บทที่ 1

1118 คำ
"มึงกำลังจะบอกว่า ลูกหนี้กูตายห่าไปแล้วงั้นเหรอ!?" ไอ้จ๊อดแจ๊ดพยักหน้าระรัว ก่อนจะเปิดรูปงานศพในสมาร์ตโฟนให้ชายหนุ่มดูเป็นหลักฐานการเสียชีวิต ทว่าในรูปถ่ายนั้น กลับเห็นเด็กสาวในชุดนักศึกษาสีขาว นั่งมองโลงศพอยู่เพียงลำพัง ไร้ญาติมาร่วมงานศพของผู้เป็นพ่อ ตั้งแต่วันที่ 'รังสิมันต์' ยื่นมือเข้าไปให้การช่วยเหลือ หลังจากนั้นสามปี เขาถูกครอบครัวบังคับให้แต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนสนิทพ่อเพื่อธุรกิจ จึงไม่ได้ตามติดชีวิตของ 'เมรัย' อีกเลย ไม่แม้แต่จะไปหาหรือเฝ้ามองพฤติกรรมของผู้เป็นพ่อ จึงไม่รู้ว่าชีวิตเด็กคนนั้น เป็นอย่างไรบ้าง "เกิดอะไรขึ้น?" ด้วยความอยากรู้ น้ำเสียงเคร่งขรึมจึงลดโทสะ "เท่าที่ผมเฝ้าดูแทนลูกพี่นะครับ พ่อของเด็กผู้หญิงคนนี้เอาเงินก้อนใหญ่ที่ลูกพี่ให้ยืม ไปซื้อบ้านเพื่ออยู่กับลูกสาว หลังจากนั้นก็เอาเงินไปลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจส่วนตัว ตามที่ลูกพี่บอกให้ผมแนะนำไป" ชายหนุ่มมาดเข้มพยักหน้ารับ เท่าที่ฟังดูก็เหมือนจะดี ไหง๋ไม่มีเงินคืน แถมยังมาตายห่าทั้งที่ยังใช้หนี้ไม่หมด "แล้วทำไมถึงตาย มึงไปหาสาเหตุมาหรือยัง?" "ระดับไอ้จ๊อดแจ๊ด ไปหามาหมดแล้วครับ กำลังจะเล่าให้ลูกพี่ฟังเป็นตอนตอนไป เพราะที่ผ่านมาลูกพี่ทำงาน จนไม่มีเวลาฟังรายงานเกี่ยวกับสองพ่อลูกคู่นี้เลย" "เออๆ งั้นก็เล่ามา ขอเนื้อนะ น้ำไม่ต้อง กูขี้เกียจฟัง" "จัดไปลูกพี่ เนื้อน้ำไม่งอกหนึ่งที่" เจ้าของร่างใหญ่ล่ำสันหลับตาข่มอารมณ์ ก่อนจะง้างบาทายันโครมไปที่สะบั้นเอวสอบสันของลูกน้อง จนกระเด็นไปตามแรงถีบ กลิ้งหลุนๆ ลงไปนอนยิ้มแห้งตรงตีนกระได ก่อนจะรีบตะเกียกตะกายกลับขึ้นมาเล่าเรื่องราวให้เจ้านายฟัง "ขอโทษครับลูกพี่ คราวนี้ผมจริงจังแล้ว" "ให้ไว ก่อนที่กูจะถีบมึงออกไปนอกรั้ว" ไอ้จ๊อดแจ๊ดฉีกยิ้มกวนบาทา พร้อมกับเล่าต่อ "ธุรกิจส่วนตัวที่พ่อของเด็กเอาเงินไปลงครั้งแรก เป็นธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหารครับลูกพี่ ขายข้าวแกงยี่สิบ สามสิบ ให้คนแถวนั้น โดยที่ไม่ยอมศึกษาทำเล ที่ตั้งการขาย ทำให้ธุรกิจแรกเจ๊งกะบ๊งไปตามระเบียบ ต่อมาก็เอาเงินไปเปิดธุรกิจเป็นร้านตัดผม แต่ด้วยความที่ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ ตัดทรงออกมาไม่สวย เลยไม่มีลูกค้าเข้าร้านสักคน ทำให้ธุรกิจที่สองเจ๊งไม่เป็นท่า แล้วทุกครั้งที่ธุรกิจเจ๊ง ก็จะซดเหล้ายาเป็นบ้าเป็นหลัง บางครั้งก็ทำร้ายร่างกายลูกสาวด้วยครับ" ประโยครั้งท้ายทำให้รังสิมันต์ถึงกับขบกรามแน่น "มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ทำไมมึงถึงไม่มารายงานกู!" "ใจเย็นๆ สิครับลูกพี่ ไม่ใช่ว่าผมไม่รายงาน แต่ลูกพี่ไม่มีเวลามาฟังรายงานจากผมต่างหาก ทุกครั้งที่ผมจะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้ ลูกพี่ก็จะบอกปัดว่าไม่มีอารมณ์ฟัง ทำหน้าเหมือนกินรังแตนแล้วก็เดินหนีผมไปตลอด แล้วจะให้ผมรายงานได้ยังไงล่ะครับ" ลูกน้องอีกสองคนที่ยืนฟัง