว...มาแล้วไง ผีเสื้อสุดสวยของเสือมาแล้ว” ผมหันไปมองตามสายตาของไอ้เสือ ก่อนจะเห็นเอมิเลียเดินมาทางเราสองคนโดยที่เธอก็สวมชุดน้อยชิ้นตามเดิม “มานั่งนี่เลยจ้ะที่รัก” ไอ้เสือตบหน้าขาตัวเองให้เอมิเลียมานั่งที่ตัก แต่เธอก็ไม่ได้ไปนั่ง ซึ่งแสงสลัวของคลับทำให้ผมกับไอ้เสือมองไม่เห็นใบหน้าของเธอชัด ๆ แต่เสียงนี้ชัดเต็มสองหู... “ฮึก ฮืออ~” ได้ยินเสียงร้องไห้นี่แทน “เฮ้ย! มึงร้องไห้เหรอเอมิ” “ฮึก ขยับไปดิ ฮึก...ฉันจะนั่ง” เธอใช้กระเป๋าถือสะกิดเบา ๆ ที่ไหล่ของผมให้ผมขยับหนี แปลกมากที่อยู่ ๆ เอมิเลียก็ร้องไห้ แต่ผมก็ยอมขยับให้เธอนั่งข้าง ๆ ผม แน่นอนว่าเธอไม่ได้ไปนั่งตักไอ้เสืออย่างที่มันต้องการ “เอมิ มึงเป็นไรวะ” ไอ้เสือดูร้อนใจมาก ถ้าไม่ติดว่ามันมีผู้หญิงเยอะ ผมจะคิดว่าไอ้เพื่อนคนนี้มันชอบเอมิเลียจริง ๆ “ฮึก เวกัสบอกเลิกฉัน ฮือ~” “ห๊า!!” อย่าว่าแต่ไอ้เสือเลยที่ตกใจ ผมเองก็ตกใจ เพียงแต่ไม่ได้พูด แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ไอ้เวกัส อริของไอ้เสือจะเลิกกับเอมิเลียที่คบกันมานานถึงสองปีนี้ได้ “เกิดไรขึ้นวะ” “ฮึก เขาบอกว่าฉันงี่เง่า” อันนี้ผมแอบเห็นด้วย แต่ไม่พูดดีกว่า “เอ่อ...” ไอ้เสือก็พูดไม่ออก คงเห็นด้วยที่ไอ้เวกัสจะเลิกกับเอมิเลียเพราะเธองี่เง่า “ไม่ต้องร้องหรอก มึงเลิกกับมันไปก็ดีแล้ว ไอ้เวรนิสัยเสียแบบนั้นมึงจะไปคบทำไมวะ” “ฮึก ก็คนมันรักนี่” “มารักกูนี่ กูก็นิสัยเสียพอกัน” ไอ้เสือสวนกลับทันควัน ทำเอาผมเกือบหลุดขำออกมา ไอ้นิสัยเสียพอกันนี่มันน่าชื่นชมเสียเมื่อไหร่กันล่ะ “ไม่ต้องพูดเลย ฮึก หุบปากไปเลย เพราะแกนั่นแหละ เพราะแกเป็นอริกับเวกัส เขาเลยทิ้งฉันไป” “โห่ ไม่เกี่ยวหรอก ใครจะไปทนมึงได้ ถ้าไม่ติดที่นมใหญ่ สวย กูก็ไม่สนใจมึงเหมือนกันนั่นแหละ” ผมบอกแล้วไงว่าอย่าไปคาดหวังกับไอ้เวรเสือมาก นอกจากจะกวนตีนแล้วปากมันโคตรแย่อะ “ฮึก เลิกพูด ถ้างั้นก็ไม่ต้องมายุ่งเลย แล้ว ฮึก ไวเปอร์ล่ะ ทำงานเหรอ” ไม่ว่าเปล่า เอมิเลียหันซ้ายแลขวามองหาไวเปอร์ ซึ่งเจ้าของชื่อนี้ก็คือเพื่อนของเราอีกคน “ไม่ต้องถามหามันหรอก คงไปพ่นพิษใส่ผู้หญิงอีก ฮ่า ๆ” ไอ้เสือว่าพร้อมกับหัวเราะออกมา พ่นพิษนั้นผมว่าใช่ เพราะนอกจากชื่อของมันที่แปลว่างูมีพิษแล้ว มันยังหน้าหม้อชอบล่อผู้หญิงไปอีก แต่มันก็คงตายยาก พอพูดถึงก็เดินมาทางนี้ทันที “เฮ้ย! ได้ยินนะเว้ย!!” ร่างสูงของคนที่เราเพิ่งพูดถึงไปนั้นเดินเข้ามาที่โต๊ะเหล้าโซนวีไอพี ซึ่งไอ้ไวเปอร์มันทำงานที่นี่ เป็นบาร์เทนเดอร์เพราะพ่อมันเป็นเจ้าของคลับแห่งนี้ เลยบังคับให้มันมาทำงาน ...จากนั้นโต๊ะเหล้าก็เต็มไปด้วยเสียงพูดของไอ้เสือ และไอ้ไวเปอร์ คลอไปกับเสียงสะอื้นไห้ของเอมิเลีย และไม่มีเสียงของผมเหมือนเคย เพราะผมกำลังคิดวุ่นกับอะไรบางอย่างในใจ...แก้มใสงอนผมเรื่องขนมโตเกียวอยู่แน่ ๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม