พาทีได้ยินทุกคำตัดพ้อของเดหลี แต่ทำยังไงได้ เมื่อไม่อาจเป็นคนคนนั้นของสาวน้อยได้ แม้จะพยายามปล่อยชะตาชีวิตตัวเองเดินไปตามทางที่ถูกลิขิตไว้ แต่เขาก็ทำใจไม่ได้ที่จะให้เป็นแบบนั้น เขาไม่ปรารถนาจะให้เธอเจ็บปวดกับความจริงที่ว่าเขาไม่ใช่ ‘มนุษย์’ อย่างเธอ เขาคือ ‘ยักษ์’ และไม่มีวันจะเป็นมนุษย์ผู้ชายธรรมดาเพื่อเธอได้
“ฉันรู้ทุกอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจเธอเดหลี”
เขาพึมพำกับตัวเองขณะนั่งรอให้เด็กสาวมาหาตัวเองที่ห้องนั่งเล่น และระหว่างรอก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือนบ้านที่แสนเงียบสงบของตนเอง
“คุณปู่” เสียงมาก่อนที่ตัวจะปรากฏขึ้น
“ว่าไงตรีศูล”
พาทีขานรับคำหลานชายพร้อมกับตรีศูลปรากฏตัวนั่งยังโซฟาตัวเดียวที่อยู่ตรงข้ามตัวเอง
“ผมแวะมาชวนพี่เดหลีไปดูงานที่ฟาร์มครับ” ตรีศูลเอ่ยยิ้มๆ พร้อมกับหยิบแอปเปิลในตะกร้าที่วางอยู่โต๊ะกลางโซฟาขึ้นมากัดกิน
“ตรีศูลจะให้เดหลีทำงานที่นี่ให้ได้เลยใช่ไหม” พาทีถามหลานชาย
“ก็แล้วทำไมจะไม่ได้ครับ ก็มันกิจการของครอบครัวเรา ปู่พาทีจะให้พี่เดหลีไปทำงานเป็นลูกน้องคนอื่นทำไมครับ”
แม้จะรู้ว่าปู่ของตนกังวลเรื่องอะไร แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ขนาดแม่ของเขายังรักกับพ่อของเขาได้และย่าของเขายังรักกับปู่ของเขาได้ แล้วทำไมปู่พาทีถึงได้ทำให้ตัวเองเป็นกังวลแบบนี้ ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันชัดเจนมาตลอดว่าตัวเองรักและห่วงใยเดหลีมากกว่าใคร ถึงแม้จะพยายามปิดซ่อนความรู้สึกในใจตัวเอง แต่ใช่ว่ามันจะไม่มีวันระเบิดออกมา
“ตรีศูลไม่เข้าใจปู่”
“ปู่พาทีก็ไม่เข้าใจพี่เดหลี ถ้าปู่เข้าใจ ปู่จะไม่ผลักไสพี่เดหลีแบบนี้ แล้วเมื่อคืนเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแล้วปู่ยังจะผลักไสพี่เดหลีไปอีกเหรอครับ”
“เฮ้อ! เดี๋ยวนี้ยุ่งเกินไปแล้วนะตรีศูล พ่อของเราก็คนหนึ่งแล้วและปู่ของเราอีก ปู่รู้ว่าปู่กำลังทำอะไรอยู่ ให้เวลาปู่บ้างได้ไหม” พาทีไม่เข้าใจ ทำไมทุกคนต้องมาเครียดและกลัดกลุ้มเรื่องของเขาแทนเขากันด้วย
“ทุกคนเป็นห่วงปู่นี่ครับ ปู่พาทีเป็นครอบครัวของเรา พวกเราสนับสนุนปู่นะครับ”
“ปู่รู้ว่าทุกคนเป็นห่วงปู่” พาทีตอบพร้อมกับมองที่หน้าห้องนั่งเล่นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเล็กๆ ย่ำเดินมาทางนี้ “เดหลีมาแล้ว คุยกันเถอะ” พาทีบุ้ยปากไปทางหน้าห้องเมื่อคนที่พูดถึงเดินมาถึง
“ตรีศูลจะมาทำไมไม่โทรมาบอกพี่ก่อน” เดหลีเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับถามแขกของบ้าน
“ก็มาเซอร์ไพรส์พี่เดหลียังไงครับ เมื่อคืนหลับสบายดีไหมครับ” ตรีศูลถามคนที่ทิ้งตัวลงนั่งโซฟาตัวที่ว่างข้างๆ ตนเอง
“สบายดีจ้ะ”
แม้จะงงว่าตัวเองไปนอนบนห้องได้ยังไง และก็ตื่นสายอีก แต่ก็ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจของตนเอง
“ผมว่าจะมาหาพี่เดหลีตั้งแต่เมื่อวาน แต่แม่กับพ่อห้ามไว้เลยมาวันนี้ และผมจะพาพี่เข้าไปดูงานในโรงงานและฟาร์มของเราด้วยครับ”