พยักหน้าเป็นกองหนุนว่าเขาแสดงออกอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งในตอนนั้นเขาอาจจะอารมณ์ไม่ดี เพราะเอาแต่ทำงานหนัก จนไม่ได้ปลดปล่อยอารมณ์กับเรื่องอย่างว่า ถึงจะเสพสื่อลามกทั้งคืน ก็ไม่ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมีแต่จะหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม [เรื่องนี้เป็นเหตุผลหลักๆ ที่ส่งผลต่ออารมณ์] "เออ เรื่องนั้นช่างหัวมัน มึงบอกสาเหตุการตายมาสักที!" ชายหนุ่มเริ่มออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างเห็นได้ชัด ลูกน้องจึงรีบรายงาน ด้วยน้ำเสียงเจี๋ยมเจี้ยม "กินยาเบื่อหนูตายครับลูกพี่" "เวรเอ๊ย...กูนึกว่าจะตายห่าเพราะเหล้า" "แต่เท่าที่ผมเห็นมากับตา ลูกสาวแกเป็นคนเอายาให้กินนะครับ" ทั้งสามคนที่ยืนฟัง หันขวับไปมองไอ้จ๊อดแจ๊ดอย่างไม่เชื่อหู เขาเองก็ไม่เชื่อว่าเด็กผู้หญิงคนนั้น จะกล้าทำเรื่องเลวร้าย กับผู้เป็นพ่อของตนเองขนาดนี้ "ผมสาบานว่าผมเห็นแบบนั้นมาจริงๆ ลูกสาวแกถูกพ่อขี้เมาตบตี กระชากหัวจนผมขาดเป็นกระจุก หลังจากนั้นไม่นาน ลูกสาวแกก็เดินไปซื้อยาเบื่อหนูในร้านโชห่วยแถวบ้าน ก่อนจะกลับมาเอายาเบื่อหนูผสมเหล้าให้พ่อกิน พอพ่อตาย ก็รอแจ้งความว่าพ่อเมาเหล้าจนเผลอไปกินยาเบื่อหนู" ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าสังคมและการเลี้ยงดูบีบคั้นให้คนเป็นลูกตัดสินใจทำเรื่องอย่างนี้ได้ ขนาดเจ้าหนี้อย่างเขาที่เคยทำงานเกี่ยวข้องกับความรุนแรง ใช้กำลังกับลูกหนี้ ยังอดใจหายกับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ เพราะคนทำเป็นลูก "ลูกพี่อยากให้ผมไปแจ้งตำรวจไหมครับ?" "ไม่ต้อง" "แต่เด็กคนนั้น..." "กูบอกว่าไม่ต้อง ก็ไม่ต้องไง ฟังไม่รู้เรื่องอ้อวะ!?" "ฟะ ฟังรู้เรื่องครับลูกพี่ แจ่มแจ้งเต็มสองรูหูเลยครับ" เจ้าของใบหน้าคมคายชักสีหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะก้าวขาเรียวยาวลงจากบันได ตรงไปที่รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ พร้อมใส่หมวกกันน็อกใบโต ด้วยความเร่งรีบ "ลูกพี่จะไปไหนครับ?" "ไปงานศพ" "งานศพใครครับ?" "งานศพพ่อมึงมั้ง ถามได้!" "แต่พ่อผมยังไม่ตายนะครับลูกพรี่!" "มึงมานี่เลยไอ้จ๊อดแจ๊ด อย่าหาเรื่องให้ลูกพี่ด่า!" ไอ้ปลิงกับไอ้เผือกรีบเข้ามาลากเพื่อนออกไปทันที บรืนนน! รถมอเตอร์ไซค์ Superleggera V4 สีแดงตัดดำขับเคลื่อนเข้ามาจอดในวัดแห่งหนึ่ง ก่อนที่ชายร่างใหญ่ล่ำสันจะย่างกรายเข้าไปหาศาลาสวดอภิธรรมศพ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นควันสีเทาหม่น ล่องลอยไปบนท้องฟ้า ผ่านปล่องเมรุขาวโพลนที่กำลังเผาร่างหมดกรรมอยู่ในขณะนี้ เมื่อละสายตาจากควันดำ รังสิมันต์ก็เห็นเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่ง กำลังยืนหันหน้าเข้าหาเมรุ พร้อมกับก้มหน้ารับในความผิดที่ตนเองกระทำกับผู้เป็นพ่อ หยดน้ำตาสีใสขนาดเท่าเม็ดฝนร่วงกราวลงบนพื้นหยดแล้วหยดเล่า ถึงจะไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย แต่เด็กสาวก็ใจสลายที่ผู้เป็นพ่อได้จากโลกนี้ไปแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม