“หย่า?” คิ้วเข้มขมวดยุ่งทันทีเมื่อเปิดอ่านเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ทางทนายความของภรรยาตัวน้อยที่เรียนอยู่เยอรมันส่งมาให้ เจ้าตัวอยู่เยอรมัน แต่ให้ทนายความส่งเอกสารขอหย่ามาให้ มันน่านัก เขารึอุตส่าห์อดทนรอ รอวันที่เธอจะกลับมา
“หมายความว่ายังไงทนายประภพ” น้ำเสียงทุ้มห้าวถามทนายของภรรยาทันที
“คุณหนูต้องการหย่า เพราะตอนนี้คุณหมอฤทธิ์ก็ได้ทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะหุ้นของโรงพยาบาล สิทธิ์ทุกอย่างในโรงพยาบาล คุณหนูเลยต้องการจะหย่ากับคุณหมอฤทธิ์ครับ” ทนายวัยกลางคนบรรยายเหตุผลที่ตัวเองได้รับฟังมาจากเจ้านายสาวของตัวเอง
“อยากหย่าก็มาหย่าเอง ไม่ต้องให้ทนายมาก็ได้” หมอหนุ่มตอบเสียงห้วน
“คือว่าคุณหนูอยากให้ผมจัดการเรื่องหย่าให้เสร็จก่อนที่เธอจะมาถึงวันศุกร์ที่จะถึงนี้ครับ”
“ว่าไงนะ? น้องช่อจะกลับไทย แล้วทำไมผมไม่รู้?” เขาถามกลับทันที เขาเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย เธอไม่คิดจะบอกเขาสักคำว่าจะกลับมาเมืองไทย แต่กลับบอกทนายของเธอแทน
“คือ...” ทนายประภพก็ตอบไม่ถูกเหมือนกันเมื่อเจอคำถามนี้
“บอกน้องช่อว่าอยากได้ใบหย่าก็มาจัดการเอง ผมไม่เซ็นให้หรอกนะ กลับไปเถอะ นำใบหย่ากลับไปด้วย” เขาพูดจบก็เก็บเอกสารใส่ในซองตามเดิมแล้วส่งกลับให้ทนายกลางคน
“ครับ เดี๋ยวผมจะบอกคุณหนูตามที่คุณหมอฤทธิ์บอกครับ” ทนายประภพเอ่ยจบก็ลุกขึ้นยกมือไหว้ลาผู้เป็นเจ้านายทันที ส่วนหมอหนุ่มก็ยกมือไหว้ตอบ แม้ตัวเองจะเป็นเจ้านาย แต่ตัวเองก็อายุน้อยกว่าอีกฝ่าย และทันทีที่ประตูห้องทำงานปิดสนิท เขาก็ตบโต๊ะทำงานตัวเองทันที
ปัง!
“หย่างั้นเหรอน้องช่อ พี่ได้ทุกอย่างแล้วงั้นเหรอ เข้าใจผิดแล้ว พี่ยังไม่ได้ตัวเราแล้วจะเรียกว่าได้ทุกอย่างได้ยังไง”
สันกรามแกร่งปูดโปนขึ้นทันทีเมื่อคิดถึงหน้าหวานเมื่อห้าปีก่อน ก่อนที่เธอจะเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เขาและเธอถูกผู้ใหญ่จับแต่งงานกัน เขาเต็มใจแต่แม่สาวน้อยไม่เต็มใจ หาว่าเขาแก่บ้างล่ะ ไม่อยากแต่งงานกับคนแก่ ส่วนเขาชอบเธอ ชอบเด็กคนนี้นักล่ะ ชอบตั้งแต่เจอกันครั้งแรกก็ว่าได้ ซึ่งหลังจากแต่งงานกันก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยกับแม่สาวน้อยหน้าหวานจอมดื้อ จนเมื่อสามเดือนก่อน เขาเจอเธอตอนที่กลับมางานศพของพ่อกับแม่เธอที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปพร้อมกันทั้งสอง และเรื่องนั้นสร้างความเสียใจให้เธอเป็นอย่างมาก เขาก็ได้แต่ปลอบเธออยู่ห่างๆ เพราะเธอไม่ยอมให้เขาเข้าพบหรือเข้าหาเลยแม้แต่น้อย สาวน้อยสร้างกำแพงไว้สูงจนเขาเข้าหาไม่ถึง แต่เขาก็อดทนรอ รอวันที่เธอเรียนจบกลับมาอยู่เมืองไทย รอเธอกลับมาเป็นภรรยาของเขาไม่ใช่แค่ภรรยาในนามเหมือนหลายปีที่ผ่านมา
ร่างเล็กเพรียวระหงเดินมาหยุดที่หน้าห้องของผู้บริหารโรงพยาบาล ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นห้องของพ่อของเธอ แต่มาตอนนี้มันเป็นห้องของนายแพทย์ฤทธิ์ เกริกฤทธิ์พิเศษศาล สามีของเธอ เขาเป็นสามีในนามของเธอแค่นั้นเธอบอกตัวเอง ตอนนี้เขาคงจะอายุมากแล้ว น่าจะ 37 ปีแล้ว เพราะตอนแต่งงานกันเธออายุ 18 ปี เขาอายุ 32 ปี ตอนนี้เธอ ชนัญกันย์ เกริกฤทธิ์พิเศษศาล อายุ 23 ปี ดวงตากลมโตสดใสร่าเริงอ่านทวนชื่อหน้าประตูห้อง ทวนซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะนามสกุลที่เธอและเขาใช้ร่วมกัน ก่อนจะแสยะยิ้มกลั้วขำออกมาแล้วถือวิสาสะเปิดเข้าไปในห้องทำงานของเขาทันที โดยไม่สนใจเสียงเลขาหน้าห้องของเขาแม้แต่น้อย