“ดีเลย พี่อยากเริ่มงานแล้ว ไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ”
เธอพูดพร้อมกับยกมือขึ้นปัดปอยผมที่ปลิวมาติดแก้มไปทัดไว้ข้างหู
“ผมมีของมาให้พี่ด้วยนะ ผมจำได้ครั้งก่อนที่ผมแวะไปหาพี่แล้วพี่บอกอยากได้ ผมเลยซื้อไว้ให้พี่ตอนพี่เรียนจบ”
แล้วเขาก็คว้ามือจับมือพี่สาวพร้อมกับอีกมือล้วงกระเป๋าเสื้อลายสก็อตของตัวเองนำสิ่งที่นำมาด้วยออกมาวางไว้บนมือเล็กของเดหลี
“ตรีศูลไปซื้อตอนไหนเนี่ย” เธอดีใจมากเมื่อเห็นกิ๊บติดผมที่ตัวเองตัดใจไปนานแล้วมาวางอยู่ในมือ
“ก็ซื้อตอนที่พี่เดินไปเข้าห้องน้ำไงครับ”
“มันแพงมากนะตรีศูล”
“แต่มันเหมาะกับพี่เดหลี ไม่มีใครเหมาะกับมันได้เท่าพี่อีกแล้ว” เขาบอกตอบแล้วลุกขึ้นยืนหยิบกิ๊บที่เพิ่งวางในมือน้อยมาถือไว้แล้วพูดต่อ “ผมติดให้ ถือว่านี่เป็นของขวัญเรียนจบนะครับ” แล้วตรีศูลก็บรรจงติดกิ๊บให้พี่สาวอย่างอ่อนโยน
ภาพสนิทสนมของทั้งสองก็สร้างความรู้สึกไม่พอใจให้กับคนที่นั่งร่วมอยู่ในห้องด้วย พาทีนั่งมองสองคนและฟังทั้งสองพูดสนทนากันแล้วก็รู้สึกขัดหูขัดตากับท่าทางกรุ้มกริ่มของหลานชาย จริงอยู่ทั้งสองโตมาด้วยกัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เด็กแล้ว ทั้งสองโตเป็นหนุ่มสาวกันเต็มวัย ถึงจะโตมาด้วยกัน เลี้ยงด้วยกันมาแบบพี่น้อง แต่ก็ใช่ว่าสายเลือดเดียวกัน
“ตรีศูล เดหลี” พาทีเอ่ยเรียกชื่อเด็กทั้งสองเมื่อเห็นว่าสองคนคุยกันหัวเราะคิกคัก ไม่สนใจตัวเองที่นั่งอยู่ด้วย
“คะ/ครับ” ทั้งสองเสียงขานรับพร้อมกันและมองไปทางต้นเสียงที่ทั้งสองหลงลืมการมีตัวตนของอีกฝ่ายไป
“คุยกันตามสบายนะ ปู่ไปธุระในเมืองก่อนตรีศูล” พาทีมองหน้าของเดหลีแล้วหันมาพูดกับตรีศูลแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ครับ” ตรีศูลอมยิ้มให้กับคนน้อยใจแล้วหันมาสนใจพี่สาวต่อ
“แล้วไหนคุณพาทีบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับเดหลียังไงคะ” เดหลีถามคนที่กำลังจะจากไป
“เธอไม่ว่างแล้วฉันจะคุยได้ยังไง ว่างเมื่อไหร่ค่อยคุยก็ได้” แล้วคนขี้น้อยใจก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไป
“คนแก่น้อยใจแล้วนะพี่เดหลี” ตรีศูลเอ่ยและคนที่จากไปก็ได้ยินจึงหยุดเท้าที่กำลังก้าวเดินหันมาตอบกลับ
“ปู่ไม่ได้น้อยใจตรีศูล อย่าพูดให้เดหลีเข้าใจผิด” แล้วเขาก็เดินไปต่อ ส่วนเดหลีก็บ่นขมุบขมิบให้กับความเผด็จการของพาที
“พี่เดหลีเชื่อที่ปู่พาทีพูดเหรอครับ?” ตรีศูลจอมป่วนเอ่ยถามพี่สาวที่โตมาด้วยกัน
“ไม่รู้สิ ว่าแต่ตรีศูลจะพาพี่ไปดูงานใช่ไหมวันนี้ พี่เดหลีขอไปเอามือถือก่อนนะและเปลี่ยนชุดก่อน จะใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์กับเสื้อลายสก็อตเหมือนตรีศูล” เธอบอกชายหนุ่ม
“ครับผม” แล้วเดหลีก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่น ทิ้งให้ตรีศูลนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นเพียงลำพังและก็มีเสียงดังอยู่ข้างหู ‘อย่ายุ่งเยอะตรีศูล’ เป็นเสียงของมังกรกัณฐ์ พ่อของเขานั่นเอง
‘ผมก็แค่อยากช่วยพี่เดหลีกับปู่พาทีเท่านั้นเองครับ’ เขาตอบกลับพ่อตัวเองและมีเสียงหัวเราะขำดังส่งกลับมา