“นี่คุณเป็นใคร” เลขาสาวหน้าห้องรีบเดินมาขวางทางสาวแปลกหน้าทันที
“ฉันเป็นใครไม่สำคัญ ที่แน่ๆ ฉันไล่เธอออกได้ก็แล้วกัน พี่หมอฤทธิ์ไปไหน?” ชนัญกันย์ถามทันทีเมื่อเข้ามาในห้องแล้วไม่เจอเขา เจอแต่เสื้อสูทสีดำที่แขวนไว้ที่ที่แขนเสื้อ
“แล้วทำไมฉันต้องบอกคุณด้วยว่าผู้อำนวยการไปไหน คุณออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
เลขาสาวยังคงตีฝีปากกล้าตอบกลับไป ส่วนชนัญกันย์ได้แต่ยกยิ้มแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งลงเก้าอี้ทำงานของเขาพร้อมกับหยิบรูปที่ตั้งที่โต๊ะทำงานของเขามาดู มันเป็นรูปแต่งงานของเธอกับเขานั่นเอง เธอมองรูปแล้วก็อดเผลอยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อนึกถึงงานแต่งงานของตัวเอง
“อยากรู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร?” เธอถามเลขาหน้าห้องของเขา
“ใช่”
“ฉันไม่เหมือนกับคนในรูปนี้ตรงไหน” เธอยกรูปในมือขึ้นมาเทียบกับหน้าตัวเองให้หล่อนดู แม้เวลาจะผ่านไปห้าปี แต่ทุกอย่างบนใบหน้าสวยหวานยังคงเหมือนเดิม โดยเฉพาะดวงตา ซึ่งวันนี้สวยมาก สวยกว่าเมื่อห้าปีที่แล้ว เพราะหน้าที่ตอบได้รูปตามช่วงวัยทำให้เธอดูสวยกว่าแต่ก่อน
“คะ...คุณคือภรรยาของผู้อำนวยการ”
เลขาสาวรู้เพียงว่าเจ้านายตัวเองแต่งงานแล้ว แต่ไม่เคยเห็นภรรยาของเจ้านายมาตลอด นอกจากรูปถ่ายแต่งงานที่ตั้งอยู่โต๊ะทำงาน ตลอดสามปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยเห็น รู้แต่ว่าภรรยาของเจ้านายไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และวันนี้ได้เจอตัวจริงยอมรับเลยว่าเธอสวยมาก ไม่แปลกที่ผู้อำนวยการจะเลือกเธอ
“รู้แล้วบอกฉันได้รึยังว่าพี่หมอฤทธิ์ไปไหน” เธอถามย้ำคำถามเดิมก่อนหน้าอีกครั้ง
“ผู้อำนวยการติดผ่าตัดใหญ่ค่ะ” เลขาสาวตอบ ตอนนี้รู้แล้วว่าคนตรงหน้าสามารถไล่ตัวเองออกได้จริงๆ
“อือ...นานไหมกว่าพี่หมอฤทธิ์จะผ่าตัดเสร็จ” เธอถามกลับ
“ปกติเก้าชั่วโมง ตอนนี้ก็ผ่านไปแล้วเจ็ดชั่วโมงค่ะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็ตามกำหนดเก้าชั่วโมง แต่ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นก็อาจจะช้าไปอีกค่ะ”
“อือ...งั้นเธอไปเถอะ ฉันจะรอพี่หมอฤทธิ์ในห้อง ว่าแต่คุณเป็นเลขาเหรอ ชื่ออะไร”
“ค่ะ ฉันเป็นเลขาของผู้อำนวยการ ฉันชื่ออรณีค่ะ คุณชนัญกันย์” แม้ไม่เคยเจอหน้า แต่ก็รู้ว่าภรรยาของเจ้านายชื่ออะไร
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณอรณี เรียกฉันว่าช่อก็ได้ค่ะ และดูท่าฉันจะอายุน้อยกว่าคุณ เรียกฉันว่าน้องช่อก็ได้นะคะ ยังไงฉันก็เด็กกว่าคุณ” เธอบอกอีกฝ่าย
“ขอบคุณค่ะคุณช่อ” เธอขอบคุณ
“ค่ะ งั้นฉันไม่กวนคุณอรณีแล้ว เชิญไปทำงานของตัวเองเถอะค่ะ และขอกาแฟสักแก้วได้ไหมคะ” ก่อนอีกฝ่ายจะออกไป ชนัญกันย์จึงเอ่ยถาม
“ได้ค่ะ เดี๋ยวอรณีชงมาให้นะคะ”
“ขอบคุณนะคะ” ชนัญกันย์ขอบคุณเลขาของสามี ก่อนจะนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วเปิดกระเป๋าสะพายล้วงหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมากดเล่นฆ่าเวลาระหว่างรอสามีของตัวเอง